บทที่ 1979 ทะเลน้ำส้มสายชูท่วมมิดหัว
หลินเชวียช็อกไปแล้ว…
เอาเถอะ เขาไม่จำเป็นต้องเดาแล้ว มองจากบุคลิกที่ห้าวหาญแบบนี้ก็รู้แล้วว่าต้องเป็นเยี่ยหวันหวั่นคนนั้นแน่นอน
เพียงแต่ ทำไมถึงบันทึกชื่อไว้ว่า MW ล่ะ นึกไม่ออกเลยว่าย่อมาจากอะไร มีความหมายพิเศษอะไรหรือเปล่านะ
[MW : สิบ!]
[MW : เก้า!]
[MW : แปด!]
….
ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นส่งข้อความนับถอยหลังอยู่นั้น หลินเชียวก็กำลังคาดเดาว่าพี่เก้าของตัวเองจะยืนหยัดต่อไปได้สักแค่ไหน
สุดท้าย ในตอนที่เยี่ยหวันหวั่นนับถึงเจ็ด เขาก็มองเห็นว่าพี่เก้าของตัวเองกดเข้าช่องแชทแล้ว
จากนั้นก็เห็นว่า ชายหนุ่มใช้นิ้วมือเรียวยาวพิมพ์ในวินาทีสุดท้าย แล้วส่งข้อความประโยคหนึ่งออกไป…
หลินเชวียถอนหายใจ เฮ้อ ถูกกินเสียเรียบเลยสิน่า…
หลายวันก่อนตอนที่พี่เก้ากลับมาจากไปเดทกับเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าตอนนั้นน่ากลัวมาก ทำให้เขาไม่กล้าเข้าใกล้เขาในระยะสิบก้าวไปหลายวันเลย
เขาสันนิษฐานว่าวิกฤตการณ์ด้านความรักครั้งนี้ต้องใหญ่หลวงแน่นอน ถึงขั้นเป็นไปได้ว่าอาจจะเลิกรากันแล้ว เขาคาดการณ์ว่าในระยะนี้เขาคงจะไม่ถูกยัดเยียดอาหารสุนัขให้อีกแล้ว
แต่ใครจะไปรู้…
เขายังคงประเมินระดับความไร้ยางอายของเยี่ยหวันหวั่นต่ำไป!
ผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน! คนเขาไม่แยแสเธอแล้ว อย่างน้อยเธอก็ควรสงวนท่าทีบ้างสิ ไม่ต้องมาสนใจเขาไง!
นึกไม่ถึงเลยว่าจะส่งข้อความมาอย่างบ้าคลั่ง!
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือปฏิกิริยาตอบสนองของพี่เก้า นี่ก็ส่ง ‘เครื่องหมายจุด’ กลับไปอย่างเชื่อฟังเกินไปแล้ว!
เวลานี้ ณ พันธมิตรอู๋เว่ย
พิมพ์จนนิ้วชา มือถือร้อนแล้ว ในขณะที่แป้นพิมพ์ใกล้จะถูกเยี่ยหวันหวั่นกดจนพัง ในที่สุดการกระหน่ำส่งข้อความก็หยุดลง
เยี่ยหวันหวั่นจ้องมอง ‘เครื่องหมายจุดเล็กๆ’ บนมือถือด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง
ที่รักของเธอช่างน่ารักจริงๆ!
“เวรแล้ว! อีกฝั่งตอบมาว่ายังไงกัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าพี่เฟิงจะยิ้มเหมือนคนโง่ด้วย!”
