“เจ้า… เจ้าอย่าเข้ามา… ” เป่ยถังหลีขบฟันแน่น แทบจะกัดลิ้นตนเองขาดอยู่รอมร่อ
ไม่คิดว่าเป่ยถังเฮ่อจะหยุดและไม่เคลื่อนเข้าใกล้แก้มของเป่ยถังหลีอีก
เป่ยถังหลีอยากจะร้องไห้ “อย่างน้อยพวกเราก็มีสายเลือดเดียวกัน ตามศักดิ์แล้ว ข้าควรเรียกท่านว่าอ๋องรองเสียด้วยซ้ำ เป่ยถังเฮ่อ ท่านทำเช่นนี้ไม่กลัวผู้คนหัวเราะเยาะหรือ? ”
“หัวเราะเยาะ? ” เสียงของเป่ยถังเฮ่อสูงขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเรียบเฉย “ทั่วแคว้นเป่ยอี้จะมีผู้ใดกล้าหัวเราะเยาะข้า เป่ยถังเฮ่อ? ”
แท้จริงแล้ว ตำแหน่งของสกุลเป่ยถังในแคว้นเป่ยอี้เป็นรองเพียงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์บนเขาคุนหลุนเท่านั้น ประชาชนไม่อาจเคลือบแคลงสกุลเป่ยถังได้ แม้หลายปีมานี้ เป่ยถังเฮ่อจะเหลวแหลกมากราคะ ไร้ยางอาย ทว่าเหล่าชาวประชาต่างคิดไปเองว่านี่คือคำบัญชาของทวยเทพ และสตรีที่ส่งเข้าเรือนอี๋หงก็ใช้เพื่อบูชายัญเทพเจ้า จึงไม่มีผู้ใดกล้าพูดอันใด
เป่ยถังหลีกัดฟันอย่างรุนแรง
เป่ยถังเฮ่อยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มชั่วร้ายยิ่งลึกขึ้น
“หลีเอ๋อร์ หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว อ๋องรองรู้ว่าเจ้าหวาดกลัว ทว่าผู้ใดก็ล้วนมีครั้งแรก? ในเมื่อมาแล้ว วันนี้ก็มาเล่นกับอ๋องรองดีกว่า อ๋องรองจะดีกับเจ้าให้มาก ”
เขาพูดพลางใช้พลังชั่วร้ายอันใดก็ไม่อาจทราบได้ เสื้อคลุมของเป่ยถังหลีจึงร่วงลงพื้นราวกับปอกหัวหอม
เป่ยถังหลีตกใจมากและร้องเสียงดัง “กรี๊ด… ”
กลับไม่คาดคิดว่าเสียงของเป่ยถังหลีจะกระตุ้นให้เป่ยถังเฮ่อยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก ไฟปรารถนาที่คุกรุ่นในดวงตาของเขามาเป็นเวลานานยิ่งเพิ่มทวี จากนั้นจึงมองไล่ลงไปตามลำคอขาวเนียนละเอียดราวกับหยกของเป่ยถังหลี
เป่ยถังหลีพยายามดิ้นรนสุดชีวิต ทว่าตอนนี้นางไม่สามารถใช้กำลังครึ่งบนได้ ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของนางยังถูกฝ่ามือของเป่ยถังเฮ่อกดไว้แน่น นางไม่มีกำลังขัดขืนเป่ยถังเฮ่อแม้แต่น้อย
“อย่ากลัว! อ๋องรองจะอ่อนโยนกับเจ้าแน่นอน! ” เป่ยถังเฮ่อพูดแผ่วเบา
ขณะที่พูด เป่ยถังเฮ่อกำลังยกมือเรียวยาวอีกข้างขึ้นลูบแก้มของเป่ยถังหลี
หนึ่งนิ้ว… หนึ่งนิ้ว… หนึ่งนิ้ว…
ขณะที่นิ้วเรียวยาวของเป่ยถังเฮ่อเคลื่อนตามแก้มและต่ำลงไปจนใกล้จะถึงส่วนต้องห้ามบริเวณเนินอกของเป่ยถังหลี ทันใดนั้น เข็มเงินทอประกายแสงสีขาวก็พุ่งเข้ามาโจมตีเป่ยถังเฮ่อ
เป่ยถังเฮ่อรีบปล่อยมือที่กดนางไว้ แม้เขาจะว่องไว ทว่าเขาประมาทเกินไป คิดว่าไม่มีคนนอกบุกรุกดินแดนตนเอง ดังนั้นการเฝ้าระวังจึงต่ำมาก แม้เข็มเงินหลายเล่มจะตกลงไปในสระสุรา ทว่าหนึ่งในนั้นได้ปักยังจุดสำคัญบนแขนของเป่ยถังเฮ่อ
จากนั้น ผ้าสีขาวก็ลอยมาห่อร่างของเป่ยถังหลีที่กำลังจะตกลงไปในสระสุรา แล้วดึงร่างของนางให้ลอยขึ้นกลางอากาศอย่างน่าหวาดเสียว
