ตอนที่ 1100 ฝ่าฟันอุปสรรค

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 1100 ฝ่าฟันอุปสรรค

ทุกพื้นที่ในต้าเซี่ยหยุดราชการทั้งหมด ยกเว้นศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติที่ตั้งอยู่นอกเขตซื่อหยาง

ฉินเฉิงเย่และช่างฝีมือหลายพันคนกำลังศึกษาวิจัยเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน

ในขณะนี้ นักวิจัยกลุ่มแกนนำ 30 คนถูกเขาเรียกตัวมาที่ห้องประชุม บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างอึดอัด

“นี่คือโครงการที่ฝ่าบาททรงมอบให้พวกเราจัดการเมื่อหนึ่งปีก่อน ทว่าบัดนี้พวกเราติดอยู่ที่การแปรรูปของข้อเหวี่ยงและกระบอกลูกสูบ ! ”

“เพลาของข้อเหวี่ยงยังมิแข็งแรงพอและสมรรถนะการอัดอากาศของกระบอกสูบยังมิได้มาตรฐาน ดังนั้นจึงมิสามารถเชื่อมโยงสองส่วนที่สำคัญที่สุดได้”

“เหล่าโจว ข้าต้องการเหล็กที่มีแรงต้านทานมากกว่านี้ เหล่าเฉิน ข้อเหวี่ยงต้องการความละเอียดและแม่นยำมากกว่านี้ ยกให้สูงขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น ! ”

“ข้าครุ่นคิดมาโดยตลอดว่าควรจะจุดเพลิงเผาไหม้ก่อนขั้นตอนการบีบอัด วิธีการนี้จะทำให้อุณหภูมิลูกสูบลดลงเพื่อที่จะกระตุ้นแรงดันให้สูงมากขึ้น…”

ฉินเฉิงเย่ยืนวาดรายละเอียดของแต่ละขั้นตอนการทำงานของเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในอีกคราบนกระดานดำและทำการอธิบายไปด้วย จากนั้นทุกคนจึงเปิดการอภิปรายขึ้นมา

โจวเถียเจี้ยงขมวดคิ้วมองสิ่งนี้แล้วสูดหายใจเข้าลึก พลางครุ่นคิดในใจว่าข้อเหวี่ยงจะต้องทนต่อแรงกด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของสิ่งนี้ ดังนั้นจะต้องใช้เหล็กที่แข็งแรงกว่า แล้วจะทำเยี่ยงไรถึงจะได้เหล็กที่ดีที่สุดเล่า ?

สรุปก็คือแรงต้านของเหล็กที่มีความเกี่ยวพันธ์กับปริมาณคาร์บอนจะทำให้องค์ประกอบภายในเกิดการความร้อนขึ้นมา จากการทดลองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อปริมาณคาร์บอนเพิ่มขึ้น ความแข็งของเหล็กก็จะเพิ่มขึ้นตาม ทว่าจะเปราะบางมากหากโดนความร้อนหรือนำไปเผาไฟ หรือจะเติมโลหะอื่น ๆ เข้าไปดี หากทำเป็นโลหะผสม…เหล็กจะมีคุณภาพที่ดีขึ้นหรือไม่ ?

จากนั้นก็มีความคิดใหม่ ๆ บางอย่างแล่นเข้ามาในสมองของโจวเถียเจี้ยง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าเรื่องนี้เหลวไหลไปบ้าง แต่ฝ่าบาทก็เอ่ยแล้วมิใช่หรือ ? วิทยาศาสตร์เป็นการสมมติฐานในการเสาะแสวงหาหลักฐานที่จะยืนยันความเป็นจริงอย่างรอบคอบ มิแน่ว่านี่อาจจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

เยี่ยงไรเสีย เหล่านักวิจัยที่ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติคงลืมเรื่องปีใหม่ไปแล้วอย่างแน่นอน

หลังจากการประชุมสิ้นสุดลง พวกเขาต่างก็กลับไปทำหน้าที่ของตนเอง พาเหล่าลูกทีมถกขากางเกงและพับแขนเสื้อขึ้น จากนั้นก็ทำการทดลองต่าง ๆ อีกครา

ในเวลาเดียวกัน รางรถไฟที่มีความยาว 6 ลี้ซึ่งอยู่มิไกลจากศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ก็ได้ปูจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว

นี่คือการทดลองด้านทฤษฎีวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่จากกรมรถไฟของศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ พวกเขากำลังทำการวิจัยสิ่งที่เรียกว่ารถไฟอยู่ บัดนี้พวกเขาได้เข้าสู่ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดแล้ว จะทำเยี่ยงไรให้เครื่องยนต์เผาไหม้ภายในมีแรงขับเคลื่อนทำให้สิ่งที่มีขนาดใหญ่มหึมานี้ขยับได้ !

