ตอนที่ 2177

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,177 : ใต้หล้ายากหาผู้ใดเทียบ!

 

 

 

หลังจากประมือกันไปสักพัก ในที่สุดหงอวิ๋นก็ผละร่างออกไปก่อนที่จะสะบัดมือเรียกแส้ยาวสีแดงสดเส้นหนึ่งออกมา

 

เผียะ! ปง! ปง!

 

……

 

แส้ยาวดั่งอสรพิษแดงเพลิงเลื้อยลดไปมากลางอากาศ คล้ายกำลังหลอกล่อขู่ขวัญค่อยฉกพุ่งออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

หลังจากนั้นไม่ทันไรผู้พิทักษ์หงอวิ๋นก็เริ่มจ่ายพลังเซียนต้นกำเนิดลงสู่แส้แดงในมือ!

 

วู้มมม!!

 

กลิ่นอายพลังสะกดข่มอันน่าพรั่นพรึงหนึ่ง เริ่มแผ่พุ่งออกมาจากแส้ดังกล่าวอย่างดุร้าย! พาลให้ผู้คนรู้สึกเสมือนถูกขู่ขวัญไม่น้อย!!

 

จากพลังอำนาจที่ส่งผลต่อจิตใจเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าแส้ยาวสีแดงเพลิงของหงอวิ๋นไม่ใช่แค่ศาสตราเซียนธรรมดาๆ!

 

“ศาสตราพันอาคมเซียน?”

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสะกดข่มอันน่ากลัวที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวแส้ยาวในมือหงอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็ระบุได้ทันทีว่ามันคือศาสตราพันอาคมเซียน!

 

เขาเองก็ไม่รอช้ามือขวาสะบัดคราหนึ่ง พลันปรากฏกระบี่ผุดโผล่จากความว่างเข้ามือ

 

แน่นอนว่ากระบี่เล่มนี้ไม่ใช่กระบี่นิลสวรรค์ แต่เป็นกระบี่พันอาคมเซียน

 

กระบี่พันอาคมเซียนนี้ เป็นเขาบังเอิญได้มาจากคนของพันธมิตรขวานปฐพี ตั้งแต่วันแรกที่เขาไปถึงนครแห่งบาปเมื่อ 3 ปีก่อน ยังนับว่าได้มาเพราะโชคช่วยนัก!

 

หากเขาไปถึงนครแห่งบาปวันอื่น หรือเพียงกระทั่งช้าไปแค่ครึ่งเค่อ ก็เกรงว่าคงคลาดกับกระบี่พันอาคมเซียนดีๆเล่มนี้แน่แล้ว…

 

กล่าวได้ว่ากระบี่พันอาคมเซียนเล่มนี้ มีชะตาต้องกันกับเขาไม่น้อย

 

นอกจากนี้ช่วงแรกๆหลังจากได้รับกระบี่พันอาคมเซียนมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่หยิบมันออกมาใช้อย่างระวังด้วยกลัวจะถูกผู้คนพบเห็น…ทว่าตอนนี้ ในที่สุดเขาก็มีคุณสมบัติมากพอจะถือครองกกระบี่เล่มนี้ได้อย่างเปิดเผย

 

คุณสมบัติที่ว่า ย่อมหมายถึง ‘ความแข็งแกร่ง’ ที่สามารถปกป้องกระบี่พันอาคมเซียนได้!

 

ด้วยพลังความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ยากนักที่คนอ่อนแอกว่าเขาจะหาญกล้ามาตอแยเขา นับประสาไรกับคิดช่วงชิงกระบี่พันอาคมเซียนในมือเขา!

 

ส่วนผู้ที่แข็งแกร่งขึ้นมาในระดับที่พอจะประมือกับเขาได้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนระดับสูงๆ และมีศาสตราพันอาคมเซียนส่วนตัวแล้วทั้งสิ้น ตัวตนระดับนี้ย่อมไม่มีใครคิดช่วงชิงกระบี่พันอาคมเซียนของเขา

 

และพริบตาที่กระบี่พันอาคมเซียนผุดโผล่จากความว่างเข้าสู่มือต้วนหลิงเทียน กลิ่นอายทั้งความรู้สึกที่แผ่ออกจากตัวต้วนหลิงเทียนก็แปรเปลี่ยนไปทันใด ราวกับเขากลายเป็นคนละคน!

