หวังเป่าเล่อไม่ทราบถึงการคาดเดาของปรมาจารย์แห่งไฟ เขาไม่เหมือนกับปรมาจารย์แห่งไฟ ไม่ได้สงสัยอะไรในตัวศิษย์พี่เฉินชิงจื่อเลยสักนิด ในใจของหวังเป่าเล่อ ภายในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นแห่งนี้ นอกจากผู้อาวุโสและสหายเหล่านั้นที่โลกสหพันธรัฐแล้ว คนที่เขาไว้วางใจที่สุดก็คือปรมาจารย์แห่งไฟผู้เป็นอาจารย์และศิษย์พี่เฉินชิงจื่อนี่เอง
“หากข้ายังไม่เชื่อใจแม้แต่ศิษย์พี่ที่ดูแลปกป้องข้ามาตลอดทาง เช่นนั้นข้าจะไปเชื่อใจใครได้” หวังเป่าเล่อที่ออกมาจากตำหนักใหญ่ของปรมาจารย์แห่งไฟแย้มยิ้มบาง
สิ่งที่เขาพูดกับปรมาจารย์แห่งไฟล้วนมาจากใจจริงของเขา เรื่องนี้เขาสัมผัสได้ถึงเจตนาของศิษย์พี่ที่ส่งมาให้อย่างลับๆ เขาไม่คิดว่าตนคิดมากไปหรอก อีกทั้งต่อให้คิดมากไปจริงๆ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องไปสนามรบระหว่างศิษย์พี่กับเดือนแยกอยู่ดี
“เวลาไม่มากแล้ว ข้าต้องยกระดับการฝึกตนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น…” หวังเป่าเล่อพึมพำ ดวงตาฉายประกายล้ำลึก เรื่องเกี่ยวกับตะขาบสีโลหิต เกี่ยวกับการตระหนักรู้อดีตชาติ เกี่ยวกับความเป็นจริงของโลก ปรมาจารย์แห่งไฟไม่ได้ถาม และหวังเป่าเล่อก็ไม่คิดจะพูดก่อน
เรื่องเหล่านี้ เมื่อรู้แล้ว…ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดี
หวังเป่าเล่อไม่อยากจะทำให้เกิดภัยพิบัติและหายนะอื่นๆ ขึ้นในดาราจักรไฟเพราะตัวเขาเอง
“อาจารย์ทุกข์ใจมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มความทุกข์ใจเรื่องของข้ามากกว่าเดิมอีก…” หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจลึก ไม่ได้กลับที่พัก แต่ตรงไปยังที่ที่เทพวัวอยู่
เขาจำเป็นต้องสังเกตและคัดลอกภาพต่อเพื่อทำให้เวทผนึกดาวของตนสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
การมาถึงของหวังเป่าเล่อทำให้เทพวัวลืมตาขึ้นมองแล้วก็หลับตาลงอีกครั้งเพื่อให้หวังเป่าเล่อเฝ้าสังเกตร่างกายด้านนอกของตนต่อไป จนกระทั่งหนึ่งวันต่อมา เมื่อหวังเป่าเล่อเข้าใจกระจ่างและจากไปแล้ว เทพวัวจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง มองไปยังทิศที่หวังเป่าเล่อจากไป ก่อนพึมพำเสียงเบา
“เจ้าเด็กนี่มองเห็นอะไรในดาวเคราะห์ชะตากันแน่…เหตุใดพอกลับมาแล้ว ดูเหมือนจะปกติ แต่ความจริงกลับรีบร้อนจะยกระดับพลังฝึกปรือของตนเช่นนี้ล่ะ”
ขณะที่เทพวัวกำลังครุ่นคิดอยู่ตรงนี้ หวังเป่าเล่อก็กลับไปยังที่พัก
หลังจากกลับมาถึงเขาก็นั่งขัดสมาธิทำสมาธิทันที เพื่อให้จิต ปราณ วิญญาณของตนบรรลุถึงจุดสูงสุด จากนั้นหวังเป่าเล่อก็ลืมตา เผยความคิดตรึกตรองออกมา
การฝึกตนเลื่อนระดับเป็นดารานิรันดร์ อีกทั้งการต่อสู้กับชงอี้จื่อทำให้เขาร่างของเขามั่นคงแล้ว
“ข้าในตอนนี้ หากระเบิดพลังออกมาทั้งหมดก็สามารถสยบดารานิรันดร์ระดับพิภพชั้นปลายได้ พลังน่าจะเหมือนกับดารานิรันดร์ระดับพิภพชั้นมหาวัฏจักร ส่วนดารานิรันดร์ระดับสวรรค์ที่มีอยู่แค่ในราชวงศ์ไม่รู้สิ้นนั้น…ถ้าเป็นชั้นมหาวัฏจักร ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ มากที่สุดก็พอจะเทียบกับชั้นปลายได้”
หลังจากหวังเป่าเล่อพึมพำเสียงเบากับตนเอง เขาก็ก้มหน้ามองดูร่างกายของตน ดวงตาหรี่ลงช้าๆ
“แต่ถ้าต่ำกว่าระดับพิภพล่ะก็ ตราบใดที่เป็นดารานิรันดร์ ล้วนแต่ถูกข้าบดขยี้ทั้งสิ้น!”