ตามแผนการวิจัยของฉินเฉิงเย่ ฤดูร้อนปีหน้าจะต้องพร้อมทดลองรถไฟคราแรก ดังนั้นทุกคนจึงทำงานกันอย่างหนัก เพราะมีเวลาที่จำกัด

มิมีผู้ใดพร่ำบ่นเกี่ยวกับการทำงานหนักหนาสาหัสเลยสักคน และมิมีผู้ใดเอ่ยถามถึงเงินเดือนด้วยเช่นกัน พวกเขาต่างก็หมกหมุ่นอยู่กับการทำงานด้วยความสุข

พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่เกือบจะถูกลืมจากราษฎรต้าเซี่ย ทว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นพวกเขาที่ทำให้ต้าเซี่ยเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมคราที่สอง

……

……

กระดานไพ่นกกระจอกถูกตั้งไว้ในตำหนักฉืออัน สวี่หยุนชิงเดินเข้าไปในสวน จ้องมองไปยังแผ่นหลังของบุตรชายแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ยาวิเศษที่เจ้ามอบให้แก่สุ่ยหยุนเจียน เขาใช้ไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น จากนั้นเจ้าก็มอบให้กับเจี่ยหนานซิง ทว่าเขากลับมิได้กินมันเข้าไป เขาส่งต่อยาวิเศษให้กับฟู่ต้ากวน เจ้าอ้วนจึงส่งต่อให้เจ้า ก่อนที่เขาจะจากไป เขากำชับให้ข้าส่งต่อยาวิเศษนี้ให้แก่เจ้า เจ้าจงรับไปเถิด…พอเจ้ากินมันเข้าไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะมิอาจเป็นปรมาจารย์ได้ ทว่าก็คงสามารถทะลวงขึ้นไปเป็นผู้มีฝีมือขั้นหนึ่งได้มิยาก”

สวี่หยุนชิงมอบยาวิเศษครึ่งที่เหลือให้แก่ฟู่เสี่ยวกวน เขารับมันเอาไว้ ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “บัดนี้ความสามารถอันยิ่งใหญ่คงจะไร้ประโยชน์เสียแล้ว”

“เอ่ยอันใดออกมากัน ผู้มีฝีมือขั้นหนึ่ง อย่างน้อยก็ป้องกันการถูกลอบสังหารได้…เจ้าชอบออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ผู้ใดจะรู้เล่าว่าจะมีคนเลวแอบอ้างเป็นคนดีเพื่อเข้าถึงตัวเจ้าหรือไม่ ? ”

เหตุผลนี้ก็มากเพียงพอแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนเก็บยาวิเศษเม็ดนี้ไว้อย่างดี จากนั้นก็นั่งสนทนากับสวี่หยุนชิงในศาลา

“ท่านแม่ หอเทียนจีถูกสร้างขึ้นมาเมื่อใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

สวี่หยุนชิงส่ายศีรษะเบา ๆ “แม่ได้ข่าวว่าหอเทียนจีนั้นมีมานานแล้ว ส่วนเรื่องที่สร้างในราชวงศ์ใดนั้น แม่มิเคยให้ความสนใจเรื่องนี้มาก่อน เหตุใดถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า ? ”

ซูฉางเซิงเอ่ยว่าจะเป็นการดีกับตัวเขาเองที่จะมิไปเปิดชั้นสิบแปดของหอเทียนจี ทว่าคำเอ่ยนี้กลับยั่วยุให้ฟู่เสี่ยวกวนอยากไปค้นหาความจริง

จะต้องมีความลับสำคัญซ่อนอยู่ในนั้นเป็นแน่ ทว่าบัดนี้ยังมิมีผู้ใดรู้ก็เท่านั้นเอง

เพื่อมิให้สวี่หยุนชิงเป็นกังวล เขาจึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ก็แค่อยากรู้เท่านั้นเองขอรับ”

“ก็แค่สำนักสายลับเท่านั้นเองมิใช่หรือ มีอันใดให้อยากรู้กัน ? แม่เพิ่งคิดได้ลูกเอ๋ย…”

สวี่หยุนชิงโน้มตัวไปข้างหน้า จ้องมองฟู่เสี่ยวกวนแล้วตริตรองอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยเสียงแผ่วขึ้นมาว่า “แม่…อยู่กับพวกเจ้าในวังหลวงมานานมากแล้ว แม่คิดว่า…แม่ชื่นชอบที่จะเที่ยวระเหเร่ร่อนไปต่อสู้ชีวิตในโลกกว้างมากกว่า แม่อยู่ที่นี่…แม่กินจนอ้วนและขี้เกียจทำงานแล้ว”

