ทที่ 573

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแต่ไม่มีใครคิดถึง เมื่อกี้ยังเพิ่งด่าทอเย่เฉินกันอยู่เลย แม้แต่อู๋ตงไห่ที่กดดันคุณท่านซ่งให้พูดอธิบาย ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

แม้แต่อู๋ซินเอง ก็ยังตกตะลึงจนตาค้าง!

เขาโพล่งพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว : “พ่อ!พ่อจะเกรงใจไอ้ลูกเขยที่ตกถังข้าวสารคนนี้ขนาดนี้ทำไมกัน ?พ่อลืมไปแล้วเหรอ เมื่อกี้ตอนที่เขาอยู่ข้างนอก ยังว่าครอบครัวของเราว่าเป็นขยะนะ!”

อู๋ตงไห่โพล่งพูดออกไป : “ไอ้ลูกชั่ว หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

คำพูดเหล่านี้ อู๋ตงไห่ไม่สามารถพูดต่อหน้าพูดคนมากมายขนาดนี้ได้

แต่ว่า เขาคำรามอยู่ในใจแล้ว

แกมันไอ้สารเลว จะรู้เรื่องอะไรละ?

แกอายุยังน้อย ยี่สิบกว่าปี เป็นช่วงที่ถึงจุดสูงสุดของร่างกาย แกสามารถร้องเพลงได้ทุกคืน ดื่มเหล้าได้ทุกวัน เข้านอนตีสาม ตื่นเก้าโมงเช้า ไม่นอนทั้งคืน แต่ฉันไม่สามารถทำแบบนี้ได้!

สภาพของแกในตอนนี้ ก็คือคนที่กินดีอยู่ดีไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่อดอยากหรอก!

วันๆแกก็กินอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ไม่มีทางเข้าใจเลย คนที่ไม่ได้กินข้าวสามวัน ทำไมจะต้องยอมก้มหัวให้ผู้ที่อยู่เหนือกว่าเพื่อเงินอันน้อยนิด

นั่นเป็นเพราะว่าคุณไม่เคยลิ้มรสความรู้สึกหิวเลย!

แกไม่รู้หรอกความหิวแบบนั้นจะมีความรู้สึกใจแกสั่น วิงเวียนศีรษะ แขนขาไร้เรี่ยวแรง หายใจไม่สม่ำเสมอ แกไม่มีทางได้สัมผัสมันเลย บางคนถึงกับยอมคุกเข่าเพื่อขอซาลาเปา!

สำหรับอู๋ตงไห่แล้ว แม้ว่ายังไม่ได้เข้าสู่ช่วงวัยชราจริงๆ แต่ร่างกายก็แย่กว่าตอนวัยรุ่นมากอย่างแน่นอน เขามีเงิน มีตำแหน่ง มีอำนาจ แต่กลับว่าไม่ได้อ่อนเยาว์แล้ว ดังนั้น เขาเห็นคุณท่านซ่งเปลี่ยนแปลงไปมากอย่างนี้ ในใจลึกๆก็เกิดความโหยหาอย่างไม่อาจเทียบเทียมได้

อย่าว่าแต่ซื้อยาวิเศษนี้ด้วยราคาห้าร้อยล้านเลย แม้ว่าห้าพันล้าน ขบเคี้ยวฟันซื้ออย่างไม่เสียดายเงิน!

หลังจากที่อู๋ซินโดนพ่อดุ ท่าทางก็เปลี่ยนเป็นแย่มาก

แต่ว่า เขากลับว่าไม่กล้าเอ่ยปากพูดต่อต้านพ่ออีก เพราะเขารู้จักนิสัยของอู๋ตงไห่ ถ้าตัวเองขืนพูดมากอีกหน่อย อาจจะถูกทุบตีต่อหน้าสาธารชน!

เมื่ออู๋ซินรู้สึกหงุดหงิดอยากจะหลบหนีไป อู๋ตงไห่เห็นว่าเย่เฉินไม่ตอบสนองข้อเสนอของตัวเอง รีบกล่าวตำหนิอู๋ซินที่กำลังจะถอยหนีทันที : “ไอ้สารเลว ยังไม่รีบเข้ามา ขอโทษอาจารย์เย่อีก?!”

แววตาของอู๋ซินตกตะลึงอย่างไม่อาจเทียบเทียมได้ พูดออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า : “พ่อ พ่อให้ผมขอโทษเขาเหรอ?!”