“สรุปแล้วเป็นคำรักหวานซึ้งอะไรไหมนะ”
“เถ้าแก่น้ำส้มสายชูคนนี้สูงส่งมาจากไหนกันแน่”
เป่ยโต่วอยากรู้จนทนไม่ไหว จึงชะโงกเข้าไปมองอย่างเงียบเชียบ “ที่แท้เขาส่งอะไรมากันแน่…”
สีหน้าของชีซิงแลดูไม่สนใจ ทว่าสายตากลับมองตามเป่ยโต่วไปโดยไม่รู้ตัว
เป่ยโต่วยืดคอพยายามเพ่งมองเข้าไป วินาทีต่อมาใบหน้าก็พลันแข็งทื่อ…
เพราะสัมผัสถึงการแอบมองของเป่ยโต่วได้ เยี่ยหวันหวั่นจึงถลึงตาใส่แวบหนึ่ง กุมมือถือไว้ราวกับสมบัติล้ำค่า “นายรนหาที่ตายสินะ!”
ใบหน้าของเป่ยโต่วเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “พี่เฟิง พี่กินยาผิดไปเหรอ หรือว่าเถ้าแก่น้ำส้มสายชูคนนี้ป้อนน้ำส้มสายชูใส่ยาพิษให้พี่! แม่งเอ๊ย พี่ส่งข้อความไปหาตั้งมากมายขนาดนั้น อีกฝ่ายไม่ตอบกลับมาเลยสักคำ ส่งแค่จุดอันหนึ่งมาให้พี่ แล้วพี่ดันมีความสุขกับของแบบนี้น่ะเหรอ”
พอชีซิงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดของเป่ยโต่ว ก็มีสีหน้าที่ยากจะอธิบายเล็กน้อย
แค่…จุดอันหนึ่งเหรอ
เยี่ยหวันหวั่นมองดูมือถือต่อไปอย่างมีความสุข พลางเอ่ยว่า “หมาโสดอย่างนายน่ะจะไปเข้าใจอะไร!”
เป่ยโต่วผงะไป “…พี่เฟิง พี่แค่ใช้ปากพูดเท่านั้น ทำไมถึงโจมตีคนได้กันนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจเขา ยังคงส่งข้อความต่อไป พลางเอ่ยถามไปด้วยว่า “คุกคนบาปนัดประชุมใหญ่พรุ่งนี้ใช่ไหม”
เป่ยโต่วพยักหน้ารับ “ใช่ครับ ถูกแล้ว”
“อืม ได้เลย เข้าใจแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นโบกมือ เป็นสัญญาณให้พวกเขาออกไปได้แล้ว
เป่ยโต่วเกาศีรษะ เอ่ยพึมพำกับตัวเองด้วยความอยากรู้ “เถ้าแก่น้ำส้มสายชูคนนี้ สรุปแล้วเป็นผู้วิเศษมาจากไหนกัน…”
ทางฝั่งอาชูร่า เมื่อบรรดาผู้นำระดับสูงเห็นว่าในที่สุดมือถือของผู้นำตัวเองนั้นหยุดแผดเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งแล้ว ต่างก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างพร้อมเพรียง
น่ากลัวชะมัด!
หรือจะมีรายงานเร่งด่วนอะไร
‘ติ๊ง...’
เสียงดังขึ้นมาอีกแล้ว
ซือเยี่ยหานมองการตอบกลับของเยี่ยหวันหวั่น
[MW : ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว นึกว่าคุณก็ถูกมารร้ายจับตัวไปด้วย!]
