เป่ยถังหลีไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย สีหน้าของนางไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังมองเป่ยถังเฟิ่งด้วยสายตาเย่อหยิ่งไม่แยแส
“เป่ยถังเฟิ่ง หากใจกล้าก็สังหารข้าตรงนี้ ไม่เช่นนั้น ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจ ข้าจะสังหารเจ้าไม่ช้าก็เร็ว”
พูดตามความจริง เป่ยถังเฟิ่งโวยวายและโมโหมากเพียงใด หากให้นางสังหารเป่ยถังหลีเข้าจริงๆ นางย่อมไม่กล้าแน่ อย่างไรเสีย สถานะของเป่ยถังหลีก็สำคัญกว่า
เป่ยถังหลีมองจุดนี้ได้ทะลุปรุโปร่ง
ทว่าครั้งนี้ เป่ยถังเฟิ่งเหมือนขี่อยู่บนหลังเสือแล้ว ดวงตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังลังเลใจ ไม่ขยับเขยื้อนและไม่ลดกระบี่ยาวในมือลง
ขณะนั้นเอง เป่ยถังชิงที่ยืนอยู่ด้านข้างและไม่พูดอันใดเลย ก็เสนอตัวออกมาจับกระบี่ยาวของเป่ยถังเฟิ่ง เพื่อช่วยนางคลายสถานการณ์ตึงเครียด
“เฟิ่งเอ๋อร์ ไยต้องไปยุ่งกับคนเช่นนี้ เจ้าสังหารนางด้วยมือของเจ้าเอง ทำให้มือของเจ้าแปดเปื้อนเสียเปล่า? ”
ขณะที่เขาพูด ก็ใช้สายตามองไปที่เป่ยถังเฟิ่งเพื่อแสดงความหมาย
เป่ยถังชิงหันหลังให้เป่ยถังหลี เป่ยถังหลีจึงไม่สามารถเห็นสีหน้าของเขาได้
เป่ยถังเฟิ่งฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ นางลดกระบี่ยาวในมือของตนลง พลางยิ้มแปลกประหลาดให้เป่ยถังหลี
“เหอะ ต่อให้ข้าไม่ฆ่าเจ้า ทว่าเจ้าก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน เหตุใดข้าจะต้องไปโต้เถียงกับคนที่กำลังจะตายด้วย! ”
ทันทีที่นางพูดจบ น้ำเสียงเย็นชาของเป่ยถังชิงก็ดังขึ้น “องครักษ์ฟังคำสั่ง ควบคุมตัวเป่ยถังหลี”
คนจำนวนหนึ่งกรูกันเข้าไปคุมตัว
คนที่ติดตามเป่ยถังชิงและเป่ยถังเฟิ่ง ต่างวิ่งไปหาเป่ยถังหลี
เป่ยถังหลีขมวดคิ้วดุดัน “เป่ยถังชิง เจ้าคิดจะทำอันใด”
เป่ยถังชิงหันหลังกลับมา เมื่อเขาเผชิญหน้ากับเป่ยถังหลี สีหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมและไร้อารมณ์ ราวกับว่าเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับน้องสาวที่มาจากสายเลือดเดียวกัน ทว่ากำลังจัดการกับคนแปลกหน้าที่ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย
“ย่อมเป็นการทำตามคำสั่งให้มาคุมตัวเจ้า เมื่อครู่เฟิงเอ๋อร์ได้พูดไปแล้วมิใช่หรือ? ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเป่ยถังเฟิ่งแสดงถึงความลำพองใจอย่างยิ่ง “เป่ยถังหลี ข้าขอเตือนเจ้าให้ยอมเสียเถิด อย่าขัดขืนหรือต่อต้านอีกเลย วรยุทธ์ของพวกเราพี่น้อง เจ้าก็ทราบดี เจ้าไม่รู้วรยุทธ์ อาศัยเพียงพลังแปลกประหลาดในร่างกายของเจ้า ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา”
เป่ยถังหลีกำหมัดข้างลำตัวแน่น แม้เป่ยถังเฟิ่งจะพูดความจริงก็ตาม ทว่าใบหน้าของนางกลับไม่มีร่องรอยของความขลาดกลัวแม้แต่น้อย
