บทที่ 2004 กําลังเสริมจากวังสวรรค์

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

ปราณสีขาวสร้างความโกลาหลขึ้นเหนือทะเลปราณ

แดนซี่ทําให้ปีศาจอมตะฉีเจียมีข้อได้เปรียบเหนือบรรพชนทะเลปราณ

“เด็กน้อยทะเลปราณความสามารถของข้าเพียงพอที่จะยืมวิญญาณของเจ้าหรือไม่?” ปีศาจอมตะฉีเจียถามอีกครั้ง
ฟางหยวนรู้สึกหนักใจ

ตอนนี้เขาเข้าใจวิธีการต่อสู้ของปีศาจอมตะฉีเจียแล้ว

ไม่จําเป็นต้องกล่าวถึงท่าไม้ตายที่ปีศาจอมตะฉีเจียครอบครอง เพียงแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพแดนซ์มันก็อนุญาตให้เขาปราบปรามผู้อมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณทั้งหมดบนโลกใบนี้แล้ว

หากเป็นผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่นปีศาจอมตะฉีเจียจะไม่มีความได้เปรียบมากนักแต่บรรพชนทะเลปราณเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณดังนั้นเขาจึงถูกสะกดข่มอย่างหนัก

สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของปีศาจอมตะฉีเจีย

เขามีความแข็งแกร่งแต่เขาก็ไม่ได้โง่เขารู้วิธีฉกฉวยความได้เปรียบดังนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงเลือกที่จะล่าถอยในการต่อสู้สามทางต่อมาเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าบรรพชนทะเลปราณและเรียกร้องวิญญาณอมตะเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

ด้วยวิธีการของบรรพชนทะเลปราณ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปีศาจอมตะฉีเจียอย่างไรก็ตามเขาไม่ตื่นตระหนก

ฟางหยวนมักเคลื่อนไหวหลังจากวางแผนเสมอ

เขารู้จักปีศาจอมตะฉีเจียและดัดแปลงค่ายกลวิญญาณอมตะของทะเลปราณไว้แล้วตราบเท่าที่เขากลับเข้าไปในค่ายกล เขาจะสามารถต่อต้านศัตรูได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งปี

หากปีศาจอมตะฉีเจี๊ยบุกเข้าไปในค่ายกล ฟางหยวนสามารถจุดชนวนระเบิดค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่และสร้างโอกาสในการหลบหนี

กล่าวถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนได้รับวิธีการดังกล่าวมาจากฟางที่เฉิง ย้อนกลับไปฟางที่เฉิงตัวจริงวางกับดักซวนปู่จีนซึ่งเป็นร่างปลอมของฟางหยวนโดยการจุดชนวนระเบิดคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่อยู่ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

ฟางหยวนมองเห็นแผนการของฟางตี้เฉิงและวางแผนซ่อนแผน หลังจากค้นวิญญาณฟางตี้เฉิงฟางหยวนจึงได้รับวิธีระเบิดตัวเองของคฤหาสน์วิญญาณอมตะจากนั้นเขาก็ใช้มันดัดแปลงค่ายกลวิญญาณอมตะของทะเลปราณ

การระเบิดตัวเองของค่ายกลวิญญาณอมตะไม่ใช่ภัยคุกคามชีวิตของปีศาจอมตะเจียแต่มันสามารถหยุดเขาได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

ฟางหยวนมั่นใจมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

แต่…

หากฟางหยวนระเบิดทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อล่าถอย อัตลักษณ์ของบรรพชนทะเลปราณจะสูญเสียคุณค่าไปมาก

เพื่อรักษาคุณค่าของบรรพชนทะเลปราณฟางหยวนจึงไม่สามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งพลังปราณในสงครามชะตากรรมกระทั่งท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขตก็ถูกใช้งานเพียงครั้งเดียว

หากฟางหยวนล่าถอยในเวลานี้นั่นหมายความว่าบรรพชนทะเลปราณพ่ายแพ้ต่อปีศาจอมตะฉีเจียชื่อเสียงของบรรพชนทะเลปราณจะร่วงหล่นลงอิทธิพลในทะเลตะวันออกของเขาจะลดลงอย่างรวดเร็ว

ปีศาจอมตะฉีเจียขมวดคิ้ว เขาเรียกร้องวิญญาณอมตะถึงสองครั้ง แต่บรรพชนทะเลปราณกลับไม่ตอบสนองความอดทนของเขามาถึงขีดจํากัดแล้ว

เขาก่นเสียงเย็นและกําลังจะโจมตี แต่ในจังหวะนี้แสงสีแดงเลือดกลับพุ่งเข้ามาที่ใบหน้าของเขาอย่างกะทันหัน

ปีศาจอมตะฉีเจียรีบหลบออกไปก่อนจะมองเห็นหอพิพากษาปีศาจที่ปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้า

“วังสวรรค์ เป็นพวกเจ้าอีกครั้ง!” ปีศาจอมตะฉีเจียเย้ยหยัน “ข้าไม่ได้ไปสร้างปัญหาให้พวกเจ้าแต่พวกเจ้ากลับมายั่วยุข้า หลังจากพ่ายแพ้ในสงครามชะตากรรมพวกเจ้านความมั่นใจนี้มาจากที่ใด?”

“วังสวรรค์เป็นฝ่ายธรรมะของมนุษยชาติ การกระทําของเราไม่ได้เกิดจากความมันใจแต่มันมาจากความเชื่อของเรา!”ค่าตอบดังมาจากภายในหอพิพากษาปีศาจ

นี่ไม่ใช่เสียงฟางเจิ้งแต่เป็นเสียงผู้หญิง

หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย ฉินติงหลิงมาด้วยตนเองงั้นหรือ? ดังนั้นกาลังเสริมที่ข้าเห็นจากโชคของข้าก็คือนาง!”

ปีศาจอมะตฉีเขียชี้นิ้วไปทางหอพิพากษาปีศาจ

พลังปราณควบรวมเป็นก้อนทรงกลมนับร้อยลูกพุ่งเข้าโจมตีหอพิพากษาปีศาจราวกับอุกกาบาต

หอพิพากษาปีศาจสันสะเทือนอย่างรุนแรงจากการปะทะ

ปีศาจอมตะฉีเจียก่าลังจะกล่าวบางคําแต่การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันเขารีบล่าถอยออกจากตําแหน่งเดิมด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า

ล่าแสงสีแดงเลือดถูกยิงออกมาจากหอพิพากษาปีศาจ

ปีศาจอมตะฉีเจียหลบแสงสีแดงเลือดแต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าแสงสีทองจะถูกยิงออกมาจากแสงสีแดงเลือด

แสงสีทองควบรวมเป็นกรรไกรสีทองขนาดใหญ่

“ฉับฉับ ฉับฉับ”

กรรไกรสีทองตัดอากาศที่อยู่เหนือศีรษะของปีศาจอมตะฉีเจียซ้ำแล้วซ้ำอีกมันเป็นการโจมตีที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์

อย่างไรก็ตามปีศาจอมตะฉีเจียกลับหน้าซีดเผือด

“วิธีบนเส้นทางแห่งโชค!”

เขาตระหนักถึงบางสิ่งและรู้สึกสูญเสีย “บัดซบ! กรรไกรสีทองตัดโชคของข้า!”

ปีศาจอมตะฉีเจียให้ความสําคัญเป็นอย่างมากกับการรักษาโชคของเขาในการฟื้นคืนชีพและพบปราณซี่ในทะเลไหลเชี่ยวเขาใช่โชคไปมากแล้วหากโชคของเขาถูกตัดออกโดยกรรไกรสีทอง สถานการณ์ของเขาจะกลายเป็นเลวร้าย

“ทะเลปราณ วังสวรรค์ ข้าจะจำสิ่งนี้เอาไว้ หากมีโอกาสในอนาคต ข้าจะจัดการพวกเจ้าทั้งคู่อย่างสาสม!”เสียงของปีศาจอมตะฉีเจียดังไปทั่ว

หลังกล่าวจบค่า เขาก็หลบหนีออกจากสนามรบทันที

“ถอยอีกแล้วงั้นหรือ?” ภายในหอพิพากษาปีศาจ ฟางเจิ้งเย้ยหยัน

ในทางตรงข้าม สมาชิกวงสวรรค์คนอื่นๆแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

