เฉินกั๋วต้งมองเฉาจื่อหมิงด้วยความเย็นชา แล้วตะโกนว่า “คนแซ่เฉา ได้ยินหรือยัง?”
สีหน้าของผู้ทรงอิทธิพลชื่อดังเหล่านั้น เปลี่ยนเป็นแปลกเล็กน้อย หากสิ่งที่เฉินเข่อเอ๋อร์พูดเป็นความจริง การกระทำวันนี้ของตระกูลหลิน ก็ไร้ยางอายจริง ๆ
เฉาจื่อหมิงกล่าวเยาะเย้ย “ฟังความข้างเดียว แล้วหลักฐานล่ะ?”
เฉินกั๋วต้งมองเฉินเข่อเอ๋อร์ แล้วกล่าวว่า “เข่อเอ๋อร์ สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ไหมว่าสิ่งที่หนูพูดเป็นความจริง?”
ดวงตาของเฉินกั๋วต้งเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เฉินเข่อเอ๋อร์พยักหน้า “ตอนนั้นพี่เฉินโม่พบห่อผงยาที่ยังไม่ได้ใช้จากร่างกายของเขา เพื่อนนักเรียนทุกคนก็เห็น และสามารถเป็นพยานได้”
เฉาจื่อหมิงกล่าวเยาะเย้ย “ถ้าเช่นนั้น คุณโทรหาเพื่อนนักเรียนตอนนี้เลย ขอเพียงแค่พวกเขายอมออกหน้าเป็นพยานให้คุณ ผมก็จะเชื่อว่าสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง”
เฉินกั๋วต้งกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “เข่อเอ๋อร์ โทรหาเพื่อนนักเรียนของหนูเดี๋ยวนี้ เพื่อให้เขาแพ้อย่างไร้ข้อกังขา”
“ค่ะ!”
เฉินเข่อเอ๋อร์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วเริ่มโทรหาหวางหยิงหยิงเพื่อนสนิทของตนเอง
เพียงแต่ หลังจากโทรเป็นเวลานาน แต่ไม่มีคนรับสาย
เฉินเข่อเอ๋อร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวางสาย มองเฉินกั๋วต้งแล้วกล่าวว่า “คุณปู่ ไม่มีคนรับสาย บางทีเธออาจจะไม่อยู่ หนูจะลองโทรไปหาคนอื่น”
เฉาจื่อหมิงหัวเราะเยาะด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
เฉินกั๋วต้งกล่าวว่า “เข่อเอ๋อร์ งั้นหนูก็ลองโทรหาคนอื่น”
“ค่ะ” เฉินเข่อเอ๋อร์โทรหาผู้หญิงอีกคน
โทรศัพท์ดังไม่กี่ครั้ง แต่คราวนี้โทรติดแล้ว เฉินเข่อเอ๋อร์กดสปีกเกอร์โฟนทันที เพื่อให้ทุกคนได้ยิน
เฉินเข่อเอ๋อร์กล่าวว่า “หลิวฟางหรือเปล่า?”
น้ำเสียงของหลิวฟางสั่นเล็กน้อย มีความรู้สึกระแวดระวัง “เข่อ…เข่อเอ๋อร์ เธอมีธุระอะไรเหรอ?”
“ฟางฟาง เธอยังจำเรื่องที่หลินฮ่าวหรานวางยาฉันในงานวันเกิดของฉินรั่วเฉินได้ไหม?”
หลิวฟางร้องทันที “ห๊ะ เข่อเอ๋อร์ ขอโทษด้วย ฉันมีธุระด่วน ต้องวางสายก่อน”
เฉินเข่อเอ๋อร์รีบกล่าวว่า “เดี๋ยวก่อน เธอตอบฉันก่อน ฉันร้อนใจมาก…… ”
ตุ๊ด ๆ……
ปลายสายของโทรศัพท์วางสายแล้ว
“ฮึ่ม!” เฉินกั๋วต้งตะคอกด้วยความโกรธ มองหลินเจิ้นหนานและคนอื่น ๆ ด้วยสายตาดุดัน เห็นได้ชัดว่าเขาเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว
สีหน้าของเฉินกั๋วจงแย่มาก แน่นอนว่าสิ่งที่เขาคิดกลายเป็นความจริงแล้ว สิ่งที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นแล้ว หลินเจิ้นหนานเตรียมการไว้ล่วงหน้าอย่างแน่นอน เกรงว่าเพื่อนนักเรียนของเฉินเข่อเอ๋อร์พวกนั้น ไม่กล้าเป็นพยานให้เฉินเข่อเอ๋อร์แล้ว
เฉินเข่อเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอคิดว่าหลิวฟางมีธุระด่วนจริง ๆ
“คุณปู่ ไม่ต้องกังวล เพื่อนนักเรียนคนนี้ของหนูอาจมีเรื่องด่วน หนูจะเปลี่ยนไปโทรหาคนอื่น”
เฉาจื่อหมิงกล่าวเยาะเย้ยหยันด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกรงว่าไม่ใช่เพราะมีเรื่องด่วน แต่เป็นเพราะคนเหล่านี้ไม่อยากให้การเป็นพยานเท็จกับคนบางคน!”
“หุบปากเน่า ๆ ของคุณซะ!” เฉินกั๋วต้งด่าด้วยความโกรธ “คุณรู้อยู่แก่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
เฉาจื่อหมิงรู้สึกร้อนตัวเล็กน้อย แต่เขาไม่แสดงออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย เขากล่าวด้วยความโกรธทันที “เฉินกั๋วต้ง คุณเกรงใจกันหน่อย มิฉะนั้น ก็อย่ามาโทษว่าผมไม่เกรงใจ!”
“ถ้าคุณไม่เกรงใจ แล้วไงล่ะ? คิดว่าผมกลัวคุณเหรอ?!” เฉินกั๋วต้งกล่าวแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เมื่อเห็นว่าพวกเขาสองคนกำลังจะต่อสู้กัน
เฉินเข่อเอ๋อร์รีบกล่าวว่า “คุณปู่ ใจเย็น ๆ ก่อน หนูจะโทรหาเพื่อนนักเรียนคนอื่น ๆ”
“โทร…โทร… รีบโทรเร็ว ผมเชื่อว่าจะต้องมีใครสักคนที่กล้าพูดความจริง” เฉาจื่อหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“คำพูดประโยคคือสิ่งที่พวกเราต้องการจะพูด” เฉินกั๋วต้งมองเฉาจื่อหมิง แล้วกล่าว
เฉินเข่อเอ๋อร์กล่าวว่า “คราวนี้หนูจะโทรหาฉินรั่วเฉิน เพราะวันนั้นเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเขา”