ปราณสีขาวสร้างความโกลาหลขึ้นเหนือทะเลปราณ
แดนซี่ทําให้ปีศาจอมตะฉีเจียมีข้อได้เปรียบเหนือบรรพชนทะเลปราณ
“เด็กน้อยทะเลปราณความสามารถของข้าเพียงพอที่จะยืมวิญญาณของเจ้าหรือไม่?” ปีศาจอมตะฉีเจียถามอีกครั้ง
ฟางหยวนรู้สึกหนักใจ
ตอนนี้เขาเข้าใจวิธีการต่อสู้ของปีศาจอมตะฉีเจียแล้ว
ไม่จําเป็นต้องกล่าวถึงท่าไม้ตายที่ปีศาจอมตะฉีเจียครอบครอง เพียงแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพแดนซ์มันก็อนุญาตให้เขาปราบปรามผู้อมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณทั้งหมดบนโลกใบนี้แล้ว
หากเป็นผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่นปีศาจอมตะฉีเจียจะไม่มีความได้เปรียบมากนักแต่บรรพชนทะเลปราณเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณดังนั้นเขาจึงถูกสะกดข่มอย่างหนัก
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของปีศาจอมตะฉีเจีย
เขามีความแข็งแกร่งแต่เขาก็ไม่ได้โง่เขารู้วิธีฉกฉวยความได้เปรียบดังนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงเลือกที่จะล่าถอยในการต่อสู้สามทางต่อมาเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าบรรพชนทะเลปราณและเรียกร้องวิญญาณอมตะเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง
ด้วยวิธีการของบรรพชนทะเลปราณ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปีศาจอมตะฉีเจียอย่างไรก็ตามเขาไม่ตื่นตระหนก
ฟางหยวนมักเคลื่อนไหวหลังจากวางแผนเสมอ
เขารู้จักปีศาจอมตะฉีเจียและดัดแปลงค่ายกลวิญญาณอมตะของทะเลปราณไว้แล้วตราบเท่าที่เขากลับเข้าไปในค่ายกล เขาจะสามารถต่อต้านศัตรูได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งปี
หากปีศาจอมตะฉีเจี๊ยบุกเข้าไปในค่ายกล ฟางหยวนสามารถจุดชนวนระเบิดค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่และสร้างโอกาสในการหลบหนี
กล่าวถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนได้รับวิธีการดังกล่าวมาจากฟางที่เฉิง ย้อนกลับไปฟางที่เฉิงตัวจริงวางกับดักซวนปู่จีนซึ่งเป็นร่างปลอมของฟางหยวนโดยการจุดชนวนระเบิดคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่อยู่ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
ฟางหยวนมองเห็นแผนการของฟางตี้เฉิงและวางแผนซ่อนแผน หลังจากค้นวิญญาณฟางตี้เฉิงฟางหยวนจึงได้รับวิธีระเบิดตัวเองของคฤหาสน์วิญญาณอมตะจากนั้นเขาก็ใช้มันดัดแปลงค่ายกลวิญญาณอมตะของทะเลปราณ
การระเบิดตัวเองของค่ายกลวิญญาณอมตะไม่ใช่ภัยคุกคามชีวิตของปีศาจอมตะเจียแต่มันสามารถหยุดเขาได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ฟางหยวนมั่นใจมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่…
หากฟางหยวนระเบิดทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อล่าถอย อัตลักษณ์ของบรรพชนทะเลปราณจะสูญเสียคุณค่าไปมาก
เพื่อรักษาคุณค่าของบรรพชนทะเลปราณฟางหยวนจึงไม่สามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งพลังปราณในสงครามชะตากรรมกระทั่งท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขตก็ถูกใช้งานเพียงครั้งเดียว
หากฟางหยวนล่าถอยในเวลานี้นั่นหมายความว่าบรรพชนทะเลปราณพ่ายแพ้ต่อปีศาจอมตะฉีเจียชื่อเสียงของบรรพชนทะเลปราณจะร่วงหล่นลงอิทธิพลในทะเลตะวันออกของเขาจะลดลงอย่างรวดเร็ว
ปีศาจอมตะฉีเจียขมวดคิ้ว เขาเรียกร้องวิญญาณอมตะถึงสองครั้ง แต่บรรพชนทะเลปราณกลับไม่ตอบสนองความอดทนของเขามาถึงขีดจํากัดแล้ว
เขาก่นเสียงเย็นและกําลังจะโจมตี แต่ในจังหวะนี้แสงสีแดงเลือดกลับพุ่งเข้ามาที่ใบหน้าของเขาอย่างกะทันหัน
ปีศาจอมตะฉีเจียรีบหลบออกไปก่อนจะมองเห็นหอพิพากษาปีศาจที่ปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้า
“วังสวรรค์ เป็นพวกเจ้าอีกครั้ง!” ปีศาจอมตะฉีเจียเย้ยหยัน “ข้าไม่ได้ไปสร้างปัญหาให้พวกเจ้าแต่พวกเจ้ากลับมายั่วยุข้า หลังจากพ่ายแพ้ในสงครามชะตากรรมพวกเจ้านความมั่นใจนี้มาจากที่ใด?”
