โทรศัพท์เชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว เสียงของฉินรั่วเฉินก็ดังขึ้น “เข่อเอ๋อร์ มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
เฉินเข่อเอ๋อร์กล่าวเบา ๆ “ฉินรั่วเฉิน นายยังจำเรื่องที่หลินฮ่าวหรานวางยาฉันในงานเลี้ยงวันเกิดของนายได้ไหม?”
น้ำเสียงของฉินรั่วเฉินเปลี่ยนเป็นตกใจเล็กน้อย “วางยา วางยาอะไร ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้เลย!”
ตุ๊บ!
โทรศัพท์มือถือของเฉินเข่อเอ๋อร์ตกลงบนพื้น เฉินเข่อเอ๋อร์มองเฉินกั๋วต้งด้วยสีหน้าตกตะลึง และน้ำตาคลอเบ้า
วินาทีนี้ เฉินเข่อเอ๋อร์เข้าใจแล้ว มิน่าเพื่อนสนิทของเธอสองคน คนหนึ่งไม่กล้ารับสาย ส่วนอีกคนบอกว่ามีธุระด่วน
ดูเหมือนว่าพวกเธอสองคนจะไม่อยากทำร้ายเธอมากเกินไป ดังนั้นเมื่ออยู่ภายใต้การบีบบังคับของตระกูลหลิน พวกเธอจึงเลือกที่จะหลบเลี่ยง
แต่ฉินรั่วเฉินเลือกที่จะทรยศโดยตรง
เฉินเข่อเอ๋อร์รู้สึกว่าโลกใบนี้เต็มไปด้วยเจตนาร้าย ทำไมมนุษย์ถึงได้ไร้ยางอายเช่นนี้!
เฉินกั๋วต้งชกโต๊ะด้วยความโกรธ ใบหน้าซีดขาว
เฉินกั๋วจงถอนหายใจ และไม่มีอะไรจะพูด
เฉาจื่อหมิงหัวเราะเสียงดัง แล้วกล่าวว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ผมบอกแล้วว่าต้องมีหนึ่งคนหรือสองคนที่กล้าพูดความจริง ตระกูลเฉินของคุณไม่สามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมปิดบังอำพรางทุกคนได้หรอก ตอนนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว!”
หลินเจิ้นหนานหันหลังทันที ประสานมือทั้งสองข้างเป็นการคำนับเหล่าผู้ทรงอิทธิพลชื่อดังที่เขาเชิญมาเป็นสักขีพยาน และกล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ทุกท่าน ล้วนได้ยินแล้ว ตระกูลเฉินแสดงพฤติกรรมแบบนี้ แล้วยังทำร้ายลูกชายของผม ตอนนี้ก็แว้งกัดพวกเราอีก แล้วยังคิดจะทำลายชื่อเสียงตระกูลหลินอีกด้วย ถ้าผมไม่แก้แค้น แล้วต่อไปตระกูลหลินจะมีหน้าพบผู้คนได้อย่างไร?!”
ผู้ทรงอิทธิพลชื่อดังเหล่านั้นต่างพยักหน้า เป็นเชิงแสดงการสนับสนุนหลินเจิ้นหนาน และตระกูลเฉินควรให้คำอธิบาย
หลินเจิ้นหนานจ้องมองเฉินกั๋วจง แล้วกล่าวว่า “เฉินกั๋วจง ตระกูลเฉินคิดจะอธิบายกับผมอย่างไร?”
สีหน้าของเฉินกั๋วจงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ขณะนี้ เขาไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงรอให้เฉินโม่และเฉินกั๋วเหลียงกลับมาเท่านั้น
“ผู้นำตระกูลหลิน เรื่องนี้ใหญ่เกินไป ผมไม่สามารถตัดสินใจได้ รอให้ผู้นำตระกูลเฉินกลับมาแล้วค่อยคุยกันเถอะ!”
เฉาจื่อหมิงกล่าวเยาะเย้ย “ทำไม? ถูกเปิดโปงแล้ว ก็เริ่มถ่วงเวลาเหรอ? คนของตระกูลเฉินช่างไร้ยางอายจริง ๆ!”
“เฉินกั๋วต้ง ทุกคนได้ยินสิ่งที่คุณพูดเมื่อสักครู่ คุณคิดจะผิดสัญญาเหรอ?”
เฉินกั๋วต้งโกรธจนแทบกระอักเลือด มองเฉาจื่อหมิงด้วยสายตาดุดัน แล้วกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “คุณต้องการอะไร?”
เฉาจื่อหมิงกล่าวเยาะเย้ยว่า “ต้องการให้ตระกูลเฉินขอโทษเดี๋ยวนี้!”
เฉินกั๋วต้งกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ตอนนี้ได้ยินเพียงคำให้การของคนเพียงคนเดียวเท่านั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพวกคุณเป็นฝ่ายชนะ”
“เข่อเอ๋อร์ โทรหาเพื่อนนักเรียนพวกนั้นอีก ปู่ไม่เชื่อว่าตระกูลหลินจะสามารถปิดปากของทุกคนได้!”
ตอนนี้เฉินเข่อเอ๋อร์กลับมามีสติอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนพื้นขึ้นมา พยักหน้าให้เฉินกั๋วต้งด้วยความนอบน้อม แล้วกล่าวว่า “ค่ะ!”
หลังจากกล่าวจบ เฉินเข่อเอ๋อร์เริ่มโทรหาเพื่อนนักเรียนคนอื่น ๆ
ยิ่งเฉินเข่อเอ๋อร์โทรมากเท่าไหร่ หัวใจของเธอก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น เพื่อนนักเรียนทุกคน หรือไม่ก็ไม่รับโทรศัพท์ หรือไม่ก็อ้างว่ามีธุระ หรือไม่ก็หาเรื่องเธอกลับ
หลังจากโทรไปสิบกว่าสาย ในที่สุดเฉินเข่อเอ๋อร์ก็ยอมจำนนต่อชะตากรรม
“ฮ่าฮ่าฮ่า…….” เฉาจื่อหมิงเงยหน้าแล้วหัวเราะเสียงดัง “เฉินกั๋วต้ง ตอนนี้คุณยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อีกเหรอ?”
สีหน้าของเฉินกั๋วต้งซีดเซียว และไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำ
หลินเจิ้นหนานประสานมือทั้งสองช้างเป็นการคำนับไปทางเฉิงเซี่ยว แล้วกล่าวว่า “คุณเฉิง คุณเป็นคนที่มีคุณธรรม ดังนั้นให้คุณเป็นคนที่พูดคำพูดที่ยุติธรรมเถอะ!”
เฉิงเซี่ยวแสดงสีหน้าจริงจัง มองเฉินกั๋วต้งและเฉินกั๋วจง แล้วพูดว่า “ตระกูลเฉินไม่สามารถแสดงหลักฐานออกมาได้ แต่ตระกูลหลินมีหลักฐานหนาแน่น เห็นได้ว่าตระกูลเฉินกำลังใส่ร้ายตระกูลหลิน ดังนั้นพวกเขาควรขอโทษ!”