ในที่สุดก็มาถึงเรือนอี๋หง
แม้ดวงตาจะถูกปิดไว้ ทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทว่าด้วยกลิ่นที่เตะจมูกนั้น เป่ยถังหลีก็สามารถรับรู้ได้ว่าตนเองอยู่ไม่ไกลจากเรือนอี๋หง
จากความทรงจำของเป่ยถังหลีเมื่อครั้งยังเด็ก นางเคยมาที่เรือนอี๋หงแห่งนี้ครั้งหนึ่ง แม้ไม่เคยเข้าไป ทว่าได้มองจากระยะไกลก็ยังทำให้นางหวาดกลัว ทั้งยังหวาดกลัวมาจนถึงทุกวันนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงหลายปีมานี้ มีข่าวลือเกี่ยวกับเรือนอี๋หงไม่ขาดสาย จึงทำให้น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
เป่ยถังหลีต่อต้าน นางหยุดฝีเท้าและถอยกลับไป
องครักษ์กดกระบี่ลงบนบ่าของเป่ยถังหลี “คุณหนูจิ่ว อย่าทำให้ข้าน้อยต้องลำบากใจเลย”
ร่างของเป่ยถังหลีสั่นสะท้านอย่างรุนแรง นางต้องการต่อต้าน ต้องการพูดบางอย่าง ทว่าปากของนางถูกปิดไว้ ทำให้ไม่สามารถพูดอันใดและยิ่งไร้กำลังต่อต้าน
นางถูกทหารผลักเข้าไปในเรือนอี๋หงทีละก้าวอย่างไม่เต็มใจ
ผ้าปิดปากถูกถอดออก ผ้าสีดำบนดวงตาถูกถอดออก แสงสว่างแยงตานางทันที เป่ยถังหลีรีบยกมือปิดกั้น ดวงตาค่อยๆ ปรับเข้ากับแสงสว่างรอบตัว
ภาพทุกอย่างปรากฏอยู่ตรงหน้า
ผ้าม่านหลายชั้นพลิ้วไหวล่องลอยเหมือนเมฆหมอก มีเชิงเทียนหลายด้ามวางอยู่ระหว่างม่านแต่ละชั้น น้ำตาเทียนสีแดงเหมือนน้ำตากำลังร่ำไห้ บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างชื้นอย่างมาก มีไอน้ำบางๆ และกลิ่นหอมหวานแปลกประหลาด เดิมทีนับเป็นบรรยากาศที่สวยงาม มหัศจรรย์ และสนุกสนานอย่างยิ่ง ทว่าเป่ยถังหลีกลับอึดอัดและหายใจไม่ทั่วท้อง
เพราะมีเสียงสตรีร้องครวญครางอยู่ด้านใน ลึกเข้าไปภายในผ้าม่านที่พลิ้วไหว และมีไอน้ำลอยเต็มอากาศ
เป่ยถังหลีหันไปมองข้างหลังตนเอง องครักษ์และแม่นมที่มาส่งนางหายตัวไปนานแล้ว ทันใดนั้น ความเย็นชาในหัวใจยิ่งแทรกซึมเข้ามามากขึ้น
เสียงที่แผ่วเบาอยู่ในใจบอกเป่ยถังหลีว่าไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป ไม่อาจ ทำไม่ได้อย่างแน่นอน นางยังไม่ได้ช่วยเหลือท่านแม่ออกมา นางไม่อาจตายอยู่ที่นี่ได้
ดังนั้น เป่ยถังหลีจึงไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้และหันหลังวิ่งหนีไป
อย่างไรก็ตาม คิดไม่ถึงว่าตนเองยังวิ่งไม่ถึงสองก้าว จู่ๆ ร่างสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ขวางเส้นทางหนีของนาง
บุรุษผู้นั้นหันหลังให้นาง แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของเขา ทว่าจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว เป่ยถังหลีสามารถบอกได้ว่าผู้ที่มาคือผู้ใด