“เหอะ เป่ยถังชิง เป่ยถังเฟิ่ง เรื่องลำดับสายเลือด พวกเจ้าเข้าไปแทรกแซงเพื่ออันใด พวกเจ้าฉวยจังหวะลงมือขณะที่พี่เย่ไม่อยู่ พวกเจ้าไม่กลัวหรือว่า หลังจากพี่เย่กลับมาแล้ว เขาจะตัดศีรษะพวกเจ้า? ”
“หึ หึ ปากก็พล่ามเพียงพวกเราเป็นลูกนอกคอก เป่ยถังหลี แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าดีนักหรือ? เจ้าไม่นับว่าเป็นคนในตระกูลเป่ยถังด้วยซ้ำ เพียงใช้แซ่เป่ยถังของข้าเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าตอนนั้น มารดาของเจ้าตั้งครรภ์กับผู้ใด?! ”
สถานะของเป่ยถังหลีซับซ้อนเป็นเรื่องจริง มารดาของนางไม่ใช่ภรรยาที่ตบแต่งเข้ามาในตระกูลเป่ยถัง ทว่านางเป็นคุณหนูของตระกูลเป่ยถัง เป่ยถังหลีใช้แซ่ของมารดานางเท่านั้น
หากลำดับพระญาติกันแล้ว เป่ยถังเย่ เป่ยถังชิง เป่ยถังเฟิ่ง และคนอื่นๆ ยังต้องเรียกมารดาของเป่ยถังหลีว่าเสด็จป้า เพียงแต่เมื่อเป่ยถังหลีถือกำเนิด สถานะของบิดาเป่ยถังหลีไม่ชัดเจน จึงทำให้ผู้อาวุโสลงโทษตามกฎของตระกูล จนถึงทุกวันนี้ สถานะของนางถูกลดต่ำลง
คำพูดของเป่ยถังเฟิ่งกระแทกโดนจุดที่เจ็บปวดที่สุดของเป่ยถังหลีอย่างไม่ต้องสงสัย
มือของเป่ยถังหลีที่ห้อยข้างลำตัวกำแน่นขึ้นมาก ได้ยินแม้กระทั่งเสียงกระดูก เล็บของนางจมลึกลงไปในเนื้อ เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลออกมาตามนิ้วมือ
เมื่อเป่ยถังเฟิ่งได้ยินเสียง นางจึงเหลือบมองไปยังมือที่บาดเจ็บของเป่ยถังหลี และยิ่งแสดงความเย่อหยิ่งและสะใจมากขึ้นไปอีก
“เป็นอย่างไร? เจ้าคิดจะตีข้าหรือ? หากมีความสามารถ เจ้าก็ลงมือกับข้าสิ! ”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูด “อ้าก” เป่ยถังหลีก็กรีดร้องเสียงดัง จากนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ตุบ’ นางกระแทกหมัดไปที่หน้าอกของเป่ยถังเฟิ่ง
เดิมที เป่ยถังเฟิ่งคิดว่าเป่ยถังหลีไม่กล้าลงมือแน่ ต่อให้นางลงมือ ก็ไม่น่าทำร้ายตนให้บาดเจ็บได้ นางจึงไม่ได้เตรียมพร้อม ทว่านางไม่คาดคิดว่าเป่ยถังหลีจะใจกล้าถึงขนาดลงมือกับนางจริงๆ ทั้งยังไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด พลังประหลาดของนางที่บางครั้งก็ใช้ได้ บางครั้งก็ใช้ไม่ได้ จู่ๆ ก็มีแรงผลักอันทรงพลัง ผนึกแน่นอยู่ที่กำปั้นของนาง
เป่ยถังเฟิ่งมองเป่ยถังหลีอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ทว่าร่างกายของนางราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่น และลอยละลิ่วไปข้างหลัง
แม้แต่เป่ยถังชิงยังเข้าไปห้ามไว้ไม่ทัน ร่างของเป่ยถังเฟิ่งกระแทกกับก้อนหินที่อยู่ข้างหลังสวนภูเขา จนกระอักออกมาเป็นเลือดสดๆ
“อ้าก… ฆ่าคน… ”
ทุกคนต่างมองเป่ยถังหลีอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
