บทที่ 1977 มีเพียงคนเดียว
“เหลวไหล!” เป่ยโต่วเหลือบมองชีซิงแวบหนึ่ง “นายวิเคราะห์เล่นอะไรเนี่ย กลุ่มอำนาจพวกไหนในรัฐอิสระกันล่ะที่มีความสามารถพอจะทำให้บอสพวกนี้หายตัวไปอย่างเงียบเชียบได้ในชั่วข้ามคืน บ้าเหรอ กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ก็ทำไม่ได้หรอกนะ!” เป่ยโต่วเอ่ยแย้ง
“ฉันจะไม่พูดถึงคนอื่นแล้วกัน เอาแค่จี้หวง แล้วก็พี่ใหญ่เวินจื่อหรานของพวกเรา ไม่ต้องเอ่ยถึงกลุ่มอำนาจเบื้องหลังหรอก แค่ฝีไม้ลายมือของตัวพวกเขาเอง ต่อให้สู้ไม่ไหว แต่ถ้าคิดจะหนี ใครจะรั้งพวกเขาเอาไว้ได้ล่ะ แล้วยังมีบอสใหญ่ผู้ยอดเยี่ยมอีก!” เป่ยโต่วพูดต่อ
อย่าว่าแต่เป่ยโต่วเลย แม้แต่เยี่ยหวันหวั่นเองก็ไม่เชื่อสักเท่าไร ทั่วทั้งรัฐอิสระ ดูเหมือนจะไม่มีกลุ่มอำนาจไหนที่มีความสามารถถึงระดับนี้เลยจริงๆ
หากแค่คนสองคนก็แล้วไปเถอะ นี่แม้แต่จี้หวงก็หายตัวไปอย่างน่าประหลาด แถมยังทิ้งคราบเลือดกองหนึ่งไว้ในห้องด้วย นี่มันแนวคิดอะไรกัน?!
“ดังนั้น นายเลยคิดว่าไม่มีใครสามารถทำได้จริงๆ น่ะเหรอ” ชีซิงมองไปที่เป่ยโต่วอย่างมีนัยยะ
“แล้วใครกันล่ะ ถ้านายแน่จริง นายก็บอกฉันมาสิว่าใครที่ทำได้น่ะ!” ใบหน้าของเป่ยโต่วเต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้
“สวะหมา”
ชีซิงเงียบอยู่นาน ถึงได้เอ่ยชื่อสวะหมาสามคำนี้ออกมา
และเมื่อชีซิงพูดจบ สีหน้าของเป่ยโต่วก็แปรเปลี่ยนไปทันที
หากว่ามีคนที่มีความสามารถถึงระดับนี้อยู่จริงๆ ทั่วทั้งรัฐอิสระ เกรงว่า…จะมีแค่เจ้าสวะหมาคนเดียวแล้วล่ะมั้ง?!
“สวะหมางั้นเหรอ”
ด้านข้าง เยี่ยหวันหวั่นที่ฟังอยู่มีเหงื่อเย็นผุดทั่วร่างแล้ว
ถึงจะรู้ว่าวรยุทธ์ของสวะหมาแกร่งกล้าเลิศล้ำ แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสวะหมาจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ สวะหมาเป็นคนมีความสามารถคนหนึ่งจริงๆ แต่จะทำให้จี้ซิวหร่านรวมถึงบอสใหญ่ชั้นยอดทั้งหมดหายตัวไปอย่างเงียบเชียบภายในระยะเวลาสั้นๆ ได้เหรอ
“แต่ว่า…ถ้าหากเป็นสวะหมาจริง ฉันกลัวว่า…คนที่หายตัวไป น่าจะไม่อยู่บนโลกกันแล้วน่ะสิ” ชีซิงเอ่ยออกมา
และในครั้งนี้ น่าแปลกที่เป่ยโต่วกลับไม่ได้คัดค้าน
อันที่จริง ถ้าอิงตามพฤติกรรมที่ผ่านมาของสวะหมาแล้ว เว้นแต่สวะหมาจะไม่ลงมือเท่านั้น แต่ถ้าลงมือแล้ว ก็ไม่อยู่ในจุดที่จะพูดคุยกันได้อีก
อย่างไรก็ตาม เยี่ยหวันหวั่นไม่เชื่ออยู่บ้าง ปีนั้นไม่ใช่ว่าตัวเองก็ถูกสวะหมาทุบตีเอาหรอกเหรอ แต่ตอนนี้ตัวเองก็ยังมีชีวิตอยู่ดีไม่ใช่เหรอไง
“พี่เฟิง สถานการณ์ของพี่ต่างกันออกไป” ชีซิงมองไปที่เยี่ยหวันหวั่นพลางส่ายหน้า “ความหมายของผมคือ เป้าหมายที่สวะหมาลงมือ ล้วนเป็นเหยื่อของเขา สำหรับสวะหมาแล้ว เหยื่อต้องตายเท่านั้น ไม่มีทางรอด แต่พี่เฟิงเป็นฝ่ายเข้าไปหาเรื่องสวะหมาก่อน สวะหมาถูกบีบให้ลงมือ ดังนั้นแล้ว สวะหมาจึงไม่เคยมองพี่เฟิงเป็นเหยื่อไงล่ะ”
พอได้ยินคำพูดของชีซิง เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่อาจโต้แย้งได้ เมื่อก่อนตัวเองวอนหาเรื่องขนาดนั้นเลยเหรอ…
แม้ว่าสวะหมาจะน่าสงสัยมากจริงๆ แต่ว่า เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ยอมเชื่อแบบนั้นอยู่ดี
เพราะเคยวิวาทกับสวะหมามาบ้าง ถึงแม้สวะหมาจะมีพฤติกรรมแปลกๆ ไปบ้าง แต่กลับเป็นคนที่มีหลักการอย่างยิ่งคนหนึ่ง และคนที่มีหลักการแบบนี้ จะเปลี่ยนไปเป็นคนเลวทราม
สวะหมาเคยบอกว่า เขาไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ใครคนใด แต่พุ่งเป้าไปที่ตระกูลเก่าแก่ของรัฐอิสระพวกนั้น ส่วนพวกจี้ซิวหร่าน ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกตระกูลเก่าแก่เลยสักนิด
หากว่า เป็นซือเยี่ยหานที่หายตัวไป…เยี่ยหวันหวั่นยังพอเข้าใจได้ ถึงยังไงซือเยี่ยหานก็เป็นคนของตระกูลซืออันเก่าแก่ของรัฐอิสระ
พอนึกถึงซือเยี่ยหาน เยี่ยหวันหวั่นพลันวิตกกังวลอยู่บ้าง ทางด้านอาชูร่าจะเกิดเรื่องทำนองเดียวกันขึ้นไหมนะ
เพียงแต่ หากว่านายแห่งอาชูร่าก็หายตัวไปด้วย สถานการณ์จะต้องเป็นแบบเดียวกับทางจี้หวงแน่นอน จะต้องมีข่าวแพร่ออกมาภายในระยะเวลาสั้นๆ ถ้าไม่มีข่าวอะไรเลย ก็แสดงว่าไม่เกิดปัญหาขึ้นกับทางอาชูร่า
————————————————————————–
บทที่ 1978 ยังมีลูกน้อยอยู่คนหนึ่งด้วย
ถึงแม้ตอนนี้คลื่นลมทางฝั่งอาชูร่าจะยังสงบอยู่ไม่มีข่าวสารใดๆ แพร่ออกมา เยี่ยหวันหวั่นก็ยังคงวิตกกังวลอยู่ดี
ถึงอย่างไรสถานการณ์ครั้งนี้ก็มีความพิเศษ คนที่หายตัวไปล้วนเป็นบอสใหญ่ ซือเยี่ยหานเป็นคนของตระกูลเก่าแก่สายรอง ทำให้เธอไม่อาจสงบใจได้จริงๆ
ดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นคิดไปคิดมา ก็กดโทรหาซือเยี่ยหานอีกครั้งเสียเลย
ผลคือโทรไปสองสายล้วนไม่มีคนรับ ดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นจึงเริ่มส่งข้อความไปหา
[ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?]
[โทรกลับหาฉันทีสิ!]
[เร็ว!]
ส่งไปติดๆ กันสามข้อความแล้ว อีกฝ่ายยังคงไม่ตอบกลับ แม้เยี่ยหวันหวั่นจะรู้ว่าเธอทำให้ตัวเองตื่นตูมไปเอง แต่ก็ยังคงร้อนใจอยู่ดี
ด้วยความร้อนใจจึงกระหน่ำส่งข้อความไปอย่างต่อเนื่อง
[รีบตอบข้อความฉันสิ!]
[คุณตอบข้อความฉันเถอะนะ!]
[ตอบฉันที!]
[นะ!]
….
เป่ยโต่วกับชีซิงที่อยู่ด้านข้างมองดูเยี่ยหวันหวั่นกดมือถือส่งข้อความด้วยความเร็วสูง ก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันอย่างเหลอหลาอยู่บ้าง
“เอ่อ พี่เฟิงส่งข้อความไปหาเถ้าแก่โรงงานน้ำส้มสายชูคนนั้นอีกแล้ว! แย่แล้ว เธอบ้าไปแล้วเหรอ ปาระเบิดส่งเดชแบบนี้…เหมือนพี่เฟิงของเรากำลังตามจีบคนงามอยู่เลยไม่ใช่เหรอ เหมือนพวกสาวน้อยสมองกลวงคลั่งรักเลย!”
ชีซิงเพิกเฉยต่อคำบ่นของเป่ยโต่ว เพียงแต่ในดวงตาฉายแววกังวลอยู่บ้าง
ท่าทีที่พี่เฟิงมีต่อเถ้าแก่โรงงานน้ำส้มสายชูแห่งรัฐอิสระค่อนข้างพิเศษอยู่บ้างจริงๆ
ในขณะเดียวกัน ทางด้านสำนักงานใหญ่อาชูร่า
ภายในห้องประชุมอันกว้างขวาง บรรดาผู้นำระดับสูงของอาชูร่ากำลังหารือกันเรื่องการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในช่วงนี้ของหัวหน้ากลุ่มอำนาจต่างๆ ในรัฐอิสระ
และในเวลานี้เอง ภายในห้องประชุมที่เงียบสงัดก็พลันมีเสียงริงโทนมือถือแผดเสียงแว่วดังขึ้น
ทิศทางของเสียงริงโทน ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะดังมาจากทางบอสใหญ่ของพวกเขา
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็มองเห็นผู้นำของตัวเองกำลังจ้องมองมือถือที่อยู่บนโต๊ะของตัวเองด้วยสีหน้าว่างเปล่า ไม่ได้พูดสักคำ และไม่มีทีท่าว่าจะรับสายด้วย จนกระทั่งสายตัดไปเอง
ไม่นาน มือถือได้แผดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ในครั้งนี้ ผู้นำของพวกเขายังคงไม่รับสายเช่นเดิม
เอ่อ…
เป็นสายเรียกเข้าจากใครกันนะ ถึงทำให้ผู้นำว้าวุ่นจนเสียสมาธิแบบนี้?
ขณะที่บรรดาผู้นำระดับสูงมองหน้ากันแล้วคาดเดาไปต่างๆ นาๆ ทันใดนั้น มือถือของผู้นำของพวกเขาก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้ารัวๆ ราวกับจุดประทัด แถมยังส่งมาเร็วขึ้นเรื่อยๆ ด้วย…
ทั่วทั้งห้องประชุมได้ยินเพียงเสียง ‘ติ๊ง’ ‘ติ๊ง’ ‘ติ๊ง’ ดังว่อนไปทั่ว…
เจียงเหยียนขมวดคิ้วนิดๆ มองไปทางผู้นำของตัวเองแวบหนึ่ง
ผู้นำใช้มือถือน้อยมาก มือถือเครื่องนั้นเป็นมือถือส่วนตัวของเขา ยิ่งน้อยครั้งนักที่จะดังขึ้นมา วันนี้เป็นอะไรไปเสียล่ะ
หลินเชวียนั่งอยู่ทางขวามือของซือเยี่ยหาน จึงเหล่ตามองมือถือของซือเยี่ยหานแวบหนึ่ง
จากนั้นอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาทันที มองเห็นเพียงว่าแจ้งเตือนข้อความเด้งขึ้นมาบนหน้าจอรัวๆ ราวกับบ้าคลั่งไปแล้ว
“แค่ก พี่เก้า เกิดอะไรขึ้นกับมือถือเครื่องนี้ของพี่น่ะ ติดไวรัสเข้าแล้วเหรอ” หลินเชวียชะโงกตัวเข้าหา แล้วเอ่ยกระซิบ
ซือเยี่ยหานจ้องมองมือถือที่ส่งเสียงดังเอะอะ แล้วถอนหายใจโดยไม่ตรวจดูเลยสักนิด
สุดท้ายก็คล้ายจะยอมประนีประนอมแล้ว ในที่สุดก็หยิบมือถือขึ้นมา ปัดหน้าจอดู
ในที่สุดหลินเชวียก็มองเห็นชื่อของผู้ส่งข้อความมาแล้ว….MW
MW งั้นเหรอ นี่หมายถึงใครกัน
ขณะที่หลินเชวียกำลังแปลกใจ ก็สังเกตเห็นว่ามีข้อความหลั่งไหลเข้ามายังมือถือของซือเยี่ยหานอย่างไม่ขาดสาย
เนื่องจากตอนนี้หน้าจอมือถือของซือเยี่ยหานปลดล็อคอยู่ ดังนั้นเขาจึงมองเห็นเนื้อหาของข้อความแล้ว
[MW : คุณตอบฉันสิ!]
[MW : ตอบฉันนะ!]
[MW : ส่งเครื่องหมายวรรคตอนสักอันมาให้ฉันก็ได้!]
[MW : ตอบฉันมาสักประโยคเถอะ! เร็วสิ!]
[MW : ยังไม่ตอบอีก!!!]
[MW : ฉันจะให้เวลาคุณสิบวินาที ถ้าไม่ตอบฉันอีก ฉันจะขึ้นไปบนดาดฟ้าของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์แห่งรัฐอิสระแล้วใช้โทรโข่งป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าพวกเราสองคนนอนด้วยกันแล้ว แถมยังมีลูกน้อยวัยห้าขวบอยู่คนหนึ่งด้วย!]
………………………………….