 

มือมีกระบี่ สยบได้ทั้งใต้หล้า!

 

ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้…

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่กระบี่พันอาคมเซียนกระชับแน่นในมือ พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียนก็ถ่ายทอดลงสู่ตัวกระบี่! เปล่งพลังอานุภาพของมันออกมาทันที!!

 

วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!

 

……

 

ทันใดนั้นเสียงกู่ร้องของกระบี่พลันดังออกเบาๆ แสงกระบี่ยังเรืองสว่างขึ้นมา ไอพลังคมกล้าขุมหนึ่งแผ่พุ่งออกมาฉาบคลุมไปทั่วใบกระบี่ มองแล้วให้ความรู้สึกน่าเกรงขามนัก!

 

“ต้วนหลิงเทียน! รับแส้ข้าดู!!”

 

ผู้พิทักษ์หงอวิ๋นตะโกนออกมาอย่างดุร้าย ก่อนที่จะม้วนตัวรอบหนึ่งค่อยตวัดแส้ฟาดใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างดุดัน! แส้ยาวในมือคล้ายมีชีวิต ม้วนฉกเข้ามาดั่งอสรพิษสีเลือด!!

 

ตอนนี้ผู้พิทักษ์หงอวิ๋นเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นศัตรูอันน่ากลัวในชีวิต ไม่กล้าประมาทต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป ในสายตาของนางต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ศิษย์ที่แท้จริงอีกต่อไป!

 

เช่นนั้นนางจึงไม่ออมรั้งยั้งมือแม้แต่น้อย กระบวนท่านี้ทุ่มออกด้วยพลังทั้งหมด ราวกับหากสยบต้วนหลิงเทียนไม่ได้ ไม่คิดเลิกรา!!

 

ซู่มมม!!

 

ร่างผู้พิทักษ์หงอวิ๋นที่ม้วนตัวฟาดแส้ ลงมือด้วยพลังทั้งหมด! แส้โจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนปานดาวตกสีชาด มวลพลังส่องสว่างดุร้ายเปล่งรังสีพลังน่ากลัวไม่หยุด!!

 

ซู่มมม!!

 

แส้ยาวปานอสรพิษแดงฟาดผ่าฟ้ามาฉับไวทั้งสภาวะยังดุร้ายเกรี้ยวกราดนัก ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ยามนี้มันเปล่งกลิ่นอายพลังน่าพรั่นพรึงจากอาคมเซียนนับพัน เอาแค่พลังดั้งเดิมจากหงอวิ๋นก็ทำให้คนธรรมดายากรับมือเต็มที!!

 

‘จบเท่านี้แล้วกัน…’

 

ในขณะที่หงอวิ๋นสำแดงพลังทั้งหมดฟาดแส้ออกมาอย่างดุร้าย จนแส้คล้ายมีอานุภาพหวดฟ้าจนแหลก สองตาต้วนหลิงเทียนพลันหดหยีลง ก่อนประกายคมกล้าหนึ่งพลันเรืองวาบขึ้น!

 

พริบตาต่อมาทั่วร่างต้วนหลิงเทียนพลันปะทุออกมาด้วยพลังอำนาจอันน่าสะพรึง!

 

วินาทีนี้ต้วนหลิงเทียนคล้ายกลับกลายเป็นกระบี่อันแหลมคมเล่มหนึ่ง สภาวะราวกับสามารถเจาะทะลวงได้ทุกสิ่งสะบั้นได้ทุกอย่าง!

 

‘ใจกระบี่เหิน!’

 

ทันที่ที่ใจคิด กระบี่พันอาคมเซียนในมือต้วนหลิงเทียนพลันปะทุสำนึกกระบี่อันลึกล้ำสุดหยั่ง! ตัวกระบี่คล้ายมีชีวิต เหินทะยานออกจากมือต้วนหลิงเทียนไปด้วยความเร็วสูงสุด!

 

ฟั่ฟฟฟฟ!!