สวี่หยุนชิงหยุดชั่วครู่ แล้วเอ่ยต่ออีกว่า“ดังนั้นแม่จึงคิดว่าหลังปีใหม่ แม่จะออกเดินทางระเหเร่ร่อนไปต่อสู้ชีวิตในโลกกว้างอีกครา จะได้รู้สึกอิสระขึ้นมาบ้าง เจ้าคิดเห็นว่าเยี่ยงไร ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนเบิกโพลงขึ้นมาทันใด… เดินทางท่องเที่ยวทั่วหล้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ใต้หล้านี้มีอันใดให้น่าเที่ยวกัน ?

“เป็นเพราะลูกกับลูกสะใภ้ทำอันใดผิดไปหรือไม่ ? ”

สวี่หยุนชิงรีบยกมือห้ามทันใด “มิใช่ ๆ พวกเจ้าเป็นคนดี แม่นั้นปลื้มใจมากยิ่งนัก เพียงแต่แม่คิดว่าอยู่ในวังมานานมากแล้ว อยากจะไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายบ้าง”

เรื่องนี้ก็เข้าใจอยู่หรอก ตัวเขาก็คิดจะหาโอกาสออกไปข้างนอกอยู่ทุกวี่ทุกวันมิใช่หรือ ?

“เยี่ยงนั้นก็ให้ซินเหยียน หรือซูซู หรือไม่ก็เพ่ยเอ๋อร์เดินทางไปกับท่านด้วยเถิด จะได้มีคนดูและปรนนิบัติรับใช้ท่าน”

“มิต้องหรอก ให้พวกนางอยู่ดูแลเจ้าเถิด เจ้าเรียกร้องให้ราษฎรคลอดบุตร 3 คนมิใช่หรือ ? เรื่องนี้จะต้องเริ่มจากตัวเจ้าเสียก่อน มีภรรยา 10 คน เจ้าต้องทำให้ทุกคนคลอดบุตรออกมา 3 คน ลูกเอ๋ยเจ้าจะต้องพยายามให้มากกว่านี้ หากแม่กลับมาอีกครา แม่จะต้องได้เห็นหลายชายและหลานสาว 30 คน ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนยังจะเอ่ยอันใดได้อีกกัน ดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะทิ้งให้พวกนางอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปบ้าง ดังนั้นคืนนี้คงต้องเริ่มจากตำนักของสวี่ซินเหยียนก่อน…มีมากถึง 10 คนเชียว ร่างกายนี้คงจะทนมิไหวเป็นแน่ !

“ท่านแม่…ท่านจะไปที่ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

สวี่หยุนชิงยกมือขึ้นมาม้วนผมของตนเองเล่น “เดินท่องเที่ยวอย่างอิสระ จะมีจุดหมายได้เยี่ยงไร ? แต่ว่าจะเดินทางไปยังสำนักเต๋าอย่างแน่นอน… แม้ว่าบัดนี้จะมิมีผู้ใดอยู่ในสำนักเต๋าแล้ว ทว่าอาจารย์ของแม่ยังอยู่ที่นั่น อีกประการหนึ่งจะไปปัดกวาดสักหน่อย หากแม่พบเจอเด็กที่มีความเฉียวฉลาดระหว่างเดินทางก็จะรับมาเป็นลูกศิษย์ แม่จะมิปล่อยให้สำนักเต๋าถูกทิ้งร้างเช่นนี้”

นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว จะปล่อยให้สำนักเต๋าที่สืบทอดมานานถูกทิ้งร้างเยี่ยงนี้มิได้ ดังนั้นก็ให้ท่านแม่ไปจัดการเรื่องนี้เถิด

“เช่นนั้นท่านจะต้องเขียนจดหมายถึงข้าบ่อย ๆ เพื่อให้ข้ารับรู้ว่าท่านปลอดภัยดี”

“อือ…”

“ในเมื่อท่านจะไปแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะกินยานี่เสีย จะได้ทะลวงขั้นหนึ่งเสียที”

“ได้ ! แม่จะคอยปกปักษ์เจ้าเอง”

ปีนี้…ฟู่เสี่ยวกวนใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

หลายวันที่ผ่านมานี้สวี่หยุนชิงมิได้เล่นไพ่นกกระจอกอีก เพราะนางได้ปักหลักคุ้มกันอยู่ด้านนอกตำหนักหยางซินตลอดเวลา

หลังจากเวลาผ่านไปสามวัน ราชสำนักได้เปิดทำการ สวี่หยุนชิงจากไปอย่างไร้ร่องรอย…