“วังสวรรค์เป็นฝ่ายธรรมะของมนุษยชาติ การกระทําของเราไม่ได้เกิดจากความมันใจแต่มันมาจากความเชื่อของเรา!”ค่าตอบดังมาจากภายในหอพิพากษาปีศาจ
นี่ไม่ใช่เสียงฟางเจิ้งแต่เป็นเสียงผู้หญิง
หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย ฉินติงหลิงมาด้วยตนเองงั้นหรือ? ดังนั้นกาลังเสริมที่ข้าเห็นจากโชคของข้าก็คือนาง!”
ปีศาจอมะตฉีเขียชี้นิ้วไปทางหอพิพากษาปีศาจ
พลังปราณควบรวมเป็นก้อนทรงกลมนับร้อยลูกพุ่งเข้าโจมตีหอพิพากษาปีศาจราวกับอุกกาบาต
หอพิพากษาปีศาจสันสะเทือนอย่างรุนแรงจากการปะทะ
ปีศาจอมตะฉีเจียก่าลังจะกล่าวบางคําแต่การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันเขารีบล่าถอยออกจากตําแหน่งเดิมด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
ล่าแสงสีแดงเลือดถูกยิงออกมาจากหอพิพากษาปีศาจ
ปีศาจอมตะฉีเจียหลบแสงสีแดงเลือดแต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าแสงสีทองจะถูกยิงออกมาจากแสงสีแดงเลือด
แสงสีทองควบรวมเป็นกรรไกรสีทองขนาดใหญ่
“ฉับฉับ ฉับฉับ”
กรรไกรสีทองตัดอากาศที่อยู่เหนือศีรษะของปีศาจอมตะฉีเจียซ้ำแล้วซ้ำอีกมันเป็นการโจมตีที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์
อย่างไรก็ตามปีศาจอมตะฉีเจียกลับหน้าซีดเผือด
“วิธีบนเส้นทางแห่งโชค!”
เขาตระหนักถึงบางสิ่งและรู้สึกสูญเสีย “บัดซบ! กรรไกรสีทองตัดโชคของข้า!”
ปีศาจอมตะฉีเจียให้ความสําคัญเป็นอย่างมากกับการรักษาโชคของเขาในการฟื้นคืนชีพและพบปราณซี่ในทะเลไหลเชี่ยวเขาใช่โชคไปมากแล้วหากโชคของเขาถูกตัดออกโดยกรรไกรสีทอง สถานการณ์ของเขาจะกลายเป็นเลวร้าย
“ทะเลปราณ วังสวรรค์ ข้าจะจำสิ่งนี้เอาไว้ หากมีโอกาสในอนาคต ข้าจะจัดการพวกเจ้าทั้งคู่อย่างสาสม!”เสียงของปีศาจอมตะฉีเจียดังไปทั่ว
หลังกล่าวจบค่า เขาก็หลบหนีออกจากสนามรบทันที
“ถอยอีกแล้วงั้นหรือ?” ภายในหอพิพากษาปีศาจ ฟางเจิ้งเย้ยหยัน
ในทางตรงข้าม สมาชิกวงสวรรค์คนอื่นๆแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
เฉินติงหลิงถอนหายใจและอธิบายให้ฟางเจิ้งฟัง “นี่เป็นส่วนที่น่ากลัวของปีศาจอมตะฉีเจียเขาสามารถรักษาความสงบและตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมเราทําให้เขาพบปัญหาขณะเดียวกันบรรพชนทะเลปราณก็จะไม่นิ่งเฉยด้วยความแข็งแกร่งของปีศาจอมตะฉีเจีย มันไม่ยากที่เขาจะต่อต้านพวกเราแต่การต่อสู้ที่ดุเดือดจะทําลาย แผนการยืมวิญญาณอมตะของเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะล่าถอยเพื่อรักษาความแข็ง แกร่งเอาไว้”
ฟางเจิ้งเข้าใจทันที “ข้าเข้าใจแล้ว ปีศาจอมตะฉีเจียเป็นคนจากหนึ่งล้านปีก่อนเขาพึ่งฟื้นคืนชีพและไม่คุ้นเคยกับเส้นทางการบ่มเพาะใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งเลือดหรือเส้นทางแห่งโชค เขาพยายามทําความคุ้นเคยกับพวกมันและหลบหนีก่อนจะดัดแปลงท่าไม้ตายของเขาให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบันมันจะยากล่าบากมากขึ้นสาหรับพวกเราที่จะเผชิญหน้ากับเขาในอนาคต”
“ถูกต้อง” ฉินติงหลิงพยักหน้า “ออกไปพูดคุยกับบรรพชนทะเลปราณกันเถอะ”
วังสวรรค์ช่วยขับไล่ปีศาจอมตะฉีเจีย นี่เป็นการแสดงความจริงใจของพวกเขาต่อบรรพชนทะเลปราณ
“ขอบคุณสําหรับความช่วยเหลือ บรรพชนทะเลปราณถอนหายใจ
เฉินติงหลิงในชุดคลุมสีทองปลดปล่อยกลิ่นอายที่กล้าหาญและทรงอานาจออกมาโดยปกตินางมักแสดงตัวราวกับจักรพรรดินีที่อยู่เหนือผู้อื่นเสมอ
อย่างไรก็ตามตอนนี้นางกลับเผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับบรรพชนทะเลปราณ
นางกล่าว “บรรพชน หากไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บของท่าน ปีศาจอมตะฉีเจียจะอาละวาดได้อย่างไรนอกจากนี้ข้ายังเห็นท่านสงบนิ่งตลอดการต่อสู้ท่านยังมีไพ่ตายซ่อนอยู่ในแขนเสื้อบางทีเราอาจต้องขอโทษที่เข้ามาวุ่นวาย”
ถ้อยค่าของนางสุภาพมาก มันเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
ทัศนคติของวังสวรรค์แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในช่วงเวลาปกติวังสวรรค์จะกดขี่และดูแคลนผู้คนเสมอ แต่ตอนนี้ผู้นําวงสวรรค์กลับปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอบอุ่น
หลังสงครามชะตากรรม ทัศนคติของผู้อมตะวังสวรรค์เปลี่ยนไปมาก วิญญาณชะตากรรมถูกทําลายความแข็งแกร่งของวังสวรรค์ลดลงสู่จุดต่าสุดด้านหนึ่งพวกเขากําลังฟื้นฟูความแข็งแกร่งอีกด้านหนึ่งพวกเขาพยายามหาพันธมิตร
บรรพชนทะเลปราณเป็นเป้าหมายสําคัญของวังสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องช่วยบรรพชนทะเลปราณจัดการปีศาจอมตะฉีเจีย
เรื่องในครั้งนี้ไม่ใช่การกระทําแบบผิวเผินแต่มันเป็นแผนการที่ถูกวางไว้นานแล้ว
