ตอนที่ 1073 ร้องทุกข์อย่างไร้ยางอาย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีได้นำป้ายตราคำสั่งออกมา นางกล่าว “สวนสมุนไพรนี้ วันนี้จะไม่เปิดก็ต้องเปิด ข้าต้องการที่จะไปเอาสมุนไพรวิญญาณ!”

“ปรมาจารย์มู่หรง ท่านอย่าได้ทำให้พวกเราลำบากใจเลย นี่เป็นกฎของตำหนักโอสถ ท่านจะทำเรื่องที่แหกกฎไม่ได้” ทหารยามเองก็มีสีหน้าที่ลำบากใจ

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าลำบากใจ แต่ว่า…”

“ข้าจะโยนพวกเจ้าออกไป!”

“ซวนอี ยังชักช้าอยู่ทำไม? โยนตัวพวกเขาออกไป”

เฟิงอวิ๋นซิวนั้นค่อนข้างเหินห่างกับผู้คน อีกทั้งเขาเองก็เป็นผู้ที่สง่างาม เขาจะไม่ทำตามใจตนเองดั่งเช่นที่มู่เฉียนซีทำอย่างแน่นอน ช่างไรกฎเกณฑ์นัก!

แต่ทว่าเขาก็จำต้องยอมฟัง!

“องครักษ์ซวนอีจงฟังคำสั่ง โยนคนเหล่านี้ออกไป”

ไหนเลยที่ทหารยามของตำหนักโอสถจะเป็นคู่ต่อสู้ขององครักษ์ซวนได้ แต่ละคนนั้นได้ถูกโยนออกไปอย่างไร้ความปราณี

“ไม่ได้นะ ปรมาจารย์มู่หรง!”

“เจ้าจะโอหังเกินไปแล้วปรมาจารย์มู่หรง”

“เจ้าเป็นเพียงนักปรุงยาผู้หนึ่งที่เพิ่งจะเข้ามาในตำหนักโอสถ แต่เจ้ากลับยโสโอหังถึงขั้นนี้”

ในตอนนี้มู่เฉียนซีได้เดินมาจนถึงปากทางเข้าของสวนสมุนไพร และได้ผลักประตูสวนสมุนไพรเปิดออก

“ข้าจะยโสโอหัง แล้วพวกเจ้าจะทำเช่นไรได้? ถ้าหากว่าปรมาจารย์จางไม่ยินยอมละก็ เช่นนั้นก็ให้เขามาเองเถอะ!” เมื่อกล่าวจบมู่เฉียนซีก็ได้ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป

แน่นอนว่าเรื่องการเก็บสมุนไพรวิญญาณในสวนสมุนไพรนั้นไม่เหมาะที่พวกซวนอีจะไปทำ

มู่เฉียนซีกล่าว “ซวนอี พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกอย่าให้ผู้ใดเข้ามาแม้แต่ผู้เดียว”

“ได้!” เขาเองก็ไม่อยากจะไปเป็นชาวสวนชาวไร่เพื่อเก็บสมุนไพร

เมื่อได้เผชิญหน้ากับสมุนไพรที่อยู่อย่างเต็มสวน ดวงตาของมู่เฉียนซีก็ฉายประกายวิบวับออกมา นี่เป็นสมบัติล้ำค่าอย่างที่สุดของกองกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสาม มันช่างอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก

มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “อาถิง ไปที่ทะเลสาบภูตวารีแล้วเปิดเกาะสมุนไพรวิญญาณอีกแห่งก็แล้วกัน!”

อาถิงต่อต้าน “แม้แต่คิดเจ้าก็จงอย่าได้คิด เจ้าเคยได้ใช้ทะเลสาบวิญญาณน้ำแข็งของข้าไปแล้ว แต่ยังคิดที่จะมาใช้ทะเลสาบภูตวารีของข้าอีก”

มู่เฉียนซีกล่าว “ให้เจ้าเปิดทะเลสาบภูตวารีเพียงพื้นที่เล็ก ๆ แห่งหนึ่งก็เท่านั้นเอง เจ้าอย่าได้ตระหนี่เช่นนั้นเลย”

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้!” แม้ต้องตายอาถิงก็ไม่ตอบรับ

มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อย เมื่อก่อนหน้านี้หากเจ้าหมอนี่ไม่ตอบรับนางก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรเขาได้

แต่มาตอนนี้!

