เล่มที่ 32 เล่มที่ 32 ตอนที่ 943 คนที่เข้าใกล้ยอดเขาคุนหลุน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ร่างกายของเป่ยถังหลีหดกลับด้วยแรงสะท้อน เป่ยถังชิงรีบเดินเข้าไปบีบคอของเป่ยถังหลีและยกขึ้นราวกับกำลังถือห่านอยู่ในมือ

“เป่ยถังหลี เจ้ารู้หรือไม่? เวลานี้เฟิ่งเอ๋อร์ยังไม่ฟื้น หมอบอกว่าอาการบาดเจ็บของนางสาหัสอย่างมาก แม้นางจะฟื้นขึ้นมา ทว่าต้องสูญเสียวรยุทธ์และไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้อีกตลอดชีวิต”

ตระกูลเป่ยถังต่างจากตระกูลอื่นในอาณาจักรเทียนเหอ ตระกูลยึดถือและศรัทธาในวรยุทธ์ แทบทุกคนในตระกูลเป็นผู้มีวรยุทธ์ หากไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ ก็เป็นเพียงเศษสวะไร้ประโยชน์ สำหรับตระกูลเป่ยถัง เหตุการณ์เช่นนี้เป็นการลบหลู่เกียรติอย่างแสนสาหัส

วรยุทธ์ของเป่ยถังเฟิ่งถูกทำลาย? ต่อไปนางไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้อีก?

เป่ยถังหลีตกตะลึงครู่หนึ่ง มือของเป่ยถังชิงที่บีบคอเป่ยถังหลีอยู่นั้นออกแรงมากขึ้นเล็กน้อย

“เป่ยถังหลี ข้าแทบรอหั่นร่างเจ้าเป็นหมื่นชิ้นไม่ไหว แม้เจ้าจะตายไป ก็ไม่อาจทำให้ข้าหายแค้นได้”

เป่ยถังหลีถูกบีบคอจนหายใจไม่ออก ใบหน้าของนางแดงฉานราวกับไม่สามารถหายใจได้

ทว่าแววตาของนางไม่มีร่องรอยของความขลาดกลัวแม้แต่น้อย แม้เป่ยถังชิงกำลังจะปลิดชีพนาง จนเท้าข้างหนึ่งของนางก้าวเข้าสู่ประตูนรกแล้วก็ตาม นางก็ยังคงเบิกตากว้าง จ้องหน้าเป่ยถังชิงอย่างไม่ละสายตา

นางพูดอย่างยากลำบากว่า “เช่นนั้นหรือ? น่าเสียดายที่มันยังไม่ตาย… ”

“เป่ยถังหลี เจ้าอยากตายนักหรือ! ”

เป่ยถังชิงพลันเดือดดาล เขาบีบคอของเป่ยถังหลีแรงขึ้น

ใบหน้าของเป่ยถังหลีค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ และค่อยๆ อ่อนแรง

ขณะที่เป่ยถังหลีกำลังจะสิ้นใจ เป่ยถังชิงก็ปล่อยมือและโยนเป่ยถังหลีลงบนพื้น

เขามองนางราวกับมองสิ่งของที่น่าขยะแขยง “หึ เจ้าตายเช่นนี้ง่ายเกินไป ยังไม่ทำให้ข้าหายแค้นได้”

“นำตัวไปเรือนอี๋หง! ”

เป่ยถังหลีอาศัยช่องว่างตะเกียกตะกายอยู่บนกองฟืน นางหายใจหอบ เมื่อได้ยินคำสั่งของเป่ยถังชิง จู่ๆ ตัวของนางก็แข็งทื่อ

จนกระทั่งองครักษ์สองสามคนเดินเข้ามาหา นางจึงกลับมาได้สติ

“เป่ยถังชิง เจ้า… เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้ เป่ยถังชิง เจ้าคนสารเลว ไม่ว่าอย่างไร ข้ากับเจ้าก็มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด เป็นพี่น้องกัน เจ้าทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้ เป่ยถังชิง… เป่ยถังชิง… ”

ขณะที่องครักษ์ลากตัวเป่ยถังหลีผ่านเป่ยถังชิง จู่ๆ เป่ยถังชิงก็จับหัวไหล่ของเป่ยถังหลี และใช้นิ้วชี้อีกมือหนึ่งเกี่ยวคางของนาง

“เจ้าเป็นน้องสาวทางสายเลือดใดของข้าหรือ? ถุย ข้าว่าเจ้าไม่คู่ควร”