ถูกมารร้ายจับไปงั้นเหรอ
ซือเยี่ยหานมองเนื้อหาในข้อความ ใคร่ครวญดูเล็กน้อย แล้วก็คิดได้ว่าเธอน่าจะพูดถึงเรื่องที่ระยะนี้บอสของกลุ่มอำนาจมากมายหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
จากข้อมูลที่เขาได้รับมาตอนนี้ จี้ซิวหร่าน…ก็หายตัวไปแล้ว…
เธอจะ…ร้อนใจไหมนะ
เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นคงจะไม่คาดคิดว่า คนที่เพิ่งจะถูกง้อให้ดีขึ้น เพราะความคิดของตัวเขาเอง กลับถูกทะเลน้ำส้มสายชูท่วมจนมิดหัวอีกครั้ง…
—————————————————————–
บทที่ 1980 ไม่คิดจะมีลูกกับเขา
ซือเยี่ยหานมองมือถือที่มีข้อความจากเยี่ยหวันหวั่นอยู่บนหน้าจออย่างสงบนิ่ง อ่านประโยคนั้นที่บอกว่า ‘พวกเราสองคนเคยนอนด้วยกันมาแล้ว แถมยังมีลูกน้อยวัยห้าขวบคนหนึ่งด้วย’
ยังมีลูกน้อยวัยห้าขวบคนหนึ่งด้วย…
อา หากว่านี่เป็นความจริง ก็คงจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตนี้ของเขาแล้ว…
ปีนั้นตอนที่ความรักสุกงอม เขาเคยโพล่งไปประโยคหนึ่งว่า ‘ถ้าในอนาคตพวกเรามีลูกกัน…’ แต่ว่าตอนนั้นเขาพูดยังไม่ทันจบก็ถูกเธอเอ่ยขัดแล้ว เขาจำได้ชัดเจน ตอนนั้นเธอมีสีหน้าหงุดหงิดและปฏิเสธ บอกว่าไม่ชอบเด็กเล็กๆ เลยสักนิด และจะไม่มีแน่นอน…
ไม่ใช่ไม่ชอบ แค่ไม่คิดจะมีลูกกับเขาเท่านั้น
นับจากนั้น เขาก็ไม่เคยพูดถึงหัวข้อนี้อีกเลย
….
ในเวลานี้เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้รับรู้เลยว่าซือเยี่ยหานได้จมดิ่งลงไปในทะเลน้ำส้มสายชูลึกยิ่งกว่าเดิม เธอกำลังตรวจดูภารกิจที่รับกลับมาครั้งก่อน ดูว่างานไหนที่สามารถทำสำเร็จได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วที่สุด เพื่อให้ได้คะแนนเกียรติยศ
ตอนนี้เธออยากเร่งฟื้นฟูความทรงจำ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับซือเยี่ยหาน
ในการสะกดจิตไม่กี่ครั้งก่อนมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับซือเยี่ยหานน้อยเกินไปแล้วจริงๆ
ครั้งก่อนเธอเสร็จสิ้นภารกิจระดับ S+ หนึ่งงาน ระดับ S หนึ่งงาน แถมยังทุบสถิติได้ทั้งสองงาน จึงได้รับคะแนนเกียรติยศมาทั้งหมดสี่หมื่นห้าพันแต้ม
ขาดอีกแค่ห้าพันแต้มก็สามารถไปหาผู้อำนวยการเพื่อเข้ารับการสะกดจิตครั้งที่สามได้แล้ว
เพียงแต่ ปัญหาคือ เธอยังติดหนี้คะแนนเกียรติยศผู้อำนวยการอยู่สองหมื่นแต้ม คาดว่าครั้งนี้จิ้งจอกเฒ่าคงไม่ยอมติดกับง่ายๆ แล้ว ไม่มีทางยอมให้เธอแปะไว้ก่อนอีก
ดังนั้นเกรงว่าเธอคงต้องหาคะแนนเกียรติยศเพิ่มสักหน่อยจึงจะโอเค
