ตอนที่ 2002 เบื้องหลังอันยิ่งใหญ่

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

หลู่ซือยีนั้นแสดงสีหน้าท่าทางเย้ยหยันออกมาอย่างถึงที่สุด

พลังของดาบเบื้องหน้านี้มันดูจะรุนแรงกว่าดาบก่อนๆ แค่ไม่มากมายนัก

นี่หรือคือไม้ตายของเย่หยวน?

ดีแต่ปาก ดูท่าแล้วสุดท้ายเจ้าเด็กคนนี้มันก็จะมีพลังเพียงเท่านี้

ในพริบตาพลังของดาบสลักกลวงก็ได้ปะทะชนเข้ากับพลังของดาบห้าธาตุในที่สุด

‘ครึม!’

บ้านเรือนรอบๆ นั้นหายกลายเป็นฝุ่นผงไปทันทีราวกับว่ามันไม่เคยจะมีตั้งอยู่มาก่อน

นั่นทำให้ใบหน้าท่าทางดูถูกของหลู่ซือยีเปลี่ยนกลายเป็นความตื่นตะลึง

เพราะตอนนี้ปลายดาบนั้นมันกลับส่งคลื่นพลังที่ราวกับว่าจะถล่มทลายผืนฟ้าออกมา

หลู่ซือยีนั้นมีใบหน้าที่ขาวซีดพยายามที่จะใช้ปราณเทวะของตนออกมาอย่างถึงที่สุดจนฟ้าดินปั่นป่วน ธาตุทั้งห้านั้นส่งพลังออกมาเกื้อหนุนกันอย่างไม่มีสิ้นสุดพยายามที่จะกดดันพลังอันรุนแรงของดาบนั้นไว้

เพียงแค่ว่าทุกสิ่งอย่างมันช่างเปล่าประโยชน์

หลู่ซือยีรู้สึกราวกับว่าดาบของเย่หยวนนี้เป็นคลื่นยักษ์ที่สาดโถมใส่ฟ้าดินจนพังถล่มทลาย

ไม่ว่านางจะใช้แนวคิดแห่งธาตุทั้งห้าออกมาเท่าไหร่ มันก็ไม่อาจจะต้านทานพลังของดาบนี้ไว้ได้

‘อ่อก!’

หลู่ซือยีต้องกระอักเลือดออกมาคำโต ร่างปลิวลอยไปด้วยดาบเดียวนี้จนต้องไปนอนกองอยู่กับพื้น

สภาพของหลู่ซือยีในตอนนี้มันเป็นสภาพสุดแสนน่าสมเพชมีหรือที่จะยังมีภาพของนางฟ้านางสวรรค์ใดๆ อีก?

นางนั้นพยายามที่จะลุกยันตัวกลับขึ้นมาแต่ดาบของเย่หยวนมันก็ได้มาชี้ถึงตรงหน้าเสียแล้ว

ดาบนี้ของเย่หยวนมันสุดแสนที่จะรุนแรงจนทำให้เครื่องในอวัยวะของนางนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส

“นี่หรือคือความมั่นใจของเจ้า? ก็แค่เท่านี้ ตอนนี้เจ้านั้นอ่อนแอเสียยิ่งกว่าคนชั้นต่ำทั้งหลายที่เจ้าพูดถึงเสียอีก ยังมีหน้ามาดูถูกผู้คนอีกหรือ?”

เย่หยวนมองดูหลู่ซือยีด้วยสายตาเย้ยหยัน

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาทีตัวหลู่ซือยียังเป็นนางฟ้านางสวรรค์ผู้สูงส่งมองดูโลกเบื้องล่างด้วยความเหยียดหยัน

แต่ตอนนี้กลับเป็นเย่หยวนที่กำลังก้มลงมองนางด้วยสีหน้าท่าทางเยาะเย้ย

ความภาคภูมิใดๆ ของนางนั้นได้ถูกเย่หยวนทำลายลงจนสิ้น

“อัจฉริยะบ้าบอใดกัน เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านเย่หยวนมันก็ไร้ค่า!”

“แข็งแกร่งเสียจริงๆ! ท่านเย่หยวนนั้นช่างแข็งแกร่งนัก! ยอดฝีมือที่บรรลุแนวคิดแห่งธาตุทั้งห้ายังไม่อาจจะเทียบเปรียบได้”

“ฮ่าๆ สะใจจริง! นางนี่มันชอบดูถูกพวกเราคนชั้นต่ำนักมิใช่หรือ? แล้วตอนนี้ตัวมันเป็นอย่างไรบ้างเล่า?”

เหล่านักยุทธ์ทั้งหลายในเมืองต่างโห่ร้องกันอย่างบ้าคลั่ง

ไม่มีใครคิดใครฝันว่าเย่หยวนจะสามารถชนะผู้บรรลุสำเร็จธาตุทั้งห้าได้อย่างขาดลอยเช่นนี้

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียหลู่ซือยีผู้นี้มันก็ยังมีพลังบ่มเพาะที่เหนือล้ำกว่าเย่หยวน!