“สุ่ยจิงอิ๋ง อาถิงช่างขี้ตระหนี่นัก มิติตั้งกว้างใหญ่เช่นนั้น ข้าต้องการที่จะเปิดพื้นที่สวนสมุนไพรสักผืนก็ไม่ได้ หากมิเปิดใหม่สักผืนหนึ่งก็ไม่สามารถที่จะกักเก็บสมุนไพรวิญญาณมากมายเช่นนี้ได้!”

สีหน้าของอาถิงดำคล้ำไปในทันที “เจ้า…เจ้ารู้จักร้องทุกข์!”

เสียงอันอ่อนโยนเสียงหนึ่งได้ดังขึ้น “อาถิง ข้าได้บอกกับเจ้าไปหลายครั้งแล้วว่าจะต้องอ่อนโยนกับซีเอ๋อร์ ความต้องการของซีเอ๋อร์นั้นเจ้าจะไปปฏิเสธได้อย่างไร?”

อาถิงเบ้ปากแล้วกล่าว “นางผู้หญิงบ้านั่นไม่ใช่คนดีอะไรเลยสักนิด ทำไมข้าถึงจะต้องอ่อนโยนและดีกับนาง! พี่สาว ท่านเองก็มิใช่ไม่รู้ว่าข้านั้นรังเกียจนางขนาดไหน”

“อาถิง เจ้าว่ายังไงนะ?” น้ำเสียงของสุ่ยจิงอิ๋งแฝงไปด้วยความอันตราย

อาถิงรีบหุบปากไปในทันที “พี่สาว ข้าไม่ได้พูดอะไร!”

“ก็แค่เปิดสวนสมุนไพรให้นางใหม่หนึ่งผืนเองนี่นา! ข้าเปิดให้! ข้าเปิดให้! เปิดให้ใหญ่ ๆ เลยผืนหนึ่ง”

พี่สาวของเขานั้นอ่อนโยนเป็นอย่างมาก แต่ไหนแต่ไรมาน้อยนักที่จะโกรธกริ้ว แต่เขาเองก็ไม่อยากที่จะจินตนาการถึงตอนที่พี่สาวของตนโกรธขึ้นมานั้นมันจะน่ากลัวขนาดไหน

เมื่อรู้สึกได้ว่าอาถิงได้เปิดสวนสมุนไพรให้ตนเองแล้วผืนหนึ่ง มู่เฉียนซีก็พอใจเป็นอย่างมาก นางยิ้มแล้วกล่าว “อาถิง นี่สิถึงจะถูกต้อง!”

อาถิงแค่นเสียงเย็นชาออกมา “เจ้าผู้หญิงนางนี้ ร้องทุกข์อย่างไร้ยางอาย”

“ร้องทุกข์แล้วอย่างไรเล่า มีแต่เพียงสุ่ยจิงอิ๋งเท่านั้นที่สามารถจะจัดการกับเจ้าได้อย่างศิโรราบ”

หลังจากที่ได้เปิดสถานที่แล้ว พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งสวนสมุนไพร จากนั้นสมุนไพรวิญญาณชนิดต่าง ๆ ในสวนนั้นก็ได้ถูกย้ายเข้าไปอยู่ในมิติ

แน่นอนว่านางเองก็ไม่ได้เอาไปเสียจนมันหมดสิ้นไปทีเดียว แต่ยังเหลือต้นกล้าเล็ก ๆ เอาไว้ให้จำนวนไม่น้อย

“หลีกไป หลีกทางให้ข้า!” เมื่อปรมาจารย์จางได้รู้ว่ามู่เฉียนซีบุกไปถึงสวนสมุนไพรแล้ว ทันใดนั้นเขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้วจึงนำคนบุกตามไปอย่างไฟรน

ซวนอีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณชายมู่มีคำสั่งไม่ให้ผู้ใดเข้าไปทั้งสิ้น หัวหน้านักปรุงยาปรมาจารย์จางจงรออยู่ตรงนี้เสียเถิด!”