“ต่อไปก็ไปที่สนามรบของศิษย์พี่กับเดือนแยก ที่นั่นมีมหาศิษย์จากสำนักและตระกูลต่างๆ ของจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นอยู่ไม่น้อยเลย…” หวังเป่าเล่อครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วแจกแจงเคล็ดวิชาลับที่ตนในตอนนี้สามารถใช้ได้ออกมา
พลังบทสวดแห่งเต๋าต้องใช้ออกมาในช่วงเวลาสำคัญ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีแผนที่ดวงดาวเทพวัว แม้ว่าจนถึงตอนนี้หวังเป่าเล่อจะยังไม่ได้ใช้มันออกมาแม้กระทั่งในการต่อสู้กับชงอี้จื่อก็ตาม แต่เขาเชื่อว่า ทันทีที่แผนที่ดวงดาวกลายเป็นเทพวัวแล้ว จะต้องสะเทือนฟ้าสะเทือนดินอย่างแน่นอน
“ยังมีเงาร่างจากห้าชาติ…แล้วก็ดัชนีศักดิ์สิทธิ์กับวิชาดวงเนตรปีศาจ”
“ยังมีเพลิงดำ…เพลิงนี้อาจจะให้ผลลัพธ์อัศจรรย์ในการต่อสู้ต่อจากนี้ก็ได้!”
“ส่วนเกราะจักรพรรดิ…จำเป็นต้องหลอมใหม่แล้ว” หลังจากหวังเป่าเล่อคำนวณดู เขาก็เปิดกระเป๋าคลังเก็บของตนออก ตรวจดูอาวุธเวทต่างๆ
“วัตถุเวทแห่งความมืดไม่อาจหยิบออกมาใช้ง่ายๆ…แล้วยังมีอาวุธเทพเกราะจักรพรรดิ สามารถเอามาเป็นเวทป้องกันทั่วไปได้ ยังมีคันธนูจักรพิภพอีก…ส่วนของอื่นๆ…ล้วนแต่เป็นของสิ้นเปลืองเท่านั้น” ขณะที่หวังเป่าเล่อใคร่ครวญดู เขาก็ยกมือขวาขึ้นโบก หยิบคันธนูใหญ่ออกมา ลูบเบาๆ แล้วเก็บเอาไว้
“แล้วยังมีขวดปรารถนาด้วย…ของสิ่งนี้ชั่วร้ายเกินไป” หวังเป่าเล่อส่ายหน้า สุดท้ายก็สูดหายใจลึก ส่งสัมผัสสวรรค์มองเข้าไปข้างใน ทอดมองไปยังฝักกระบี่เจ้าชะตาในร่างของตน!
ฝักกระบี่นี้แฝงอยู่ในร่างของเขามานานแล้ว ตอนนี้มองดูแล้วปกติดี แต่หวังเป่าเล่อมีความรู้สึกว่าถ้าหากดึงมันออกมา พลังที่อยู่ในนั้นจะสามารถฟาดฟันได้ทุกทิศทางเลยทีเดียว
“นอกจากของเหล่านี้แล้ว สิ่งที่ข้าจำเป็นต้องทำที่สุดในตอนนี้ก็คือ…เคล็ดวิชาดารานิรันดร์!” หลังจากเก็บประสาทสัมผัสกลับมาจากฝักกระบี่เจ้าชะตา หวังเป่าเล่อก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด ผ่านไปครู่หนึ่งจึงร้องเรียกหาแม่นางน้อย แต่แม่นางน้อยคล้ายหลับไปอีกแล้ว จึงไม่ได้ตอบกลับ
“ช่างเถอะ เรื่องนี้ข้าเลือกเองได้!” ดวงตาของหวังเป่าเล่อมีแสงส่องวาบ เคล็ดวิชาดารานิรันดร์ หวังเป่าเล่อไม่จำเป็นต้องได้รับมาเพิ่มเติม เพราะตัวเขามีอยู่สองเคล็ดวิชาแล้ว!