ไม่เพียงฟางหยวนที่รอคอยการมาถึงของปีศาจอมตะฉีเจียแต่วังสวรรค์ก็เช่นกัน
“สหาย โปรดให้ชายชราผู้นี้เลี้ยงต้อนรับเพื่อเป็นการตอบแทนความเมตตาในครั้งนี้”บรรพชนทะเลปราณนําผู้อมตะของวังสวรรค์เข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะทะเลปราณ
เขาจัดงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่เพื่อต้อนรับผู้อมตะของวังสวรรค์
ระหว่างงานเลี้ยง ผู้อมตะตระกูลเซียที่พักอยู่ในทะเลปราณก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมด้วย
ผู้อมตะตระกูลเซียแสดงทัศนคติที่อบอุ่นต่อผู้อมตะของวังสวรรค์
ดินแดนของพวกเขาถูกยึดโดยอู่ส่วย พวกเขาต้องหลบหนีมาพึ่งพาบรรพชนทะเลปราณหากบรรพชนทะเลปราณพ่ายแพ้หรือเสียชีวิตสถานการณ์ของตระกูลเซียจะกลายเป็นยากลาบาก
เมื่อวังสวรรค์ช่วยบรรพชนทะเลปราณ มันก็เหมือนกับการช่วยเหลือพวกเขา
ฉินติงหลิงแสดงออกด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อมตะตระกูลเซียและประณามกองกาลังพันธมิตรสองสวรรค์ นางยังสัญญาว่านางจะต่อสู้กับกองกําลังพันธมิตรสองสวรรค์อย่างแน่นอน
ทัศนคตินี้ทําให้ผู้อมตะตระกูลเซียประทับใจมาก
ใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซียกลายเป็นสีแดงด้วยความปิติยินดี
เฉินติงหลิงสอบถามสถานการณ์ล่าสุดของตระกูลเซีย
ผู้อมตะตระกูลเซียตอบว่าพวกเขาได้รับการดูแลอย่างดีจากบรรพชนทะเลปราณและรู้สึกสํานึกขอบคุณเสมอ อย่างไรก็ตามพวกเขายังกังวลว่าเมื่อใดพวกเขาจะสามารถกลับบ้าน
เฉินติงหลิงตระหนักถึงเจตนาของบรรพชนทะเลปราณ
เขากําลังสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง! ความทะเยอทะยานของเขาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
ฉินติงหลิงมีความสุขที่ได้เห็นสิ่งนี้ ตราบเท่าที่บรรพชนทะเลปราณมีความทะเยอ ทะยาน พวกเขาจะมีรากฐานของความร่วมมือ
ฟางหยวนไม่ได้เชิญผู้อมตะตระกูลเซียเข้าร่วมงานเลี้ยงโดยไม่มีเหตุผล
ทัศนคติของฉินติงหลิงที่มีต่อผู้อมตะตระกูลเซียทําให้ฟางหยวนแน่ใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ของวังสวรรค์มากขึ้นในเวลาเดียวกันฟางหยวนก็ใช้ผู้อมตะตระกูลเซียเป็นไม้กันสุนัขท้ายที่สุดในฐานะผู้อมตะของทะเลตะวันออกการมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวังสวรรค์อาจทําให้อิทธิพลของบรรพชนทะเลปราณในทะเลตะวันออกลดลง
หลังจากกินดื่มสักพัก ฟางหยวนก็เริ่มกล่าว“สหายจากวงสวรรค์ วันนี้พวกท่านช่วยข้า ข้าจะจดจําความเมตตานี้เอาไว้หากวังสวรรค์มีปัญหาใดๆในอนาคตข้ายินดีให้ความช่วยเหลือ
นี่เป็นท่าทีที่ชัดเจน
ผู้อมตะของวังสวรรค์รู้สึกมีความสุขที่ได้ยินสิ่งนี้
เฉินติงหลิงวางถ้วยสุราลงอย่างช้าๆและมองบรรพชนทะเลปราณด้วยรอยยิ้มก่อนจะเริ่มกล่าวถึงประเด็นสําคัญ “แท้จริงแล้ววังสวรรค์กําลังประสบปัญหาบางอย่างอยู่ในขณะนี้เรามาเพื่อขอความช่วยเหลือจากบรรพชน”
“โอ้ โปรดอธิบาย” ฟางหยวนถามอย่างตรงไปตรงมา
ฉินติงหลิงไม่ได้กล่าวสิ่งใดแต่ส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับบรรพชนทะเลปราณ
ฟางหยวนตรวจสอบและพบว่ามันเป็นมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดส่วนที่เหลืออีกครั้งหนึ่ง!