“ข้าเป็นหัวหน้านักปรุงยาแห่งตำหนักตงจี๋ เจ้ากลับกล้าที่จะขวางกั้นข้าเอาไว้” ปรมาจารย์จางโกรธกริ้วเข้าแล้ว

“ข้าเชื่อฟังคำสั่งจากคนเพียงผู้เดียวเท่านั้น นั่นก็คือคำสั่งจากผู้เป็นนายของพวกเรา”

คนอื่น ๆ นั้นกลัวที่จะไปล่วงเกินหัวหน้านักปรุงยา แต่พวกเขานั้นไม่กลัว!

พวกเขาไม่ได้ใช้ยาที่หัวหน้านักปรุงยาปรุงมาตั้งนานแล้ว สิ่งที่ผู้เป็นนายของพวกเขามีนั้นก็คือเงินทอง ไปซื้อยาเม็ดที่หอหมอปีศาจมานั้นเห็นได้ชัดเลยว่ามันดีกว่าของที่เขาสกัดออกมาตั้งมากมาย

“เยี่ยม…พวกเจ้าช่างเยี่ยมยิ่งนัก…”

เสียงที่มีความสงสัยเสียงหนึ่งได้ลอยมา “เยี่ยมยิ่งนัก? เยี่ยมยิ่งนักอะไร?”

มู่เฉียนซีได้เดินออกมาจากสวนสมุนไพรในตอนที่ปรมาจารย์จางเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง

“เป็นใครกันที่ทำให้ปรมาจารย์จางโกรธเกรี้ยว”

ปรมาจารย์จางถลึงตามองมู่เฉียนซี เจ้าเด็กนี่รู้ ๆ อยู่แล้วยังจะมาถาม เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นไอ้บัดซบที่ทำให้โกรธ

ปรมาจารย์จางกล่าว “มู่หรงเฉียนเยี่ย หลายวันมานี้สวนสมุนไพรได้ปิดลงแล้ว เจ้านำคนมาทำร้ายร่างกายทหารยามและฝ่าฝืนบุกเข้าไป นั่นมันก็จะเกินงามไปหน่อยแล้วกระมัง!”

มู่เฉียนซีโบกป้ายตราคำสั่งในมือของนางไปมา “ข้าก็แค่เพียงมาเก็บสมุนไพรวิญญาณก็เท่านั้นเอง มันจะปิดหรือไม่ปิดนั้นก็ไม่เกี่ยวกับการที่ข้าจะมาเก็บสมุนไพรวิญญาณเลยแม้แต่น้อย หลังจากนี้ไปก็เชิญปิดได้ตามสะดวก ข้าไม่มีความคิดเห็นอันใด”

“ซวนอี พวกเราไปกันเถอะ!”

มู่เฉียนซีเองก็ไม่ได้เสียเวลาไร้สาระกับเขาและกวักมือเรียกซวนอี จากนั้นก็ได้ไปจากสวนสมุนไพรทันที

ปรมาจารย์จางทำได้เพียงแต่มองเงาหลังของมู่เฉียนซีที่จากไปอย่างเดือดดาล จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปในสวนสมุนไพร ทันใดนั้นเขาก็โกรธเสียจนแทบเป็นลมสลบไป

สวนสมุนไพรของตำหนักโอสถแห่งตำหนักตงจี๋นั้นปลูกสมุนไพรวิญญาณเอาไว้อย่างหลากชนิด มาตอนนี้เหลือไว้แค่เพียงแต่ต้นกล้าเล็ก ๆ เท่านั้นแล้ว

“มู่หรงเฉียนเยี่ย มู่หรงเฉียนเยี่ย เจ้าจะมากเกินไปแล้ว!”

ปรมาจารย์จางร้องตะโกนพลางวิ่งตามไป

“มู่หรงเฉียนเยี่ยไปไหนแล้ว?”