พูดอีกอย่างคือ พอบวกรวมกับหนี้คะแนนเกียรติยศสองหมื่นแต้มที่เธอค้างชำระอยู่ ตอนนี้เธอยังขาดคะแนนเกียรติยศอยู่อีกสองหมื่นห้าพันแต้ม
แค่เสร็จสิ้นภารกิจระดับ S+ หนึ่งงาน ระดับ S อีกหนึ่งงานก็เพียงพอแล้ว แต่ว่า พูดน่ะง่าย พอทำแล้วจะง่ายเสียที่ไหนล่ะ
ไม่ใช่ว่าทุกภารกิจระดับสูงจะเป็นโอกาสให้เธอได้ทำกำไรทุกงานนี่นา
“เฮ้อ ทำงานไหนดีล่ะ ภารกิจเฮงซวยพวกนี้ก็ยากเกินไปแล้ว…”
เยี่ยหวันหวั่นเครียดจนผมแทบร่วงแล้ว “นี่อะไรอีกล่ะเนี่ย ชิงหลักศิลาจารึกของโรงเรียนชื่อเยี่ยนกลับคืนมาจากสวรรค์ชัง หา ชิงหลักศิลาจารึกของโรงเรียนชื่อเยี่ยนกลับคืนมาคือยังไงนะ หลักศิลาจารึกโรงเรียนมันถูกขโมยได้ด้วยเหรอ
ไอ้ของนั้นเป็นหินเก่าๆ ก้อนใหญ่เบ้อเริ่ม ไม่ใช่ของมีค่าอะไรด้วย แถมยังไม่มีศาสตร์วรยุทธ์อะไรจารึกไว้อีก แค่สลักกฎระเบียบของโรงเรียนและคำขวัญของโรงเรียนชื่อเยี่ยนเอาไว้ตัวใหญ่เบิ้มเท่านั้น ใครมันว่างจนไปขโมยไอ้ของนั้นกัน?”
ชีซิงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเข้าจึงเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อเจ็ดปีก่อน หลักศิลาจารึกที่อยู่ข้างประตูโรงเรียนชื่อเยี่ยนจู่ๆ ก็หายไปอย่างกะทันหัน รุ่งเช้าพบว่าอีกฝ่ายได้ทิ้งนามของเจียงหลีเฮิ่นหัวหน้ากลุ่มสวรรค์ชังไว้
ได้ยินว่าเจียงหลีเฮิ่นเคยเป็นนักเรียนของโรงเรียนชื่อเยี่ยน แถมยังเป็นทหารรับจ้างระดับ SSS ด้วย สุดท้ายเป็นเพราะทำผิดกฎอย่างร้ายแรงจึงถูกผู้อำนวยการไล่ออกจากโรงเรียนชื่อเยี่ยน เรื่องนี้ทำให้เจียงหลีเฮิ่นคับแค้นใจ ดังนั้น…”
เยี่ยหวันหวั่นรับช่วงต่อ “ดังนั้นเขาจึงขโมยหลักศิลาจารึกของโรงเรียนชื่อเยี่ยนไปสินะ”
ชีซิงตอบรับ “ใช่ครับ”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างเหลือเชื่อ “วงจรสมองของไอ้คนนี้พิลึกจริงๆ!”
ช่างเป็นวิธีล้างแค้นที่ชวนให้คนรังเกียจจริงๆ ไม่ซ้อมแกไม่ฆ่าแก แต่จะเอาหลักศิลาจารึกกฎระเบียบของโรงเรียนแกไปด้วยซะเลย
สำหรับสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่มีชื่อเสียงขนาดนี้ เป็นการหยามน้ำหน้ากันเกินไปแล้ว!
ชีซิงเอ่ยต่อไปว่า “เพราะเรื่องนี้ เลยทำให้พวกระดับสูงของโรงเรียนชื่อเยี่ยนโกรธมาก จึงออกใบสั่งภารกิจระดับ S+ ให้กับนักเรียนทั้งหมด อีกทั้งไม่ได้จำกัดไว้แค่ภายในโรงเรียนเท่านั้น ทุกคนในรัฐอิสระ ขอแค่สามารถช่วงชิงศิลาจารึกกลับมาได้ โรงเรียนล้วนจะให้รางวัลสินน้ำใจมากมายมหาศาล แต่น่าเสียดาย ผ่านมาเจ็ดปีแล้ว ไม่มีใครสามารถชิงศิลาจารึกกลับมาได้เลย”
เยี่ยหวันหวั่นลูบคาง พลันเข้าใจแล้ว “จุ๊ๆ มิน่าละถึงได้รับคะแนนเกียรติยศมากขนาดนี้…”
……………………………………..