เมื่อเป่ยถังหลีเห็นผู้ที่มาอย่างชัดเจน ความหวาดหวั่นและความหวาดกลัวในดวงตาพลันหายไป นางอดโพล่งออกมาไม่ได้ “เจ้าทึ่ม… เจ้าทึ่ม… เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมาแน่นอน”
“เป็นผู้ใด กล้าบุกรุกเรือนอี๋หงของข้า องครักษ์… องครักษ์… ” เป่ยถังเฮ่อลุกขึ้นพลางกุมแขนที่บาดเจ็บและตะโกนเสียงดัง
ผู้ที่มา และเป็นผู้ที่เป่ยถังหลีเรียกว่าเจ้าทึ่ม เขาไม่มีเวลาสนทนากับเป่ยถังหลีมากนัก เมื่อขว้างเข็มใส่เป่ยถังเฮ่อแล้ว เขาก็ดึงเป่ยถังหลีวิ่งออกนอกประตูไป
“มีนักฆ่า… มีนักฆ่าบุกเข้ามา… รีบไปจับมัน… ”
ในขณะเดียวกัน เสียงร้องตกใจขององครักษ์ก็ดังขึ้นจากด้านนอก จากนั้นก็มีเสียงต่อสู้กันดัง ‘ปึงปึงปังปัง’
เสียงเรียกของเป่ยถังเฮ่อถูกกลบด้วยเสียงเหล่านี้จนไม่มีผู้ใดขานรับ
ตอนที่เจ้าทึ่มลากเป่ยถังหลีวิ่งออกจากเรือนอี๋หง ที่ลานกว้างด้านนอก ซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยา อู๋จุน ตงหลิงหวง ถังเสวี่ย และคนอื่นๆ ก็ต่อสู้กับองครักษ์ด้านนอกเรือนอี๋หงเช่นเดียวกัน
แววตาของเจ้าทึ่มหยุดอยู่บนร่างของซูจิ่นซี เพียงแวบเดียว แสงสว่างในดวงตาของเขาพลันลึกซึ้งขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าทึ่ม เจ้ารู้จักคนพวกนี้หรือ? ”
เจ้าทึ่มรีบละสายตาอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอันใด เขาถอดชุดตนเองคลุมบนร่างของเป่ยถังหลี แล้วคว้ามือนางเดินไปตามทางเดิน ตรงไปยังจวนเป่ยอี้อ๋อง
ขณะที่เจ้าทึ่มและเป่ยถังหลีกำลังจะหายไปจากมุมทางเดิน ซูจิ่นซีที่กำลังต่อสู้กับองครักษ์ก็หันมามอง สายตาของนางหยุดอยู่ที่ร่างของพวกเขาโดยบังเอิญ ทันใดนั้น แววตาของนางก็ปรากฏความลึกซึ้งขึ้นเล็กน้อย
หลังจากเยี่ยโยวเหยาตัดศีรษะขององครักษ์ไปหลายคน เขาก็มาหยุดอยู่ข้างกายซูจิ่นซี เขามองตามสายตาของซูจิ่นซี ทว่าไม่เห็นอันใดแม้แต่น้อย
“เป็นอันใดหรือ? ”
“เมื่อครู่ คนผู้นั้นที่หนีไปพร้อมกับเป่ยถังหลี ดู… คุ้นตาอย่างมาก”
……
เจ้าทึ่มลากเป่ยถังหลีวิ่งอย่างรวดเร็วตลอดทาง เพราะกลัวว่าหากช้าไปก้าวเดียว พวกเขาจะถูกคนของเป่ยถังเฮ่อไล่ทันและถูกจับตัวกลับไป
ในที่สุด เมื่อใกล้ถึงจวนเป่ยอี้อ๋อง เป่ยถังหลีก็สลัดแขนของเจ้าทึ่มออก สองมือค้ำหัวเข่าหายใจหืดหอบไม่หยุด
“เจ้า… เจ้าทึ่ม ข้า… ข้าวิ่งไม่ไหวแล้ว วิ่งไม่ไหวแล้วจริงๆ พวกเรา… พวกเราพักสักประเดี๋ยว”
“อืม? ”
เจ้าทึ่มเหลือบมองข้างหลัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีองครักษ์เรือนอี๋หงไล่ตามมาจึงวางใจ
“ได้ พวกเราหาที่ห่างไกลสักหน่อยเถิด ตรงนี้เป็นเส้นทางหลัก หากองครักษ์เรือนอี๋หงไล่ตามมาจะถูกพบได้ง่าย”
“ตกลง”
เจ้าทึ่มพยุงเป่ยถังหลีมาถึงตรอกที่ค่อนข้างเปลี่ยว ก่อนที่ทั้งสองจะนั่งลง
แสงจันทร์ในค่ำคืนนี้สว่างเจิดจ้า ราวกับแผ่นหยกขนาดใหญ่มหึมาที่ลอยอยู่กลางอากาศ แสงจันทร์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าเสมือนผ้าม่านผืนหนาปกคลุมร่างทั้งสอง
ทั้งสองไม่ได้พูดอันใด เจ้าทึ่มเอาแต่เงยหน้ามองดวงจันทร์บนท้องฟ้า