“ดูเหมือนว่า…ดูเหมือนว่าเขาจะไปที่คลังโอสถแล้ว!”

รอจนเมื่อปรมาจารย์จางไล่ตามมาจนถึงที่คลังโอสถแล้ว เขาก็พบว่าที่คลังโอสถเองก็ถูกกวาดไปจนเกลี้ยงเสียแล้ว

นอกเสียจากสมุนไพรวิญญาณธรรมดาทั่วไปที่ไม่อาจจะธรรมดาไปได้กว่านี้อีกแล้ว ขอเพียงมันเป็นสิ่งที่มีมูลค่าเป็นอย่างมาก มันก็ได้ถูกเอาไปเสียจนหมดสิ้น

นี่…นี่มันโจรชัด ๆ

อย่างไรเสียตำหนักตงจี๋ก็เป็นถึงกองกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสาม สถานที่ที่เก็บซ่อนสมุนไพรวิญญาณเอาไว้นั้นมีอยู่ไม่น้อย มู่เฉียนซีนั้นก็ได้ไล่ปล้นไปทีละแห่ง ๆ

เหล่าองครักษ์ซวนนั้นล้วนรู้สึกมึนชา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่วิปริตเช่นนี้ มีศักยภาพของความเป็นโจรซ่อนเร้นอยู่ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติอย่างแข็งกร้าวยิ่งนัก

มู่เฉียนซีลูบคางแล้วกล่าว “ซวนอี ข้าจำได้ว่าเฟิงอวิ๋นซิวเคยพูดเอาไว้ ที่ตำหนักโอสถแห่งนี้มีสถานที่ที่เอาไว้เพาะปลูกสมุนไพรวิญญาณในที่หนาวเย็นโดยเฉพาะใช่หรือไม่? มันอยู่ที่ใด?”

การมีนายน้อยอวิ๋นซิวคอยมอบข่าวสารให้มู่เฉียนซีเช่นนี้ การกวาดล้างของมู่เฉียนซีนั้นนางจะไม่ให้สถานที่ที่เก็บสิ่งของอันล้ำค่าเอาไว้หลุดรอดไปได้แม้แต่ที่เดียว

มุมปากของซวนอีแสยะออก ดูท่าแล้วเขาไม่คิดที่จะปล่อยไปเลยแม้สักที่หนึ่ง

เขากล่าว “ข้ารู้ว่ามันอยู่ที่ใด ตามข้ามาเถอะ!”

ปรมาจารย์จางนั้นคอยตามไล่หลังมู่เฉียนซีอยู่ตลอด ทุกสถานที่ที่นางไปถึง สถานที่แห่งนั้นก็เหมือนกับสถานที่ที่มีกองโจรได้เดินผ่านไปอย่างไรอย่างนั้น

ปรมาจารย์จางมองไปยังทางนั้นก็แทบที่จะกระอักเลือดออกมาเสียให้ได้

เขากล่าว “ที่แห่งนั้น ที่แห่งนั้นคือสวนน้ำแข็ง เจ้าเด็กมู่หรงเฉียนเยี่ยนี่บ้าไปแล้ว แม้แต่สวนน้ำแข็งก็ยังไม่ปล่อยไป เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่!”

“ไม่ไหว จะต้องหยุดเขาให้ได้! หยุดให้ได้!”

สมุนไพรวิญญาณอื่น ๆ ได้ถูกเอาไปแล้ว เขายังสามารถคิดหาวิธีเอามันกลับมาได้

แต่ทันทีที่สมุนไพรวิญญาณในสวนน้ำแข็งออกจากสวนน้ำแข็งไปมันก็จะตายไปทั้งหมด!

สมุนไพรวิญญาณชนิดน้ำแข็งนั้นมีคุณค่าเป็นอย่างมาก นี่จะมาให้เจ้าเด็กนั่นทำให้มันไม่เหลือคุณค่าเลยแม้แต่น้อย เช่นนั้นแล้วเขาคงจะโกรธจนตายเป็นแน่!