เคล็ดวิชาหนึ่งก็คือ วิชาที่ปรมาจารย์แห่งไฟเคยสอนให้ก่อนหน้านี้…เวทวิญญาณเพลิง!
เวทนี้ไม่เพียงแต่เป็นวิชาเทพของคำสาปเท่านั้น แต่ยังเป็นเคล็ดวิชาดารานิรันดร์เช่นกัน อีกทั้งตามวิถีการฝึกตนของมัน หากสามารถฝึกไปถึงระดับจักรพิภพได้ อานุภาพที่ใช้ยิ่งน่าสะพรึง
แต่จุดเด่นของการยกระดับกระบวนเวทนี้คือพลังชีวิตและปราณอาฆาต พลังชีวิตและปราณอาฆาตของชาติก่อนทำได้เพียงเป็นฐานเท่านั้น คิดจะทำให้ระเบิดพลังออกมารุนแรงกว่านี้ก็จำเป็นต้องมีการตกตะกอนจากชาตินี้ด้วย
นอกจากนี้แล้ว เคล็ดวิชาอีกอย่างก็มาจากนิมิตมืดของหวังเป่าเล่อเมื่อหลายปีก่อน เขาเคยเห็นวิชาศาสตร์มืดอย่างหนึ่งในตำรามากมายภายในสำนักแห่งความมืด!
วิชานี้มีชื่อว่าเคล็ดวิชาเด็ดดารา!
นี่ไม่ใช่วิชาสายตรงที่สุดในบรรดาเคล็ดวิชาดารานิรันดร์ของสำนักแห่งความมืด แม้จะถูกจัดให้เป็นข้อห้าม ไม่แนะนำผู้ฝึกตนสายหลัก ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ศิษย์ของสำนักแห่งความมืด จากความเข้าใจและการตระหนักรู้เกี่ยวกับกระบวนเวทนี้ หากเปรียบเทียบดูแล้วมันจะทำให้เคล็ดวิชาสายตรงของตนยกระดับได้
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเคล็ดวิชาเด็ดดารานั้นชั่วร้ายเกินไป อีกทั้งยามที่ฝึกฝนก็จะมีโชคร้ายไม่คาดฝันมาเยือน เพราะเคล็ดวิชานี้รุนแรงเกินไป ผู้ที่ฝึกฝนจะถูกเต๋าสวรรค์ผลักไส ยิ่งกว่านั้นคือจะถูกอวกาศสยบไว้ และการสยบนี้ก็อาจจะทำให้ถูกลบรากเดิมทั้งหมดที่มีอยู่ได้
เหตุผลของทั้งหมดนี้ เป็นเพราะวิชาเวทนี้…สามารถเด็ดดึงดวงดาราดวงใดก็ได้มาเป็นดาวของตน และเมื่อเด็ดมาแล้ว ดาวที่ถูกทำเครื่องหมายก็จะกลายเป็นลูกปัดที่หลอมรวมเข้าไปภายในสัมผัสสวรรค์ของผู้ฝึก ก่อนกลายเป็นดวงดาวของตน
โดยไม่สนว่าดาวดวงนี้จะมีชีวิตหรือไม่ ไม่สนว่า…ดาวดวงนี้จะถูกคนอื่นหลอมกลั่นแล้วหรือไม่ ถึงขั้นที่แม้แต่ดาวพระเคราะห์และดารานิรันดร์ของตัวผู้ฝึกตนก็สามารถถูกคนอื่นใช้วิธีการนี้ปล้นชิงไปได้
และด้วยเหตุนี้ เคล็ดวิชาเด็ดดาราจึงถูกจัดเป็นข้อห้าม
อย่างไรเสียในทั่วทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นก็มีกฎการอนุรักษ์อยู่ ความเป็นความตายล้วนอยู่ในขอบเขตของจักรพิภพเต๋า มากที่สุดก็แบ่งสรรมากน้อยไม่เท่ากัน แต่ถึงแม้พวกที่มีการแบ่งสรรมากที่สุดจะสามารถมีชีวิตใหม่ได้ไม่จำกัด แต่ทุกสิ่งที่พวกเขามีล้วนเป็นของจักรพิภพเต๋าทั้งสิ้น
ในแง่หนึ่ง สิ่งที่ผู้ฝึกตนครอบครองก็ไม่พ้นสิทธิ์การใช้งานเท่านั้น ส่วนเต๋าสวรรค์กลับเป็นกฎหมายที่สร้างขึ้นภายใต้การถูกผู้คนส่วนรวมตระหนักถึง จนทำให้พฤติกรรมของตระกูลไม่รู้สิ้นกลายเป็นมาถ่องแท้เที่ยงตรง