 

พริบตาที่กระบี่พันอาคมเซียนอันตรธานหายไปจากมือต้วนหลิงเทียน มันก็ประหนึ่งจะพุ่งทะลวงผ่านความว่างเปล่า! ดั่งอันตรธานข้ามระยะไปในชั่วพริบตา! คงเหลือแต่เพียงเสียงหอนของกระบี่อันแผ่วเบาเท่านั้น!!

 

พริบตานั้น กระบี่ที่ทะลวงตัดฟ้าข้ามระยะมาดั่งประกายแสง อยู่ๆก็อุบัติขึ้นตรงหน้าหงอวิ๋น แม้ต้วนหลิงเทียนจะลงมือทีหลัง แต่กระบี่เขากลับบรรลุถึงตัวนางก่อนที่แส้นางจะบรรลุถึงตัวเขา!

 

เรียกว่าเสี้ยวพริบตากระบี่ก็วูบมาโผล่ใกล้มือหงอวิ๋นที่กำลังตวัดฟาดแส้!!

 

ปราณกระบี่อันคมกล้าร้ายกาจยังสะบั้นรังสีพลังที่ฉาบแส้เอาไว้อย่างง่ายดาย!

 

และด้วยกลิ่นอายพลังปราณกระบี่อันลึกล้ำสุดหยั่งทั้งคมกล้าหาใดเปรียบ ก็ทำให้ใจหงอวิ๋นร่วงตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที!

 

วินาทีที่นางตระหนักได้ว่านี่มันเรื่องอะไร นางก็ไม่มีเวลามากพอจะป้องกันกระบี่บินอันน่าพรั่นพรึงนี้ได้ทัน! ยังไม่แม้แต่ขยับข้อมือได้แม้แต่หนึ่งชุ่น! ห้วงเวลาเสมือนหยุดเดินอย่างไรไม่ทราบ นางมองเห็นกระบี่แต่ไม่อาจทำอะไรได้เลย!!

(หนึ่งชุ่น = 1 นิ้ว)

 

และในช่วงเวลาเสี้ยวพริบตานี้ หงอวิ๋นคล้ายได้เห็นภาพข้อมือของนางถูกกระบี่บินอันน่าสะพรึกกลัวตัดขาด!

 

“ระวัง!!”

 

ผู้พิทักษ์ชิงหั่วและผู้พิทักษ์สื่อเฟิงที่ตระหนักได้ถึงอันตราย รีบปะทุพลังกล้าแข็งวูบร่างออกไปดั่งสายฟ้าฟาดทันที

 

น่าเสียดายที่พวกมันยังคงสายเกินไป..

 

กระทั่งตัวสื่อเฟิงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนก็ไม่อาจพุ่งไปช่วยเหลือหงอวิ๋นได้ทัน

 

“อภัยให้กันได้ก็อภัยเถอะ…”

 

ทว่าพริบตานั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งที่ปานจะกึกก้องมาจากทุกทั่วสารทิศ

 

และแทบจะพร้อมๆกันกับที่เสียงนี้ดังขึ้น

 

ผู้พิทักษ์ทั้ง 2 ที่พุ่งร่างเข้าไปหมายช่วยเหลือหงอวิ๋นด้วยความร้อนใจก็บังเกิดความรู้สึกโล่งใจคล้ายคว้าจับฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้แล้ว พลังทั่วร่างถูกรั้งกลับทันที

 

แน่นอนว่าไม่ใช่ฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายสำหรับพวกมัน

 

เปรี๊ยงงง!!

 

เสียงดังสนั่นลั่นปานจะทะลวงแก้วหูดังขึ้น ระหว่างข้อมือของผู้พิทักษ์หงอวิ๋นกะบกระบี่พันอาคมเซียน ไม่ทราบมีม่านพลังโปร่งใสไร้สภาพปรากฏขึ้นเมื่อใด หากแต่มันสามารถหยุดกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ได้ชะงัด!!