สำหรับเทพถ่องแท้แล้วความแตกต่างหนึ่งขั้นนี้มันเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลานับพันๆ หรือหมื่นๆ ปีกว่าจะก้าวข้ามไป

แน่นอนว่านั่นมันพูดถึงเหล่าอัจฉริยะ

สำหรับคนธรรมดาทั่วๆ ไปแล้วแค่หนึ่งดาวมันก็มากพอที่จะใช้เสียเวลาไปนับแสนปี!

หลู่ซือยีนั้นมีใบหน้าที่สุดแสนจะแค้นเคือง นางไม่นึกไม่ฝันว่าตนจะต้องมาแพ้พ่ายให้กับเทพถ่องแท้สามดาวผู้หนึ่งในเมืองสุดแสนบ้านนอกเช่นนี้

เรื่องราวในครั้งนี้มันทำให้ความมั่นใจใดๆ ของนางนั้นหายไปจนสิ้น

ในเวลานี้ทหารเกราะดำผู้มองดูสถานการณ์อยู่ไม่ไกลก็ร้องขึ้นมา “เจ้าหนู เบื้องหลังคุณหนูซือยีนั้นยังมีเทพสวรรค์หลู่เหยียนอยู่ หากเจ้ากล้าทำอะไรตัวนางแล้วเจ้าคงต้องได้ตายไปพร้อมๆ กับนางแน่!”

ได้ยินเช่นนั้นทุกผู้คนต่างก็สั่นกลัวขึ้นมา

เทพสวรรค์นั้นคือตัวตนที่พวกเขาย่อมไม่เคยคิดฝันถึง เพราะมันเป็นตัวตนที่อยู่เหนือกว่าที่พวกเขาจะอาจเอื้อม!

เมื่อใดที่เทพสวรรค์พิโรธแล้วมันย่อมจะเปลี่ยนแปลงให้แผ่นดินกลายเป็นนรกไป!

หากพวกเขาไปท้าทายเทพสวรรค์เข้าแล้วเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์น้อยๆ นี้จะต้านทานรับไว้ได้หรือ?

หลู่ซือยีมองดูที่เย่หยวนด้วยรอยยิ้มแห่งผู้มีชัย “พ่อข้านั้นคือเจ้าเมืองแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ หลู่เหยียน ต่อให้เจ้าจะชนะข้าได้แล้วมันจะทำไม?”

เย่หยวนได้แต่ส่ายหัวออกมาพร้อมหัวเราะ “คนที่ข้าเย่หยวนคิดอยากสังหาร ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์มาข้าก็จะไม่ไว้หน้าให้! ถึงจะเป็นเทพสวรรค์แล้วมันจะเป็นอย่างไร?”

แต่หลู่ซือยียังคงรักษาใบหน้าเย่อหยิ่งไว้ได้เพราะนางไม่คิดว่าเย่หยวนจะกล้าลงมือทำอะไรจริงๆ

เทพสวรรค์นั้นคือตัวตนที่เป็นราวเทพพระเจ้า ใครกันจะกล้าท้าทาย?

นางมองดูเย่หยวนก่อนจะกล่าวขึ้น “เย่หยวน เจ้านั้นมีพรสวรรค์! ข้ายอมรับว่าตัวเองด้อยกว่าเจ้า! แต่หากเจ้ากล้าจะทำอะไรข้าแล้วเจ้าจะต้องได้ตายอย่างไร้ที่กลบฝัง! เหล่าคนชั้นต่ำทั้งหลายนี้เองก็จะต้องตายตามเจ้าไปด้วย!”

เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็แทบจะหลุดขำออกมา

นางผู้นี้มันช่างโง่เง่าเสียจริงๆ

ถึงเวลานี้แล้วนางยังคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเหนือกว่าเช่นนั้นหรือ?

เมื่อเย่หยวนได้ยิน เขาก็แทบหัวเราะออกมา

“หึๆ ถึงเวลานี้แล้วเจ้ายังจะมาวางท่าทำตัวเหนือผู้คนอีกหรือ?” เย่หยวนหัวเราะขึ้น

หลู่ซือยีตอบกลับไปด้วยใบหน้าสุดแสนมั่นใจ “เจ้าต่างหากที่เลิกวางท่าเสียที! หรือว่าเจ้าคิดกล้าสังหารข้าจริง? พ่อข้านั้นเป็นถึงเทพสวรรค์ตัวตนที่เจ้าไม่มีปัญญาจะกล้าลบหลู่ได้ การที่เจ้าล้มข้าได้นั้นมันย่อมแสดงว่าเจ้าเก่งกาจจริงและเหนือล้ำกว่าเหล่าคนชั้นต่ำนี้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะอย่างไรเสียเจ้าก็ไม่กล้าสังหารข้าหรอกและจะยังส่งตัวข้ากลับไปอย่างปลอดภัยด้วย”

เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น

นางผู้นี้มันไร้สมองจริงๆ

เขามองดูหลู่ซือยีด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “เดิมทีข้านั้นก็มิใช่คนโหดร้ายใดๆ แต่เจ้านั้นไม่ควรจะฆ่าสังหารเจียงหมิงผู้นั้น บางทีในสายตาของเจ้านั้นเขาอาจจะเป็นแค่เศษดินข้างทาง แต่ในสายตาของข้าแล้วเขานั้นคือเด็กหนุ่มที่มีความภักดี หากวันนี้เจ้าไม่ตายเสียแล้วสวรรค์ก็คงอยู่ไม่สุขแน่!”