พูดจบก็ถ่มน้ำลายใส่เป่ยถังหลี และพูดว่า “ลากตัวออกไป”

เป่ยถังหลีรู้ดีว่าเป่ยถังเฮ่อเป็นคนเจ้าชู้และไร้ยางอายเพียงใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีสตรีจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกส่งตัวไปยังเรือนอี๋หง สตรีจากตระกูลเป่ยถังที่ถูกส่งไปที่เรือนอี๋หงก็มีไม่น้อย ทว่ายังไม่มีผู้ใดรอดออกมาจากที่นั่น

เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เป่ยถังหลีก็หวาดกลัวอย่างถึงที่สุด นางฉวยจังหวะเกาะวงกบประตูแน่น แม้เล็บจะหัก มือของนางจะเปื้อนเลือด ทว่าดูเหมือนนางไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย นางมองเป่ยถังชิงด้วยสีหน้าหวาดกลัว

“พี่ชิง พี่ชิง ปล่อยข้าไปเถิด ปล่อยหลีเอ๋อร์ไปเถิด! หลีเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว หลีเอ๋อร์สำนึกผิดแล้วจริงๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายพี่เฟิ่งเลย ปล่อยข้าไปเถิด ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะหาวิธีช่วยเหลือพี่เฟิ่งให้ได้! ”

แววตาของเป่ยถังชิงดั่งนกอินทรี เขาหันศีรษะอย่างเชื่องช้า และเหลือบมองเป่ยถังหลีด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้าน่ะหรือ… ”

เดิมที เป่ยถังหลีเพียงต้องการหาทางรอดให้ตนเอง จึงคิดหาวิธีอ้อนวอนเป่ยถังชิง กลับไม่คาดคิดว่า เมื่อเห็นแววตาเย้ยหยันบนใบหน้าของเป่ยถังชิงในเวลานี้ หัวใจของนางกลับเต้นแรงมากยิ่งขึ้น

ทว่าในช่วงวินาทีนั้น ความคิดของนางหมุนวนอย่างว่องไว ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอันใด ดวงตาของนางพลันเปล่งประกาย

“พี่ชิง ปล่อยข้าไปเถิด หากพี่ปล่อยข้าไป ข้าจะหาวิธีช่วยนาง พี่ชิง ท่านลืมสถานะของข้าไปแล้วหรือ… ”

สถานะของนาง???

เมื่อพูดถึงสถานะของเป่ยถังหลี ทันใดนั้น เป่ยถังชิงก็ดูเหมือนจะคิดอันใดได้บางอย่าง แววตาของเขาเผยความลังเลเล็กน้อย

ความลังเลใจนี้ เป่ยถังหลีรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว เป่ยถังหลีเปรียบเสมือนกำลังถือฟางเส้นสุดท้ายเพื่อช่วยชีวิตตน นางพยายามพิสูจน์ตนเอง

“พี่ชิง ทั่วทั้งแคว้นเป่ยอี้ในตอนนี้ ข้าเป็นผู้เดียวที่เข้าใกล้ยอดเขาคุนหลุนได้ เจ้าคงไม่อยากพลาดโอกาสเดียวที่จะช่วยพี่เฟิงใช่หรือไม่? ปล่อยข้าไปเถิด อย่าส่งข้าไปเรือนอี๋หงได้หรือไม่? พี่ชายที่แสนดี หลีเอ๋อร์กำลังขอร้องพี่ หลีเอ๋อร์ ถือเสียว่าหลีเอ๋อร์ขอร้องท่านพี่ หลีเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว”

เดิมที เป่ยถังชิงมีท่าทีลังเลอยู่บ้าง ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง ความลังเลนั้นได้เปลี่ยนเป็นเย็นชา ไม่ว่าเป่ยถังหลีจะอ้อนวอนเป่ยถังชิงเพียงใด เป่ยถังชิงกลับนิ่งเฉยไร้ซึ่งท่าทีใดๆ เขาเดินเข้าไปหาเป่ยถังหลีทีละก้าว ก่อนจะออกแรงคลายนิ้วมือของเป่ยถังหลีที่เกาะขอบประตูแน่น

เป่ยถังหลีไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง น้ำตาไหลอาบสองแก้มราวกับสายฝน องครักษ์คุมตัวเป่ยถังหลีออกไปอย่างโหดเหี้ยม