นางถอยหลังสองก้าว และเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “ท่าน… ท่านอ๋องรอง… ”
คนผู้นั้นตอบสนองด้วยการหันกลับมา เป็นจริงดั่งคาด เขาคือเป่ยถังเฮ่อ ท่านอ๋องรองแห่งตระกูลเป่ยถังลำดับสอง
ทว่าร่างที่สวมชุดขาว ใบหน้าแดงระเรื่อ คิ้วเป็นสีขาวดั่งหิมะ หว่างคิ้วทำให้คนรู้สึกได้ถึงความเคร่งขรึม สันจมูกสูง ปากแดงฟันขาว แม้จะสูงวัย ทว่ายังดูดี มีเพียงกลิ่นอายชั่วร้ายเย็นชาและบ้ากามารมณ์ที่อยู่รอบตัวเท่านั้น ที่ทำให้คนรู้สึกหนาวสะท้าน
ร่างของเป่ยถังหลีสั่นสะท้านพร้อมกับการหันหลังกลับมาของเป่ยถังเฮ่อ ขาของนางสั่นเทาและก้าวถอยหลังไม่หยุด
“ท่าน… อ๋องรอง… ท่าน… ท่านอย่าเข้ามา อย่า… อย่าเข้ามา… ”
เป่ยถังเฮ่อหรี่ตาเล็กน้อย พลางยกยิ้มมุมปากชั่วร้าย “เป็นหลีเอ๋อร์ใช่หรือไม่?… ฮ่า ฮ่า ฮ่า อ๋องรองสนใจเจ้ามานานแล้ว”
เขาพูดพลางส่งสายตาเจ้าชู้มากราคะไปยังเอวเพรียวบางของเป่ยถังหลี มองขึ้นมองลงด้วยอารมณ์ปรารถนา
“แม้เรือนร่างจะเล็กไปหน่อย ยังไม่โตเต็มที่ ทว่าอ๋องรองชอบรสชาติเช่นนี้”
ทันใดนั้น เป่ยถังหลีก็รู้สึกเหมือนนางไม่ได้สวมเสื้อผ้า และมีคนกำลังมองทะลุเข้าไปภายในเรือนร่างของนาง แก้มและลำคอของนางกลายเป็นสีแดงระเรื่อ
ทว่าภายในใจของนางไม่อาจชัดเจนมากกว่านี้อีกแล้ว ในเวลานี้นางต้องไม่หวาดกลัว ไม่อาจทำตัวอ่อนแอ ความกลัว ความอ่อนแอ สิ่งที่รอนางต่อจากนี้คงเกินจินตนาการ
ภายในสมองของนางครุ่นคิดหาวิธีสารพัด เป่ยถังหลีพยายามซ่อนตัวในจุดที่คิดว่าปลอดภัย
“อ๋องรอง หากท่านกล้า… กล้าทำร้ายข้า พี่เย่จะไม่มีวันปล่อยท่านไป”
“เด็กน้อยเป่ยถังเย่นั่นหรือ”
เป่ยถังเฮ่อหยุดฝีเท้า ประกายในดวงตาของเขาลึกล้ำยากคาดเดา มันเป็นดวงตาที่เข้าใจยากอย่างมาก
“เจ้าคิดว่าเมื่อเอ่ยชื่อเป่ยถังเย่แล้วจะสามารถข่มขู่เป่ยถังเฮ่อคนนี้ได้หรือ ใจกล้าไม่น้อย”
“อ๋องรอง อย่าลืมว่าในจวนเป่ยอี้อ๋อง พี่เย่เป็นผู้นำตระกูล อ๋องรองรู้จักการกระทำของพี่เย่เป็นอย่างดี เขาเอ็นดูข้ามาก หากท่านกล้ารังแกข้า เขาจะต้องหั่นร่างท่านเป็นชิ้นๆ แน่”
อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าเป่ยถังเฮ่อกลับแสดงสีหน้าชั่วร้ายมากราคะ เขาไม่รีบร้อนทำอันใด เพียงค่อยๆ เดินเข้าไปหาเป่ยถังหลีทีละก้าวด้วยความสนุกสนาน
“หั่นร่างข้าเป็นหมื่นชิ้นหรือ?… จนถึงตอนนี้ ข้ายังไม่เคยได้สัมผัสรสชาตินั้นเลย ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร ทำให้คนอยากขึ้นสวรรค์หรืออยากตายหรือไม่? ”