 

และแทบจะพร้อมๆกันกับที่กระบี่พันอาคมเซียนสิ้นพลังสภาวะดุร้ายเกรี้ยวกกราด ม่านพลังโปร่งใสไร้สภาพนั่นก็สลายหายไปเช่นกกัน

 

แม้ตอนนี้กระบี่พันอาคมเซียนจะยังคงพุ่งทะยานออกไปสืบต่อ หากแต่ก็ไร้พลังอำนาจในการคุกคามหงอวิ๋นได้อีกต่อไป

 

เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนอาศัยเพียงหนึ่งห้วงคิด กระบี่พลันเหินกลับมาเข้ามือในชั่วพริบตา ไม่ปล่อยให้ทะลวงสังหารไปทางหงอวิ๋นสืบไป

 

“ยินดีที่ได้พบ จ้าวลัทธิบูชาไฟ”

 

ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนคล้ายจะตระหนักถึงว่าผู้พูดเป็นใครอยู่ที่ไหนแต่แรก หันไปกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มยังความว่างทิศทางหนึ่งทันที…

 

และความว่างบริเวณนั้นก็มีร่างหนึ่งที่ค่อยๆปรากฏกายขึ้นมา

 

เมื่อร่างดังกล่าวปรากฏให้เห็นชัด ก็เผยรูปโฉมให้ทั้งหมดเห็นกระจ่าง เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่กำยำมาในชุดคลุมขาวลายปักเปลวเพลิงคล้ายมังกรพัวพัน

 

‘ชุดที่ใส่ดูไปก็แทบไม่ต่างจากอาวุโสทั้งศิษย์ของลัทธิบูชาไฟเท่าไหร่เลย…’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

แน่นอนว่า ‘แทบ’ ไม่ต่าง

 

นั่นเพราะต้วนหลิงเทียนเองก็สังเกตเห็นได้ทันทีว่าลายปักเปลวเพลิงบนชุดนั่น มันแตกต่างจากลายปักเปลวเพลิงของอาวุโสและเหล่าศิษย์ของลัทธิบูชาไฟคนไหนที่เขาเคยเห็นมาก่อน

 

หากมองให้ละเอียดยังพบว่า

 

ลายปักเปลวเพลิงนั่นตั้งแต่ใต้เหนืออกถึงชายชุดคลุมด้านล่าง มันดูคล้ายมังกรเทพยดากำลังห้อมล้อมพัวพันรอบกาย เพื่อพิทักษ์คุ้มครองร่างผู้สวมใส่…

 

นอกจากนั้นร่างสูงใหญ่แลดูกำยำนี้ กลับไม่มีความรู้สึกหยาบกระด้างหยาบตาเลย

 

ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตากลับให้ความรู้สึกไม่ขาดไม่เกิน

 

หว่างคิ้วยังแผ่พุ่งบารมีอันน่าเกรงขาม ราวกับมีพลังอำนาจครอบงำสามารถสยบทุกสรรพชีวิตให้ยอมจำนน

 

วินาทีนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมคาดเดาฐานะอีกฝ่ายได้ทันที

 

จ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน!

 

“ในที่สุดก็ยอมแพ้แล้วหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองจ้องไปยังถังซวนค่อยกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ

 

ในช่วงเวลาที่เขากับหงอวิ๋นกำลังประมือกันอยู่อย่างสูสีนั้น

 

ผู้เฒ่าหั่วได้แจ้งเขาแต่แรกแล้วว่ามีเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนซ่อนตัวอยู่ในจุดอับสายตา และเฝ้าจับตาดูเขาอยู่

 

ตอนนั้นเขาก็คิดได้ทันทีว่าเป็นใคร

 

เพราะในลัทธิบูชาไฟมีเพียง ถังซวน แค่คนเดียวเท่านั้นที่มีพลังฝึกปรือสูงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!

 

และไม่ต้องเดาก็รู้ได้ทันที ว่ามันซุ่มดูเพื่ออะไร! ไม่พ้นคิดจับตาดูพลังฝีมือที่แท้จริงของเขา!!

 

เช่นนั้นเพื่อล่อให้มันปรากฏตัว ในตอนที่หงอวิ๋นใช้แส้พันอาคมเซียน และกระตุ้นพลังอาคมหมายลงมือกับเขาด้วยพลังทั้งหมดนั้น

 

เขาจึงใช้กระบี่พันอาคมเซียนออกมาและจ่ายพลังกระตุ้นพันอาคมเซียนที่กกระบี่ให้เปิดใช้งานทันที! นอกจากกนั้นยังใช้เคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจจากขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่หมายจัดการหงอวิ๋นอย่างอำมหิตในกระบี่เดียว!!