อู๋ตงไห่พูดตะคอกอย่างเย็นชา : “ใช่!เข้ามาขอโทษอาจารย์เย่เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะไม่ให้อภัยแก!”

อู๋ซินที่อยู่ภายใต้การจับตามองของผู้คนมากมาย ถูกพ่อของตัวเองสั่งและตำหนิอย่างนี้ ในใจลึกๆอยากตายไปเลย

โดยเฉพาะซ่งหวั่นถิงก็เห็นตัวเอง อีกทั้งสายตาของเธอ ดูเหมือนจะเป็นการเยาะเย้ยและขบขัน……

ทำให้อู๋ซินอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกเลย!

ในเวลานี้ จริงๆแล้วเขาค่อนข้างที่จะทนไม่ไหวแล้ว โพล่งพูดออกไป: “พ่อ!ต่อให้พ่อตีฉันให้ตาย ฉันก็ไม่สามารถขอโทษไอ้คนจนๆคนนี้หรอกนะ!”

พูดจบ ก็หมุนตัวเดินออกไปข้างนอก

อู๋ตงไห่เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ก็โมโหอย่างมากเลยทีเดียว!

ลูกชายของตัวเอง ข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือไม่รู้จักกาลเทศะ

แม้ว่าคุณจะเป็นมหาเศรษฐี บางครั้งควรจะอ่อนน้อมถ่อมตน ก็จำเป็นต้องอ่อนน้อมถ่อมตน หากควรคุกเข่าก็จำเป็นต้องคุกเข่า

ยาอายุวัฒนะนี้ หากตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อนก็ช่างเถอะ ในเมื่อเห็นแล้ว ก็จะพลาดไม่ได้!

ถ้าหากพลาดไป คงจะเสียใจไปทั้งชีวิต!

เผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนี้ ศักดิ์ศรีของลูกชาย จะอะไรกันล่ะ?!

ตอนที่เขาเตรียมจะเรียกอู๋ซินนั้น เย่เฉินที่ไม่ได้พูดจาอะไรเลย ยิ้มพร้อมพูดว่า : “ประธานอู๋ ในเมื่อคุณชายอู๋ไม่พอใจ คุณก็ไม่ต้องไปบังคับให้เขาลำบากใจหรอก ดังที่กล่าวว่า การทำอะไรโดยฝืนมักได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี บังคับให้ขอโทษก็ไม่ได้มีความหมายอะไร”

พูดจบ เขาก็ไม่สนใจอู๋ตงไห่อีก หันไปพูดกับคุณท่านซ่งว่า : “ท่านซ่ง ยาอายุวัฒนะอย่างน้อยก็สามารถยืดอายุคุณได้สิบกว่าปี อยากจะมีอายุถึงร้อยปีได้อย่างสบายๆ หวังว่าเมื่อคุณฉลองอายุครบรอบ 1ooปี อย่าลืมเชิญฉันด้วยนะ”

เมื่อคุณท่านซ่งได้ยินประโยคนี้ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้ง คุกเข่าลงพื้นดังฟุบ พูดด้วยความจริงใจ : “ซ่งจี่ขอก้มแสดงความเคารพบุญคุณของอาจารย์อีกครั้ง!บุญคุณของอาจารย์เย่ จะไม่ลืมตลอดชีวิต! ”

เย่เฉินยิ้มพร้อมพยักหน้า พูดอย่างเนิบๆหนึ่งประโยคว่า : “ขอบคุณแค่ฉันคนเดียวไม่ได้หรอกนะ ต้องขอบคุณหวั่นถิงหลานสาวที่แสนดีของคุณด้วย ถ้าไม่ใช้เพราะเธอ ฉันก็คงไม่รู้จักตระกูลซ่งขิงพวกคุณ ยิ่งไม่มีทางที่จะมอบยาอายุวัฒนะที่ล้ำค่าเช่นนี้ให้อย่างแน่นอน ดังนั้น อย่าปฏิบัติต่อเธออย่างไม่ยุติธรรมนะ!”

ประโยคนี้ ทำให้ซ่งหวั่นถิงสั่นคลอนไปทั้งตัว

ในใจของเธอรู้ดี เย่เฉินกำลังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับตัวเอง!

เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ ขนาดที่ว่าสามารถทำให้ตัวเองสืบทอดทายาทตระกูลซ่งได้!