“เต๋าสวรรค์เป็นเหมือนกฎหมาย เต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดคือกฎของยุคก่อน ส่วนเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นคือกฎของยุคนี้…” ดวงตาของหวังเป่าเล่อหรี่ลง ฉายแววล้ำลึก เขาเข้าใจดีว่าเคล็ดวิชาเด็ดดารา…สามารถมองว่าเป็นดวงดาวที่ไม่ปฏิบัติตามกฎของเต๋าสวรรค์จนถูกขัดเกลาก็ได้ สิ่งที่มันครอบครองไม่ใช่การใช้สิทธิ์ในการใช้งาน แต่เป็นสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ
เมื่อเป็นเช่นนี้ มันจึงเหมือนกับการปล้นชิง ดังนั้นย่อมมีเหตุร้ายไม่คาดฝันอยู่แล้ว อีกทั้งยังถูกปฏิเสธ ต้องถูกลบร่องรอยการมีอยู่ทั้งหมดราวกับสูญสลายอย่างแท้จริง ร่างวิญญาณก็จะถูกทำลายด้วย
แต่ข้อดีของมัน…ก็คือรวดเร็ว!
การเติบโตของความเร็วและพลังต่อสู้ในการฝึกตนจะรวดเร็วจนไม่อยากเชื่อ หากเปลี่ยนเป็นเขาที่ไม่ได้ตระหนักรู้อดีตชาติ หวังเป่าเล่อย่อมไม่เลือกกระบวนเวทนี้ แต่ตอนนี้…ด้านหนึ่งเขาคิดว่าไม่ทันการณ์แล้ว ตนจะต้องแข็งแกร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนอีกด้าน หลังจากเขาระลึกอดีตชาติแล้ว ก็คิดว่าเคล็ดวิชานี้อาจจะเหมาะสมกับตนก็ได้
“ร่างวิญญาณพังทลาย สูญสลายโดยแท้จริง…แต่…กระดานไม้สีดำร่างจริงของข้าใช่สิ่งที่จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นจะสามารถทำลายได้หรือ ส่วนการลบดวงจิตของข้า จุดนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าหากข้าไม่ยกระดับโดยเร็วล่ะก็ ต่อให้ข้าไม่ถูกจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นลบจิตสัมผัสทิ้ง ก็ต้องถูกตะขาบสีโลหิตนั้นกลืนกิน…” หลังจากหวังเป่าเล่อใคร่ครวญ จู่ๆ เขาก็ยิ้มออกมา
“ฝึก!” ประกายแสงในดวงตาของเขาสว่างวาบ เลือกเคล็ดวิชาเด็ดดารามาฝึกเป็นเคล็ดวิชาหลักดารานิรันดร์โดยไม่มีความลังเลสักนิด และในชั่วขณะที่เขาตัดสินใจแล้วนั้น ขณะที่เริ่มโคจรเคล็ดวิชาเด็ดดารา ภายในร่างของเขาก็เกิดเสียงสะเทือนกึกก้องทันที
ดวงดาราพิเศษนับหมื่นของเขาและกึ่งดาวเคราะห์เต๋าทั้งเก้าดวง ทั้งยังมีดาวเต๋านิรันดร์ดวงนั้น ขณะนี้ต่างก็สั่นสะเทือนขึ้นมาทั้งหมดราวกับมีจิตคิดแยกจากแผ่ออกมาจากรอบตัวพวกมัน ราวกับมีมือไร้รูปกำลังครอบคลุมพวกมันเอาไว้ และกำลังลบที่มาที่ไปของพวกมัน…ลบความสัมพันธ์ที่ไม่อาจแยกจากกันกับจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นทิ้งไป!
อำนาจการเป็นเจ้าของ ถูกเปลี่ยนแล้ว!
เมื่อมันถูกลบออกมา ดาวเอกเพลิงก็สั่นสะเทือน ดาราจักรไฟส่งเสียงกู่ก้อง โลกภายนอกยิ่งเป็นเช่นนี้ ราวกับมีเสียงคำรามหลายเสียงดังมาจากส่วนลึกของอวกาศอย่างเลือนราง แล้วสะท้อนไปทั่วทั้งแปดทิศ
……………………