 

เหตุผลที่เขากระทำเช่นนี้ทั้งหมดเพื่อบีบให้ถังซวนโผล่หัวออกมาลงมือเท่านั้น!

 

เพราะถึงแม้หงอวิ๋นจะวางท่าถือดีกับเขาในตอนแรก แต่เขารู้ดีว่านี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เพราะสุดท้ายหงอวิ๋นก็ไม่ล่วงรู้พลังฝีมือของเขา

 

เขาลองคิดดูหากเขาเป็นผู้พิทักษ์หงอวิ๋น บางทีอาจจะลงมือหนักกว่านี้ก็ได้

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้คิดจะทำร้ายหงอวิ๋นจริงๆจังๆ กระบี่บินที่พุ่งทะยานไปนั่น แม้ฉับไวอำมหิต…แต่เขาสามารถควบคุมได้ดั่งใจคิด! จะสลายพลังจะรั้งคืนก็ลำบากเพียงห้วงคิดเดียวเท่านั้น ไม่มีทางปล่อยให้พลาดพลั้งทำร้ายหงอวิ๋นได้จริงๆ!!

 

และความจริงก็พิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาคิดไว้มันสำเร็จ

 

สุดท้ายจ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน ก็ไม่อาจทนดูได้ต่อไป เลือกที่จะออกจากการซ่อนตัวเร้นกายแล้วมาปรากฏตัวตรงหน้าแบบนี้

 

“ต้วนหลิงเทียน”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองพินิจถังซวน ด้านถังซวนก็มองเขาไม่วางตาเช่นกัน “เจ้าไม่กลัวว่าถ้าข้าไม่ลงมือเจ้าจะรั้งกระบี่เอาไว้ไม่ทันหรือไร? เจ้าสมควรรู้ดีกกว่าใครมิใช่หรือ…ว่าความเร็วกระบี่ของเจ้ามิใช่เรื่องเล่นๆ?”

 

“ทว่าที่ข้าอยากรู้ที่สุด…ที่แท้เจ้าพบว่าข้ากำลังซ่อนตัวดูอยู่ได้อย่างไรกันแน่?”

 

กล่าวถามไปเรื่องหนึ่งแล้วถังซวนก็กล่าวถามต่อออกมาอีกเรื่องทันที

 

และวาจานี้ของถังซวนยามดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้เขาตกใจอยู่บ้าง

 

‘มัน..รู้?’

 

เมื่อสังเกตเห็นแววตามากไหวพริบ ทอประกายแหลมคมที่มองมาของถังซวน ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบสะท้านไปในใจ ตอนนี้ยังรู้สึกเสมือนเนื้อตัวเปลือยเปล่ายากปกปิดสิ่งใดต่อหน้าถังซวนอยู่บ้าง

 

“หือ?”

 

ขณะเดียวกัน ด้านผู้พิทักษ์สื่อเฟิง และผู้พิทักษ์ชิงหั่วไม่เว้นผู้พิทักษ์หงอวิ๋นที่รอดมาได้ อดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าเคร่งไปเมื่อไดยินคำของถังซวน

 

“อ่า ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะถูกจ้าวลัทธิมองออกได้…แต่ก็นะ ถึงท่านจ้าวลัทธิจะไม่ออกหน้าลงมือ แต่มั่นใจได้เลยว่าผู้พิทักษ์หงอวิ๋นจะไม่ได้รับอันตรายใดๆทั้งสิ้น ส่วนเรื่องที่ทำไมข้าถึงพบตัวจ้าวลัทธิได้ นั่นก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นล่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆพลางกล่าวตอบ

 

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนผู้พิทักษ์ทั้ง 3 พลันตระหนักได้ทันที

 

ที่ต้วนหลิงเทียนใช้กระบี่อันน่ากลัวนั่นออกมา น่ากลัวว่าจะเพื่อบีบให้จ้าวลัทธิของพวกมันปรากฏตัวเท่านั้น!

 

“มรรคากระบี่ของเจ้าช่างสูงล้ำนัก…อาศัยกระบี่บินเมื่อครู่ เกรงว่ามรรคากระบี่ของเจ้าในใต้หล้านี้…คงยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน…”

 

จ้าวลัทธิบูชาไฟมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาล้ำลึก ยังไม่ลังเลที่จะกล่าวชมออกมาตรงๆ

 

……