……

กล่าวถึงซูจิ่นซีและคนอื่นๆ พวกเขาได้หารือถึงวิธีนำเพลิงอัคคีจิ่วโยวกลับไป หลังจากหารือกันเป็นเวลานาน ในที่สุด พวกเขาก็ตกลงและตัดสินใจกันว่าจะแอบเข้าไปในตระกูลเป่ยถังอีกครั้งเพื่อชิงเพลิงอัคคีจิ่วโยวมาให้ได้ กำหนดเวลาไว้ในคืนของวันถัดไป

……

คืนวันถัดมา

จวนเป่ยอี้อ๋อง ภายในเรือนแห่งหนึ่งของหออี๋หงในตระกูลลำดับสอง

มีองครักษ์คอยคุ้มกันทั้งภายในและภายนอกอย่างแน่นหนา

ภายในห้อง ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วยาม เป่ยถังหลีถูกแม่นมสี่คนบีบบังคับทำความสะอาดร่างกายของนางให้สะอาดสะอ้าน และสวมเสื้อผ้าที่เตรียมไว้เป็นพิเศษ พร้อมกับแต่งหน้าทาปากเข้ม

เสื้อผ้าเป็นสีแดงดอกเหมย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยสีดอกสาลี่ที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในยุคสมัยนี้ การแต่งกายเช่นนี้ไม่เหมาะกับอายุและบุคลิกของเป่ยถังหลีแม้แต่น้อย ทว่าหลายวันมานี้ จู่ๆ ท่านอ๋องรองแห่งตระกูลลำดับสองกลับมีท่าทีแปลกประหลาด และโปรดปรานรสนิยมเช่นนี้

หลังจากแม่นมทั้งสี่แต่งตัวให้เป่ยถังหลีเสร็จเรียบร้อย พวกนางก็ไม่ได้ออกไปในทันที ทว่าพวกนางมัดเป่ยถังหลีไว้กับปลายเตียงด้วยผ้าปูที่นอนอย่างแน่นหนา รอเวลาให้เป่ยถังชิงออกคำสั่ง พวกนางก็จะพาเป่ยถังหลีไปที่เรือนอี๋หง

เวลาผ่านไปทุกนาที เป่ยถังหลีนอนขดตัวอยู่ปลายเตียง ร่างกายของนางสั่นเทาตลอดเวลา ทุกนาทีและทุกวินาทีที่ผ่านไปเป็นความทรมานสุดจะเปรียบ

นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียน้ำตาไปกี่ครั้งหรือร้องไห้ไปมากเพียงใด ทว่ามันไม่มีประโยชน์อันใดเลย เป่ยถังชิงเย็นชาและโหดเหี้ยม ลูกน้องของเขายิ่งไม่แยแสและโหดเหี้ยมมากกว่า พวกเขาจะฟังคำอ้อนวอนของเป่ยถังหลีได้อย่างไร?

ในที่สุดก็มีคนเปิดประตูเข้ามา

เสียงฝีเท้าดังหนักแน่น ตามมาด้วยเสียงเย็นชาและโหดเหี้ยม

“นายน้อยมีคำสั่ง ท่านอ๋องรองออกจากห้องโอสถแล้ว ส่งแม่นางจิ่วไปหาอ๋องรองได้”

เหล่าแม่นมตอบรับอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปหาเป่ยถังหลี ก่อนจะพยุงเป่ยถังหลีให้ลุกขึ้นจากปลายเตียง

เพื่อป้องกันไม่ให้เป่ยถังหลีตะโกนโหวกเหวก จึงใช้ผ้ามัดปากของนาง ทันทีที่มัดปากเรียบร้อย ดวงตาของนางพลันมืดลง เพราะแม่นมอีกคนหนึ่งใช้ผ้าปิดตาของนาง

ด้านหน้ามืดสนิท เป่ยถังหลีมองไม่เห็นอันใดและไม่สามารถพูดอันใดได้ นางจึงปล่อยให้แม่นมสองสามคนลากไปข้างหน้า เนื่องจากถูกปิดตา หูของนางจึงมีความว่องไวมากขึ้นเล็กน้อย เป่ยถังหลีได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นทางด้านหลังอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเสียงฝีเท้าขององครักษ์ท่านอ๋องที่คอยคุ้มกันนาง ฟังจากเสียงแล้ว จำนวนคนมีมากพอสมควร

ในกรณีนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่นางคิดจะหลบหนี

ยิ่งเดินไปข้างหน้า จิตใจของเป่ยถังหลียิ่งจมดิ่งลึกลงไป ราวกับนางกำลังจมน้ำ ทั้งสิ้นหวังและหมดหนทาง