ณ.ตระกูลเฉิน ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ และตามคำสั่งของเฉินโม่ คนของตระกูลเฉินไม่ได้จริงจังกับเรื่องที่ล่วงเกินตระกูลหลิน
จนกระทั่งหลินเจิ้นหนานพาเฉาจื่อหมิงและเซี่ยโหวปามาถึงตระกูล สมาชิกของตระกูลเฉินถึงตกใจ
ในที่สุด สามตระกูลแข็งแกร่งที่สุด ที่อยู่ภายใต้ตระกูลโม่ก็มาแล้ว
เฉินกั๋วจงและเฉินโม่ออกไปทำธุระข้างนอกด้วยกัน เมื่อเฉินกั๋วเหลียงไม่อยู่ เฉินกั๋วจงทำได้เพียงออกหน้าควบคุมสถานการณ์โดยรวมแทน
“ตงชุ่น คุณไปเปิดประตูต้อนรับแขก!” เฉินกั๋วจงกล่าวอยู่ในห้องโถง
“ครับ!” เฉินตงซุ่นโค้งคำนับ แล้วเดินไปต้อนรับหลินเจิ้นหนานและคนอื่น ๆ
ตระกูลหลิน ตระกูลเฉา และตระกูลเซี่ยโหว สามตระกูลมาพร้อมกับลูกน้องสิบกว่าคน แล้วยังมีเหล่าผู้ทรงอิทธิพลชื่อดังในท้องถิ่นอีกด้วย พวกเขาเดินตามเฉินตงซุ่นตรงไปที่ห้องโถงของตระกูลเฉินทันที
แม้ว่าเฉินกั๋วจงจะรู้ว่าสามตระกูลนี้มาร้าย แต่เขาก็ไม่สามารถเสียมารยาทได้ โดยเฉพาะพวกเขายังพาเหล่าผู้ทรงอิทธิพลชื่อดังในท้องถิ่นมาด้วยมากมาย
เฉินกั๋วจงรีบเดินไปข้างหน้า ต้อนรับทักทายด้วยตนเอง ประสานมือทั้งสองข้างเป็นการคำนับ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีต้อนรับทุกท่านมาตระกูลเฉิน มิได้ต้อนรับทันที โปรดอภัยด้วย!”
เฉาจื่อหมิงที่เป็นคนอารมณ์ร้อน กวาดมองไปทั่วห้องโถงของตระกูลเฉิน และถามด้วยสีหน้าเย็นชาทันที “เฉินกั๋วเหลียงอยู่ไหน?”
เหล่าผู้ทรงอิทธิพลชื่อดังที่หลินเจิ้นหนานเชิญมา เมื่อเห็นว่าเจอหน้ากันบรรยากาศก็ตึงเครียดแบบนี้ ทำให้พวกเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเฉาจื่อหมิงเรียกชื่อผู้นำตระกูลเฉินโดยตรง สมาชิกทุกคนของตระกูลเฉินที่อยู่ในห้องโถงต่างแสดงสีหน้าไม่พอใจ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินกั๋วจงจางลงเล็กน้อยเช่นกัน เขากล่าวว่า “ผู้นำตระกูลไปทำธุระข้างนอก หากไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผมสามารถตัดสินใจได้เช่นกัน”
เซี่ยโหวปากล่าวด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “หรือเขารู้ว่าพวกเขาจะมาที่นี่ แล้วเจตนาหลบเลี่ยงพวกเรา”
เฉินกั๋วต้งที่อยู่ด้านข้างตะคอกอย่างเย็นชา “พวกคุณไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน ทำไมต้องหลบเลี่ยงพวกคุณด้วย?”
“คุณพูดว่าอะไรน่ะ!” เฉาจื่อหมิงกล่าวด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเฉินกั๋วต้งนั้นเป็นการด่าพวกเขา
เฉินกั๋วต้งไม่กลัวแม้แต่น้อย ตระกูลโม่ไม่มีสัจจะ และปฏิบัติต่อพวกเขาแบบนั้น ทำให้สมาชิกทุกคนของตระกูลเฉินรู้สึกโกรธแค้น
ดังนั้น เฉินกั๋วต้งไม่จำเป็นต้องเกรงใจสามตระกูลใหญ่ที่อยู่ภายใต้ตระกูลโม่
“ทำไม? ต้องการให้ผมพูดซ้ำอีกไหม?” เฉินกั๋วต้งมองเฉาจื่อหมิงด้วยความเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความถากถาง
“คุณเจตนาหาเรื่องใช่ไหม?” เฉาจื่อหมิงกำลังจะเดินไปข้างหน้า และแสดงท่าทางว่าจะลงมือ
หลินเจิ้นหนานยื่นมือออกไปขวางเขาเอาไว้
“พี่เฉา อย่าหุนหันพลันแล่น!”
เฉาจื่อหมิงให้เกียรติหลินเจิ้นหนานอยู่แล้ว และเฉาจื่อหมิงก็ไม่คิดจะลงมือจริง ๆ เพราะเขาไม่ใช่นักบู๊ ถ้าเขาลงมือ เขาอาจจะได้รับบาดเจ็บ
เฉินกั๋วจงกล่าวกับเฉินกั๋วต้ง “น้องสาม ใจเย็น ๆ วันนี้มีเหล่าผู้ทรงอิทธิพลชื่อดังอยู่ที่นี่มากมาย อย่าทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะตระกูลเฉินของพวกเราได้”
เฉินกั๋วต้งหันหน้าไปทางอื่น และไม่พูดอะไรอีก
เฉินกั๋วจงมองหลินเจิ้นหนาน แล้วกล่าวว่า “พวกเราต่างก็อายุมากแล้ว ดังนั้นอย่าพูดจาบุ่มบ่ามเหมือนหนุ่มสาว มีเรื่องอะไร พวกคุณสามคนก็บอกผมก่อน!”
“และถ้าพวกคุณสามคนต้องการรอให้พี่รองกลับมา มันก็ได้”
หลินเจิ้นหนานกล่าวว่า “เรื่องนี้พูดกับใครก็เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องพูดกับผู้นำตระกูลเฉินคนเดียว”
เฉินกั๋วจงถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว “เมื่อเป็นเช่นนั้น เชิญผู้นำตระกูลหลินพูดออกมาเถอะ!”
หลินเจิ้นหนานรู้ว่าเฉินกั๋วจงกำลังถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง และกล่าวว่า “ผมคิดว่าตระกูลเฉินต้องเคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนแล้ว แม้ว่าลูกชายของผมจะไม่ได้ดีมากนัก แต่เขาก็มีดุลพินิจเข้าใจเหตุผลของเรื่องราว ไม่รู้ว่าเขาล่วงเกินอะไร ถึงทำให้ลูกหลานของตระกูลเฉินลงมืออบรมสั่งสอนเขาแทนผม การที่ผมมาที่นี่คราวนี้ เพียงเพื่อขอคำอธิบายจากตระกูลเฉิน!”
“ลูกเวร ไปให้คุณปู่เฉินดูหน่อยสิ!”
หลินฮ่าวหรานเดินออกมาจากฝูงชนด้วยใบหน้าบวมเหมือนหัวหมู ด้วยท่าทางน่าสงสาร