เฉินติงหลิงถอนหายใจและอธิบายให้ฟางเจิ้งฟัง “นี่เป็นส่วนที่น่ากลัวของปีศาจอมตะฉีเจียเขาสามารถรักษาความสงบและตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมเราทําให้เขาพบปัญหาขณะเดียวกันบรรพชนทะเลปราณก็จะไม่นิ่งเฉยด้วยความแข็งแกร่งของปีศาจอมตะฉีเจีย มันไม่ยากที่เขาจะต่อต้านพวกเราแต่การต่อสู้ที่ดุเดือดจะทําลาย แผนการยืมวิญญาณอมตะของเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะล่าถอยเพื่อรักษาความแข็ง แกร่งเอาไว้”

ฟางเจิ้งเข้าใจทันที “ข้าเข้าใจแล้ว ปีศาจอมตะฉีเจียเป็นคนจากหนึ่งล้านปีก่อนเขาพึ่งฟื้นคืนชีพและไม่คุ้นเคยกับเส้นทางการบ่มเพาะใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งเลือดหรือเส้นทางแห่งโชค เขาพยายามทําความคุ้นเคยกับพวกมันและหลบหนีก่อนจะดัดแปลงท่าไม้ตายของเขาให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบันมันจะยากล่าบากมากขึ้นสาหรับพวกเราที่จะเผชิญหน้ากับเขาในอนาคต”

“ถูกต้อง” ฉินติงหลิงพยักหน้า “ออกไปพูดคุยกับบรรพชนทะเลปราณกันเถอะ”

วังสวรรค์ช่วยขับไล่ปีศาจอมตะฉีเจีย นี่เป็นการแสดงความจริงใจของพวกเขาต่อบรรพชนทะเลปราณ

“ขอบคุณสําหรับความช่วยเหลือ บรรพชนทะเลปราณถอนหายใจ

เฉินติงหลิงในชุดคลุมสีทองปลดปล่อยกลิ่นอายที่กล้าหาญและทรงอานาจออกมาโดยปกตินางมักแสดงตัวราวกับจักรพรรดินีที่อยู่เหนือผู้อื่นเสมอ

อย่างไรก็ตามตอนนี้นางกลับเผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับบรรพชนทะเลปราณ
นางกล่าว “บรรพชน หากไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บของท่าน ปีศาจอมตะฉีเจียจะอาละวาดได้อย่างไรนอกจากนี้ข้ายังเห็นท่านสงบนิ่งตลอดการต่อสู้ท่านยังมีไพ่ตายซ่อนอยู่ในแขนเสื้อบางทีเราอาจต้องขอโทษที่เข้ามาวุ่นวาย”

ถ้อยค่าของนางสุภาพมาก มันเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

ทัศนคติของวังสวรรค์แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในช่วงเวลาปกติวังสวรรค์จะกดขี่และดูแคลนผู้คนเสมอ แต่ตอนนี้ผู้นําวงสวรรค์กลับปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอบอุ่น

หลังสงครามชะตากรรม ทัศนคติของผู้อมตะวังสวรรค์เปลี่ยนไปมาก วิญญาณชะตากรรมถูกทําลายความแข็งแกร่งของวังสวรรค์ลดลงสู่จุดต่าสุดด้านหนึ่งพวกเขากําลังฟื้นฟูความแข็งแกร่งอีกด้านหนึ่งพวกเขาพยายามหาพันธมิตร

บรรพชนทะเลปราณเป็นเป้าหมายสําคัญของวังสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องช่วยบรรพชนทะเลปราณจัดการปีศาจอมตะฉีเจีย

เรื่องในครั้งนี้ไม่ใช่การกระทําแบบผิวเผินแต่มันเป็นแผนการที่ถูกวางไว้นานแล้ว

ไม่เพียงฟางหยวนที่รอคอยการมาถึงของปีศาจอมตะฉีเจียแต่วังสวรรค์ก็เช่นกัน

“สหาย โปรดให้ชายชราผู้นี้เลี้ยงต้อนรับเพื่อเป็นการตอบแทนความเมตตาในครั้งนี้”บรรพชนทะเลปราณนําผู้อมตะของวังสวรรค์เข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะทะเลปราณ

เขาจัดงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่เพื่อต้อนรับผู้อมตะของวังสวรรค์

ระหว่างงานเลี้ยง ผู้อมตะตระกูลเซียที่พักอยู่ในทะเลปราณก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมด้วย

ผู้อมตะตระกูลเซียแสดงทัศนคติที่อบอุ่นต่อผู้อมตะของวังสวรรค์

ดินแดนของพวกเขาถูกยึดโดยอู่ส่วย พวกเขาต้องหลบหนีมาพึ่งพาบรรพชนทะเลปราณหากบรรพชนทะเลปราณพ่ายแพ้หรือเสียชีวิตสถานการณ์ของตระกูลเซียจะกลายเป็นยากลาบาก

เมื่อวังสวรรค์ช่วยบรรพชนทะเลปราณ มันก็เหมือนกับการช่วยเหลือพวกเขา

ฉินติงหลิงแสดงออกด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อมตะตระกูลเซียและประณามกองกาลังพันธมิตรสองสวรรค์ นางยังสัญญาว่านางจะต่อสู้กับกองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์อย่างแน่นอน

ทัศนคตินี้ทําให้ผู้อมตะตระกูลเซียประทับใจมาก

ใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซียกลายเป็นสีแดงด้วยความปิติยินดี

เฉินติงหลิงสอบถามสถานการณ์ล่าสุดของตระกูลเซีย

ผู้อมตะตระกูลเซียตอบว่าพวกเขาได้รับการดูแลอย่างดีจากบรรพชนทะเลปราณและรู้สึกสํานึกขอบคุณเสมอ อย่างไรก็ตามพวกเขายังกังวลว่าเมื่อใดพวกเขาจะสามารถกลับบ้าน

เฉินติงหลิงตระหนักถึงเจตนาของบรรพชนทะเลปราณ

เขากําลังสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง! ความทะเยอทะยานของเขาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

ฉินติงหลิงมีความสุขที่ได้เห็นสิ่งนี้ ตราบเท่าที่บรรพชนทะเลปราณมีความทะเยอ ทะยาน พวกเขาจะมีรากฐานของความร่วมมือ

ฟางหยวนไม่ได้เชิญผู้อมตะตระกูลเซียเข้าร่วมงานเลี้ยงโดยไม่มีเหตุผล

ทัศนคติของฉินติงหลิงที่มีต่อผู้อมตะตระกูลเซียทําให้ฟางหยวนแน่ใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ของวังสวรรค์มากขึ้นในเวลาเดียวกันฟางหยวนก็ใช้ผู้อมตะตระกูลเซียเป็นไม้กันสุนัขท้ายที่สุดในฐานะผู้อมตะของทะเลตะวันออกการมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวังสวรรค์อาจทําให้อิทธิพลของบรรพชนทะเลปราณในทะเลตะวันออกลดลง

หลังจากกินดื่มสักพัก ฟางหยวนก็เริ่มกล่าว“สหายจากวงสวรรค์ วันนี้พวกท่านช่วยข้า ข้าจะจดจําความเมตตานี้เอาไว้หากวังสวรรค์มีปัญหาใดๆในอนาคตข้ายินดีให้ความช่วยเหลือ

นี่เป็นท่าทีที่ชัดเจน

ผู้อมตะของวังสวรรค์รู้สึกมีความสุขที่ได้ยินสิ่งนี้

เฉินติงหลิงวางถ้วยสุราลงอย่างช้าๆและมองบรรพชนทะเลปราณด้วยรอยยิ้มก่อนจะเริ่มกล่าวถึงประเด็นสําคัญ “แท้จริงแล้ววังสวรรค์กําลังประสบปัญหาบางอย่างอยู่ในขณะนี้เรามาเพื่อขอความช่วยเหลือจากบรรพชน”

“โอ้ โปรดอธิบาย” ฟางหยวนถามอย่างตรงไปตรงมา

ฉินติงหลิงไม่ได้กล่าวสิ่งใดแต่ส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับบรรพชนทะเลปราณ

ฟางหยวนตรวจสอบและพบว่ามันเป็นมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดส่วนที่เหลืออีกครั้งหนึ่ง!