พูดจบดาบของเย่หยวนก็ขยับเข้าไปทิ่มแทงกลางอกของหลู่ซือยี

จนถึงเวลาตาย หลู่ซือยีก็ยังไม่คิดจะเชื่อ

เจ้าหมอนี่… บ้าไปแล้ว?

เขา… กลับกล้าสังหารตัวนาง!

แต่ทว่านัยน์ตาของหลู่ซือยีก็ค่อยๆ เบิกกว้างออกก่อนที่กล้ามเนื้อทั้งร่างจะหยุดทำงานลงในที่สุด

ยอดนางอัจฉริยะแห่งยุคสมัยต้องมาตายลงง่ายๆ เช่นนี้!

ทุกผู้คนมองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงไม่คิดอยากเชื่อสายตา

เพราะเมื่อเหล่าทหารเกราะดำนั้นกล่าวถึงนามของเทพสวรรค์ออกมาทุกผู้คนต่างรู้สึกกลัวจนหัวหด

ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่หยวนนั้นจะกลับกล้าสังหารอีกฝ่ายลงจริงๆ

และเหตุผลนั้นมันก็เพราะชนชั้นต่ำผู้หนึ่งที่ถูกนางสังหาร

“เจ้า… เจ้ากลับกล้าสังหารคุณหนูลง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?” ทหารเกราะดำผู้นั้นกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าไม่คิดอยากเชื่อสายตา

หรือว่าเจ้าหมอนี่มันจะไม่เกรงกลัวเทพสวรรค์เลย?

เขานั้นกลับกล้าฆ่าสังหารลูกสาวของเทพสวรรค์ลง!

เย่หยวนมองดูทหารเกราะดำนั้นและตอบ “เย่ผู้นี้คิดทำอะไรอย่างหนักแน่นเสมอ! หากข้าปล่อยนางไปแล้วใครกันที่จะมาชดใช้ให้วิญญาณของเจียงหมิง? คิดว่าทุกสิ่งอย่างอยู่ใต้เท้าตนเช่นนั้นก็จงแบกรับความผิดที่เหยียบย่ำทุกสิ่งไปเสียเถอะ! แล้วก็พวกเจ้าทั้งหลายนั้นย่อมจะไม่มีใครได้กลับไป”

ทหารคนนั้นหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยิน เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองได้มาเจอคนโรคจิตเข้าเสียแล้ว

ทำไมเจ้าหมอนี่มันถึงได้ไร้เหตุผลขนาดนี้?

มันไม่อาจพูดคุยใดๆ ได้ด้วยเลย!

ยิ่งพูดไปมันมีแต่จะยิ่งทำให้อีกฝ่ายเดือดดาล!

เมื่อเย่หยวนได้เห็นพวกโซชูเจียตัวเขาก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาในหัวใจอีกครั้ง

เพราะตอนนี้พวกโซชูเจียทั้งหลายนั้นแทบจะสิ้นชีพลงเหลือไว้เพียงลมหายใจที่เบาบาง

หากมิใช่เพราะว่าพวกนั้นคิดจะจับตัวพวกโซชูเจียกลับไปยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์แล้วพวกเขาทั้งหลายนี้คงถูกสังหารฆ่าลงอย่างไม่อาจหวนคืนได้

แต่แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บใดๆ มันย่อมไม่เป็นปัญหาต่อเย่หยวน ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจเย่หยวนย่อมจะช่วยพวกเขาได้

แต่ทว่าหลังจากคนทั้งหลายได้ยินว่าคนจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ถูกสังหารลงสิ้นพวกเขาก็ตื่นตะลึงอย่างมาก

เพราะตอนนี้พวกเขาได้ไปท้าทายผู้ยิ่งใหญ่เข้าแล้ว!

ยอดอัจฉริยะระดับนี้ต้องตายลงมีหรือที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นจะปล่อยมันผ่านไปง่ายๆ?

เมื่อไป๋ตงได้เห็นหน้าเย่หยวนเขาก็ยิ้มขึ้นมาทันที “เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าทำให้ลำบากแล้ว”

ไป๋ตงถามขึ้น “เรื่องแค่นี้ย่อมมิลำบากใดๆ ปัญหาคือต่อจากนี้เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไปมากกว่า?”

…………………….