เป่ยถังหลีได้พักเต็มที่แล้ว จึงเอ่ยกับเจ้าทึ่มว่า “เจ้าทึ่ม ขอบคุณเจ้ามาก”
“อืม? ”
เจ้าทึ่มกลับมาได้สติ เขามองหน้าเป่ยถังหลีแล้วเบือนหน้าไปอีกทางอย่างรวดเร็ว
เป่ยถังหลีย้ำในสิ่งที่พูดเมื่อครู่ “ข้าบอกว่า ขอบคุณมากที่คืนนี้เจ้ามาช่วยข้า! หากเจ้ามาไม่ทัน ข้า… คืนนี้ข้าคงตายอย่างแน่นอน”
“ไม่เป็นอันใด” เจ้าทึ่มเพียงเอ่ยแผ่วเบา เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องในใจ นอกจากนั้น น้ำเสียงของเขายังสุภาพอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เป่ยถังหลี คุณหนูจิ่วแห่งจวนเป่ยอี้อ๋องผู้นี้ ปกติจะมีความเฉียบแหลมและเจ้ากี้เจ้าการอยู่เสมอ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าทึ่ม นางกลับเชื่องราวกระต่ายน้อย
นางเม้มริมฝีปาก “เจ้าทึ่ม เมื่อครู่ที่มองพระจันทร์ เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ? ”
“ไม่ได้คิดสิ่งใดทั้งนั้น”
“เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ได้คิดสิ่งใดทั้งนั้น? เจ้าบอกว่าจะไม่โกหกข้า? เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ได้พูดความจริง หากเป็นเช่นนี้อีก ข้าจะโกรธแล้ว”
เจ้าทึ่มมองใบหน้าของเป่ยถังหลีอีกครั้ง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้น
“ข้ากำลังคิดว่าที่บ้านเกิดข้ามีสถานที่หนึ่ง สามารถมองเห็นแสงจันทร์เช่นนี้ได้เช่นกัน มันสวยมาก สวยมากๆ ! ”
“บ้านเกิดของเจ้า? ”
“ใช่! ”
“ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็เห็นดวงจันทร์ดวงเดียวกันไม่ใช่หรือ? จะไม่เหมือนกันได้อย่างไร? ไม่เหมือนจริงหรือ? ”
“อืม! ”
“สวยมากเพียงใด? ”
“สวยมาก สวยมากๆ ! ”
หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าทึ่มก็เอ่ยอีกครั้ง “แสงอาทิตย์ขึ้นและแสงอาทิตย์ตกที่นั่นก็สวยงามมากเช่นกัน เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นบนโลกนี้”
“จริงหรือ? ” สวยกว่าที่ข้าเห็นจากบนเขาคุนหลุนแคว้นเป่ยอี้ของข้าอีกหรือ? ”
“…”
“ถ้ามีโอกาส เจ้าพาข้าไปดูหน่อยได้หรือไม่? ”
“…”
เจ้าทึ่มไม่ได้ตอบเป่ยถังหลี ทว่ากลับเปลี่ยนเรื่อง “คุณหนู ข้ายังต้องรีบส่งท่านกลับไป! คนที่จวนเป็นห่วงท่านมาก พวกเขาแจ้งท่านอ๋องน้อยแล้ว ท่านอ๋องน้อยกำลังรีบกลับมาที่จวนในไม่ช้า”
แม้เป่ยถังหลีจะผิดหวังเล็กน้อยและมีท่าทีไม่พอใจ ทว่านางยังตอบรับ “ตกลง! ”
เมื่อทั้งสองมาถึงประตูจวน เจ้าทึ่มก็หยุดชะงักเหมือนเคย เขาไม่เข้าไปด้วย
ใบหน้าของเป่ยถังหลีมีรอยยิ้มสดใสและสว่างไสวกว่าแสงจันทร์บนท้องฟ้า
“เจ้าทึ่ม ข้าอยากกินถังหูลู่ [1] ถังหูลู่ที่เจ้าทำเอง ข้าอยากกินพรุ่งนี้ตอนตื่นนอน ได้หรือไม่? ”
……
เชิงอรรถ
[1] ถังหูลู่ Tánghúlu 糖葫芦 ซานจาเคลือบน้ำตาล และมีแบบผลไม้ต่าง ๆ เคลือบน้ำตาล เป็นขนมขึ้นชื่อของกรุงปักกิ่งและเมืองต่างๆ ในมณฑลเหอเป่ย ในมณฑลอื่นๆ ที่เป็นเมืองใหญ่ๆ ก็พอพบเจอได้บ้าง มีหลากหลายราคา แตกต่างกันไป 5 หยวน 10 หยวน ถ้าเป็นสตรอว์เบอร์รีก็อาจจะ 15 หยวน 20 หยวนต่อไม้