เป่ยถังชิงรีบวิ่งไปด้านข้างเป่ยถังเฟิ่ง และพูดว่า “เฟิ่งเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เฟิ่งเอ๋อร์… เฟิ่งเอ๋อร์… ”
เป่ยถังเฟิ่งไม่มีโอกาสได้พูดกับเป่ยถังชิง นางหมดสติไปในทันที เป็นตายยังไม่ทราบ
แววตาของเป่ยถังชิงปรากฏความดุดันเย็นชา เขามองไปที่เป่ยถังหลีด้วยความน่ากลัวอย่างมาก “องครักษ์ จับตัวนางเดรัจฉานผู้นี้ให้ข้าเดี๋ยวนี้… ”
องครักษ์ที่มาพร้อมกับเป่ยถังชิงและเป่ยถังเฟิ่ง ต่างวิ่งเข้าไปคุมตัวเป่ยถังหลี
พลังประหลาดในร่างกายของเป่ยถังหลีใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง มันไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของนางเท่าไรนัก ในช่วงเวลาอันสั้น นางไม่มีทางต่อต้านอย่างแน่นอน จนถูกองครักษ์คุมตัวสำเร็จ
การรับรู้ทั้งหมดของเป่ยถังชิงเวลานี้อยู่ที่ร่างของเป่ยถังเฟิ่ง เขากังวลมากจนไม่มีเวลาสนใจเป่ยถังหลี
เป่ยถังชิงออกคำสั่งเสียงเย็นชา “คุมตัวกลับไป”
จากนั้นจึงสั่งให้คนไปตามหมอมาดูอาการเป่ยถังเฟิ่ง
……
เป่ยถังหลีถูกขังอยู่ในห้องมืด ภายในห้องอับชื้นและรกรุงรัง รอบบริเวณวางสิ่งของต่างๆ ไว้มากมาย หน้าต่างมีแผ่นไม้ปิดสนิทเพื่อไม่ให้แสงลอดผ่าน
รอบบริเวณยังมีเสียงของหนูและแมลงต่างๆ ดังตลอดเวลา
ในอดีต ใช่ว่านางไม่เคยถูกเป่ยถังชิงและเป่ยถังเฟิ่งจับ ทว่าแทบทุกครั้ง เป่ยถังเย่จะยื่นมือเข้ามาช่วย ต่อให้นางถูกจับตัวก็ไม่เคยถูกกระทำเช่นนี้
เป่ยถังหลีกลัวความมืดมากที่สุด และกลัวหนูมากยิ่งกว่า
ครั้งนี้นางทำร้ายเป่ยถังเฟิ่งจนได้รับบาดเจ็บ เป่ยถังชิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ แน่
เป่ยถังหลีนั่งอยู่ในจุดที่ใกล้ประตูมากที่สุด ตัวของนางแนบชิดติดกับบานประตู มือกอดเข่าแน่น แม้นางจะมองไม่เห็นอันใด ทว่าดวงตาของนางเบิกกว้าง จ้องในความมืดด้วยความระแวดระวัง ทั้งเป็นเพราะความหวาดกลัว ร่างกายของนางจึงสั่นสะท้านไม่หยุด
นางถูกขังทั้งวันโดยไม่มีอาหารและน้ำ ในตอนกลางคืน นางรู้สึกสติหลุดเล็กน้อยเพราะตกใจกลัวเกินไป
นางพูดพึมพำอยู่คนเดียว “พี่… พี่เย่ หลีเอ๋อร์กลัวมาก พี่เย่… เจ้าทึ่ม… ช่วยข้าด้วย! ”
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ครืน’ ประตูห้องเก็บของถูกเตะอย่างแรงจากด้านนอก แสงสว่างจ้าส่องเข้ามาภายในห้อง กระทบกับร่างผอมบางของเป่ยถังหลี
ร่างผอมบางถูกประตูกระแทกจนกลิ้งไปที่กองสิ่งของ
ความเจ็บปวดหลังจากได้รับบาดเจ็บกระตุ้นสติของเป่ยถังหลี ทำให้นางกลับมาได้สติ และอดส่งเสียงร้อง ‘ซี้ด’ ด้วยความเจ็บปวดไม่ได้
จากนั้นจึงยกมือขึ้นบังแสงที่ส่องเข้ามาภายในห้อง นางค่อยๆ เงยศีรษะขึ้นมองไปทางประตู
เป่ยถังชิงยืนอยู่หน้าประตู เขาสวมชุดผ้าไหมลายวิจิตรประณีต สีหน้าถมึงทึง ท่าทางดุดัน และมาพร้อมกับองครักษ์จำนวนหนึ่งที่อาวุธครบมือ