เป่ยถังหลีเพิ่งจะเข้าใจก็ตอนนี้ เป่ยถังเฮ่อไม่เพียงโฉดชั่วมากราคะ ทว่ายังเป็นคนไร้ยางอายมากอีกด้วย
นางอดสบถไม่ได้ “เป่ยถังเฮ่อ เจ้าคนชั่วสารเลว ไร้ยางอาย”
เป่ยถังเฮ่อยกยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์มากยิ่งขึ้น และเดินไปหาเป่ยถังหลีเร็วขึ้นเล็กน้อย
“ด่าออกมาเถิด อาศัยตอนที่เจ้ายังมีเรี่ยวแรง ด่าอีกสักสองสามครั้ง ข้าอยากได้ยินเสียงเจ้า อีกประเดี๋ยวเจ้าอยากด่า ก็คงไม่มีเรี่ยวแรงด่าแล้ว”
เป่ยถังหลีวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว นางวิ่งผ่านชั้นผ้าม่านหลายชั้นไม่หยุด ภายในก้นบึ้งของจิตใจ นางไม่เคยหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อน
เพราะนางรู้ดี สิ่งที่เป่ยถังเฮ่อพูดออกมานั้นเป็นความจริง วันนี้นางหนีไม่พ้นเคราะห์ครั้งนี้เป็นแน่
ทว่านางไม่ยินยอม ไม่ยินยอมแม้แต่น้อย
ภายในใจพร่ำเรียกหา
พี่เย่ เหตุใดพี่ยังไม่กลับมา พี่เย่… พี่เย่ช่วยชีวิตหลีเอ๋อร์ด้วย พี่เย่…
แม้ภายในใจจะเรียกหาพี่เย่ไม่หยุด ทว่า จู่ๆ ร่างขนาดเท่านางก็ปรากฏเข้ามาในความคิด ทันใดนั้น ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดของเป่ยถังหลีก็แข็งแกร่งขึ้น
เจ้าทึ่ม… เจ้าทึ่ม เจ้าเคยสัญญากับข้าว่าเจ้าจะปกป้องข้าตลอดไป ขอเพียงข้าตกอยู่ในอันตราย เจ้าจะปรากฏตัวเป็นคนแรก
เจ้าทึ่ม เจ้าโกหกข้า…
“อ้าก…”
ทันใดนั้น เท้าของเป่ยถังหลีก็เหยียบความว่างเปล่า ร่างของนางเอนไปด้านหลังและตกลงไปในสระน้ำ
แผ่นหลังกระแทกกับขั้นบันไดใต้สระน้ำ นางรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ทว่าเส้นประสาทที่ตึงเครียดภายใต้สถานการณ์วิกฤต ทำให้เป่ยถังหลีไม่สนใจเรื่องนี้ นางรีบลุกขึ้นโดยไม่คิดชีวิต
ทว่าภายในสระน้ำไม่ใช่น้ำ แต่เป็นสุราร้อนแรง ขณะที่ตื่นตระหนก เป่ยถังหลีก็กลืนเข้าไปหลายอึก แม้จะลุกขึ้นได้ในทันที ทว่านางสำลักสุราเข้าไปมากพอสมควร อีกทั้งข้อเท้าของนางก็พลิกจนทำให้ยืนไม่มั่นคง ขาอ่อนแรงจนล้มลงไปข้างหลังอีกครั้ง
ขณะที่เป่ยถังหลีกำลังตกใจกลัว จู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งโอบเอวนางไว้
แก้มที่เย็นชาและชั่วร้ายของเป่ยถังเฮ่อค่อยๆ เข้ามาใกล้เป่ยถังหลี พลางยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
สติของเป่ยถังหลีเพิ่งผ่อนคลายลงเล็กน้อย ทว่าเมื่อนางเห็นแก้มของเป่ยถังเฮ่อ ร่างกายของนางก็สั่นสะท้าน ตกใจกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง