บทที่ 2005 ร่วมมือกับวังสวรรค์

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

ฟางหยวนเห็นมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดแต่ความคิดของเขาไม่เกี่ยวกับมัน

ข้าควรใช้โอกาสนี้เพื่อจับผู้อมตะของวังสวรรค์หรือไม่?

นี่เป็นความคิดที่น่าสนใจ

ฉินติงหลิงเป็นผู้น่าของวังสวรรค์หากวังสวรรค์สูญเสียนาง พวกเขาจะได้รับความเสียหายอย่างมากฟางเจิ้งเป็นตัวหมากเบี้ยที่ถูกจัดเตรียมโดยเจตจํานงสวรรค์เพื่อหยุดฟางหยวนหากฟางเจิ้งตาย ฟางหยวนจะเป็นอิสระจากพันธนาการนี้องค์ชายฟงเซียนเพ่ยกังซุ้ยและคนที่เหลือต่างเป็นเสาหลักของวังสวรรค์ในปัจจุบันหากพวกเขาหายไป มันจะเป็นหายะครั้งใหญ่ของวังสวรรค์และฝ่ายธรรมะของภาคกลางทั้งหมด

แต่ฟางหยวนก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากทั้งหมดพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของเขาอยู่ในจุดต่าสุด

แม้ผู้อมตะของวังสวรรค์จะแสดงออกอย่างผ่อนคลาย แต่พวกเขาจะไม่ระวังตัวในอาณาเขตของบรรพชนทะเลปราณได้อย่างไร

มันเป็นเพียงการแสงผ่อนคลายเพื่อแสดงความจริงใจและความเป็นมิตรเท่านั้น

แม้ฟางหยวนจะกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณอมตะของทะเลปราณแต่ผู้อมตะวันสวรรค์ก็จะนําคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมาทันที
ในความเป็นจริงฟางหยวนยินดีร่วมมือกับวังสวรรค์

แม้วังสวรรค์จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารฟางหยวน แต่ตราบเท่าที่ผลประโยชน์ลงตัวฟางหยวนก็ไม่มีปัญหาที่จะร่วมมือกับพวกเขา

วังสวรรค์ต้องการร่วมมือกับบรรพชนทะเลปราณเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง

ฟางหยวนก็เช่นกัน

ไม่จําเป็นต้องกล่าวถึงผลประโยชน์ระยะยาว เพียงวังสวรรค์มีความคิดที่จะสร้างความร่วมมือกับบรรพชนทะเลปราณ ฟางหยวนก็ได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดส่วนที่เหลือทันที

ฟางหยวนค่อนข้างถูกล่อลวงขณะที่เขาได้รับวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้

ย้อนกลับไปเขาใช้ความคิดและความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกาเนิด แต่เขายังได้รับมันเพียงครึ่งเดียว

อย่างไรก็ตามหลังจากสงครามชะตากรรม เขากลับได้รับอีกครึ่งหนึ่งมาอย่างง่ายดาย

ครึ่งหลังในมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดบันทึกเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนพลังปราณทั้งสามที่ฟางหยวนปรารถนา

“ฉินติงหลิงไม่ใช่ตัวตนที่สามารถดูแคลน ฟางหยวนลอบถอนหายใจ

เฉินติงหลิงมอบมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดให้กับบรรพชนทะเลปราณโดยไม่เอ่ยค่าขอใดๆ นี่เป็นความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่นางแสดงความจริงใจของวังสวรรค์ออกมาอย่างเต็มที่

“หากฉินติงหลิงรู้ว่าข้าคือฟางหยวน ข้าสงสัยว่านางจะแสดงออกอย่างไร

ราชันมังกรช่วยศัตรูของเขาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ฉันติงหลิงกาลังจะทําเช่นเดียวกันหากนางรู้ว่านางมอบมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดให้กับอาชญากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสงครามชะตากรรมด้วยตนเองนางอาจกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ

“ข้าตระหนักถึงความจริงใจของพวกท่านแล้ว หากพวกท่านมีปัญหาใดข้าจะใช้กลังทั้งหมดเพื่อช่วยเหลืออย่างแน่นอน!” บรรพชนทะเลปราณเก็บวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลไว้ในมิติช่องว่างของเขาและกล่าวกับผู้อมตะวังสวรรค์

เฉินติงหลิงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นบรรพชนทะเลปราณเก็บวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล

สิ่งที่นางกังวลคือมีความเป็นไปได้ที่บรรพชนทะเลปราณจะปฏิเสธท้ายที่สุดบรรพชนทะเลปราณก็เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาอาจไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับวังสวรรค์และสร้างปัญหาให้กับตนเองมากขึ้นนอกจากนั้นเขายังเคยร่วมมือกับฟางหยวนบางทีฟางหยวนอาจยุยงบรรพชนทะเลปราณให้ต่อต้านวังสวรรค์อีกครั้ง

นี้เป็นความยุ่งเหยิงที่พวกเขาไม่สามารถคาดค่านวณ วิญญาณชะตากรรมถูกทําลายไปแล้วอนาคตสามารถเปลี่ยนแปลงวังสวรรค์ไม่สามารถอนุมานสิ่งใดฉินติงหลิงต้องรับมือไปตามสถานการณ์เท่านั้น

อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นบรรพชนทะเลปราณยอมรับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดฉินติงหลิงรู้สึกโล่งใจมากแผนการของนางยังไม่สิ้นสุดที่จุดนี้มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดเป็นเพียงเหยื่อล่อ วิธีบนเส้นทางแห่งพลังปราณของเทพอมตะแรกกําเนิดต้องใช้วิญญาณอมตะที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นใช้งานและวิญญาณอมตะเหล่านี้ล้วนอยู่ในคลังสมบัติของวังสวรรค์แน่นอนว่าพวกมันจะเป็นเหยื่อล่อชิ้นต่อไป

บางทีเราอาจใช้แรงกดดันจากปีศาจอมตะฉีเจียเพื่อผลักดันให้บรรพชนทะเลปราณเข้าร่วมกับวังสวรรค์ความคิดนี้พุ่งผ่านจิตใจของฉินติงหลิงแต่นางระงับมันไว้ชั่วคราว

นางเริ่มอธิบายปัญหาที่วังสวรรค์กําลังเผชิญอยู่

ดังคาด ผลไม้ปราณปรากฏขึ้นในวังสวรรค์เช่นกัน

ราชันมังกรเสียชีวิต สุสานอมตะถูกทําลาย วังสวรรค์ไม่มีผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งพลังปราณที่สามารถกอบกู้สถานการณ์ มันเป็นเรื่องยากสําหรับพวกเขาที่จะแก้ปัญหาผลไม้ปราณ

ฉินติงหลิงมอบมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดให้บรรพชนทะเลปราณโดยหวังว่าฝ่ายหลังจะสามารถจัดการปัญหาดังกล่าวให้กับวังสวรรค์

ฟางหยวนคิดก่อนพยักหน้า “ข้าจะช่วยเหลืออย่างแน่นอนแต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีวิธีจัดการมันข้าจําเป็นต้องปิดประตูฝันตนสักพักเพื่อค้นคว้าเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิด

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อาวุโสสูงสุดลาดับที่หนึ่งของตระกูลเซียเปิดปากกล่าว “บรรพชนท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องพักฟื้น ความปลอดภัยของท่านไม่เพียงเกี่ยวข้องกับทะเลตะวันออกแต่ยังเกี่ยวข้องกับภาพรวมของมนุษยชาติ”

เขากังวลว่าบรรพชนทะเลปราณจะร่วมมือกับวังสวรรค์และผลักตระกูลเซียออกไป

ฉินติงหลิงยิ้ม “เจ้าไม่จําเป็นต้องกังวล อู่ส่วยเป็นปีศาจที่ชั่วร้ายและเป็นคนบาปที่บุกโจมตีวังสวรรค์เราจะไม่ปล่อยให้เขาขยายอิทธิพลเรามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากบรรพชนและจัดการกองกําลังพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์

นางหยุดก่อนกล่าวต่อ “วังสวรรค์ยินดีนําทรัพยากรอมตะออกมาสนับสนุนบรรพชนและตระกูลเซียเพื่อทวงคืนดินแดนที่ถูกยึดครองหากจําเป็นวังสวรรค์จะให้ยืมมือในการต่อสู้กับเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ในอนาคต”

“อา…” ผู้อาวุโสสูงสุดล่าดับที่หนึ่งของตระกูลเซียอุทานด้วยความตกใจก่อนจะโค้งคํานับ “วังสวรรค์มีคุณธรรมและคู่ควรกับการเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งของมนุษยชาติอย่างแท้จริง!”

ฉินติงหลิงพูดคุยกับผู้อาวุโสสูงสุดล่าดับที่หนึ่งของตระกูลเซียเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา

วังสวรรค์พ่ายแพ้ในสงครามชะตากรรมแต่พวกเขาไม่ขาดแคลนทรัพยากรสิ่งที่พวกเขาขาดมีเพียงกําลังคน

การเดินทางมายังทะเลตะวันออกในครั้งนี้ วังสวรรค์ตั้งใจล่อลวงบรรพชนทะเลปราณในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ต้องการผูกมัดตระกูลเซียและทําให้คนกลุ่มนี้เป็นรากฐานของพวกเขาในทะเลตะวันออกเมื่อสงครามหาภูมิภาคเริ่มขึ้น

นี่เป็นแผนการระยะยาว

สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือส่วยและบรรพชนทะเลปราณเป็นคนๆเดียวกัน

ฟางหยวนพยักหน้าและกล่าวโดยไม่ลังเล “ข้าจะไม่ปล่อยให้กองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์อยู่ในทะเลตะวันออกข้าจะขับไล่พวกเขาออกไปและกําจัดให้สิ้นซากอย่างแน่นอน!”

ฉินติงหลิงยกมือขึ้น “ในความคิดเห็นของข้า กองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์มีกองกําลังเผ่ามนุษย์รวมอยู่ด้วย พวกเขาเพียงถูกคุกคามอย่างหนักจากเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เท่านั้น กองกาลังเผ่ามนุษย์เหล่านี้ไม่แตกต่างจากเราพวกเราล้วนเป็นมนุษย์พวกเราควรสามัคคีและร่วมมือกันดังนั้นเราควรแยกพวกเขาออกมาก่อนที่เราจะลงมือกําจัดศัตรูที่แท้จริง”

ฟางหยวนเข้าใจความหมาย “เป็นไปได้หรือไม่ว่ากองกําลังเผ่ามนุษย์ของสองสวรรค์เข้าร่วมกับวังสวรรค์แล้ว?”

ฉินติงหลิงส่ายศีรษะ “มันไม่ใช่เช่นนั้นพวกเราสามารถจับผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่งนางคือยายกระดูกนางเป็นผู้นําของถ้ำสวรรค์กระดูกสลายที่อยู่ในสองสวรรค์”

ยายกระดูกได้รับการแนะนําจากอันฉงและต้องการเข้าร่วมกองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์แต่ระหว่างการเดินทาง นางถูกวังสวรรค์ซุ่มโจมตีและจับกุม

แน่นอนว่าราชาหมาป่าราตรีสวรรค์เป็นผู้ให้ข้อมูลนี้

ท่านหญิงธุลีเย็นต้องการรวบรวมกองกําลังเผ่ามนุษย์ของสองสวรรค์และต่อสู้เพื่ออานาจในกองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์นางเป็นพันธมิตรกับราชาหมาป่าราตรีสวรรค์แต่นางไม่เคยคาดหวังว่าราชาหมาป่าราตรีสวรรค์จะเข้าร่วมกับวังสวรค์ไปแล้ว
“ยายกระดูกงั้นหรือ?” ฟางหยวนหยุดก่อนถามต่อ “คนผู้นี้อยู่ที่นี่หรือไม่?”

ฉินติงหลิงส่ายศีรษะ “วังสวรรค์ของข้ามีคุณธรรม เราปล่อยนางไปหลังจากเกลี้ยกล่อมนาง”

ดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุดลาดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ยเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้ยินถ้อยค่าเหล่านี้เขารู้สึกกังวลเกี่ยวกับคําว่าคุณธรรมของวังสวรรค์แต่เขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใด

อย่างไรก็ตามฟางหยวนมองฉินติงหลิงและเผยรอยยิ้มอย่างมีความหมาย “ดูเหมือนยายกระดูกจะเป็นตัวละครสําคัญ กุญแจที่สามารถโน้มน้าวให้นางเข้าร่วมกับพวกเราควรจะเกี่ยวกับผลไม้ปราณ”

ฉินติงหลิงหัวเราะและยกถ้วยสุราขึ้นชื่นชม “บรรพชนมีวิสัยทัศน์กว้างไกลผลไม้ปราณปรากฏขึ้นในถ้ำสวรรค์กระดูกสลายเช่นกัน หากเราสามารถแก้ปัญหานี้เราจะสามารถผูกมัดยายกระดูกและกองกําลังเผ่ามนุษย์อื่นๆ”

“แผนการที่ดี!”

“หากเราสามารถผูกมัดกองกําลังเผ่ามนุษย์เหล่านี้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเราแต่เป็นระเบิดเวลาของกองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์ พวกเขาจะพังพินาศในที่สุด”

“เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์มีแรงจูงใจที่แตกต่างจากเผ่ามนุษย์ในสองสวรรค์เผ่ามนุษย์ในสองสวรรค์เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับพวกเราตราบเท่าที่เราแสดงความกระตือรือร้นและความจริงใจมันไม่ใช่เรื่องยากที่จะโน้มน้าวพวกเขาให้เข้าร่วมกับเรา”

ผู้อมตะตระกูลเซียปรบมือชื่นชมและหัวเราะ บรรยากาศของงานเลี้ยงกลายเป็นมีชีวิตชีวามากขึ้น

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มแต่ลอบสังเกตการแสดงออกของผู้อมตะทั้งหมด

สายตาของฟางหยวนหยุดอยู่ที่ฉินติงหลิง

“แม่นางจะเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งโชค แต่ความสามารถในการเป็นผู้นําของนางก็บรรลุถึงระดับมาตรฐาน

ด้วยความสําเร็จและการบ่มเพาะของนาง นางควรจะสามารถเลียนแบบวิธีการบนเส้นทางสายอื่นได้เช่นกัน นางมีความสามารถใกล้เคียงกับผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งปัญญา

“แน่นอนว่ามันยังมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างนางกับเทพธิดาจ๋อเว่ย