บทที่ 1985 ตกลงจะเล่นไหม
“ให้ฉันคิดดูนะ…” เจียงหลีเฮิ่นกล่าวพลางครุ่นคิดอย่างหนัก จากนั้นไม่กี่นาทีเขาก็ดีดนิ้วขึ้นมา “ใช่แล้ว เธอรู้จักนายแห่งอาชูร่าไหม? เคยเจอเขาไหม?”
เยี่ยหวันหวั่นตอบเขาตามความจริง “รู้จักค่ะ…เคยเจอค่ะ…”
เยี่ยหวันหวั่นคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะพูดถึงนายแห่งอาชูร่า จึงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
เจียงหลีเฮิ่นกล่าวพลางถอนหายใจ “เฮ้อ นายคนนั้นมันน่าเบื่อที่สุด ฉันเลยโคตรอยากเห็นอะไรที่น่าสนใจในตัวเขาสักหน่อย!”
“ถ้างั้น คุณอยากเห็นอะไรคะ?” เยี่ยหวันหวั่นถามด้วยความสงสัยอย่างเต็มที่
“เอางี้…เธอก็ไปขโมยจูบเขา ให้ฉันดูการตอบสนองของเขาหน่อยสิ! พอพูดจบ เจียงหลีเฮิ่นก็รู้สึกราวกับว่า ความคิดของตัวเองดีเอามากๆ จนใบหน้าของเขาปรากฏความตื่นเต้น
เยี่ยหวันหวั่นเบิกตาโพลง และเงียบไปพักใหญ่ “นี่คุณจริงจังเหรอคะ?”
ทำไมถึงมีคำขอที่ประหลาดสุดๆ แบบนี้?
อีกอย่าง…ลูกพี่คะ คุณรู้อะไรไหม ว่างานของพี่เป็นงานที่ง่ายมากๆ งานหนึ่งเลย!
“ก็ต้องจริงจังน่ะสิ เป็นไง? จะเล่นไหม? เธอควรรู้ว่านายคนนั้นเกลียดการที่คนอื่นมาถูกเนื้อต้องตัวเป็นที่สุด โดยเฉพาะผู้หญิง! ถ้าเธอกล้านะ! ฉันจะยกของให้เธอเลย!” เจียงหลีเฮิ่นกล่าวด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นสุดขีด
เยี่ยหวันหวั่นกล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึม “หัวหน้าเจียงคะ คำขอของคุณมันฝืนใจคนอื่นมากเกินไปแล้ว คุณอยากให้ฉันตายเหรอไง?”
ถ้าเป็นคนอื่น คำขอนี้ก็เท่ากับเอาชีวิตเขาเลย!
ทั้งรัฐอิสระไม่มีใครกล้าทำเรื่องแบบนี้ นายเจียงหลีเฮิ่นคนนี้ก็รู้อยู่เต็มอก ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ยังจะเสนออะไรแบบนี้อีก
เจียงหลีเฮิ่นกะพริบตาพลางกล่าวว่า “เธอมาขอของที่รักที่สุดของฉัน นั่นก็เหมือนกับต้องการเอาชีวิตของฉันนะ! ฉันเสียเปรียบสุดๆ เลย!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ทำไมคนๆ นี้ถึงได้ไร้ยางอายขนาดนี้!
เยี่ยหวันหวั่นจึงเอ่ยตอบว่า “ตกลง บ้าเอ้ย แต่พวกเราตกลงกันแล้วนะ พอถึงตอนนั้นฉันทำแล้ว คุณห้ามบิดพลิ้วก็แล้วกัน!”
“นี่เธอจะไปจริงเหรอเนี่ย โถๆๆ ฉันได้ยินมาตลอดว่าแบดเจอร์มีความกล้าหาญ ไม่คิดเลยว่าเธอไม่ได้กล้าเลย แต่ปัญญาอ่อนแทน ทั้งโง่เง่าเต่าตุ่น ไอคิวเธอมีปัญหาเหรอไงหา…” เจียงหลีเฮิ่นกล่าวด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ไปทำเรื่องที่ถึงแก่ชีวิตแบบนี้ ไม่ใช่คนปัญญาอ่อนเหรอไง?
เยี่ยหวันหวั่นสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ และท่องว่า เพื่อคะแนนเกียรติยศหนึ่งหมื่นห้าพันคะแนนหนึ่งร้อยครั้งในใจ หญิงสาวสงบสติอารมณ์เพื่อไม่ให้ไปต่อปากต่อคำกับเขาอีก “ตกลงจะเล่นหรือไม่เล่น แค่คุณตกลง ฉันก็จะไม่เปลี่ยนใจ!”
“ไม่ ไม่เด็ดขาด! ขอแค่เธอกล้าเท่านั้น!” เจียงหลีเฮิ่นกล่าวพลางส่ายหัวอย่างแรง
“ดี…ถ้างั้น…” เยี่ยหวันหวั่นกำลังจะตอบตกลง แต่ในขณะนั้นเอง เจียงหลีเฮิ่นกลับเปลี่ยนใจอย่างกะทันหัน “แป๊ปนะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว แบบนี้ไม่สนุก ถ้าเธอจูบเสร็จแล้ววิ่งหนีไปงั้นก็ไม่มีความหมายน่ะสิ!”
เยี่ยหวันหวั่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธ “แล้วคุณจะเอายังไงกันแน่!?”
เจียงหลีเฮิ่นครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็กล่าวว่า “ไม่ได้ๆๆ จะต้องมีข้อจำกัด ต้องมีเวลาจำกัดด้วย เธอจะต้องจูบให้ครบหนึ่งนาที! และอีกอย่างต้องจูบที่ปากเท่านั้น จะจูบที่อื่นไม่ได้!”
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบตามองเขา “ลูกพี่ คุณบอกให้ฉันไปตายเลยจะดีกว่านะ!”
เจียงหลีเฮิ่นก็ดูเหมือนจะคิดได้ว่ามันเกินไปหน่อย “เรื่องจูบปากไม่สามารถเปลี่ยนได้ แต่เวลาสามารถหดสั้นลงได้นิดหน่อย งั้นเอาเป็นจูบสามสิบวิก็แล้วกัน…”
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็ถามเขาทันที “คุณคิดว่านายแห่งอาชูร่าใช้เวลากี่นาทีในการฆ่าฉัน?”
“อื้ม…คงจะราวๆ สิบวิมั้งนะ! น้อยกว่านี้น่าจะไม่ได้!” เจียงหลีเฮิ่นกล่าวอย่างหน้าตาเฉย
เยี่ยหวันหวั่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง “โอเค!”
หากเป็นช่วงฮันนีมูนจะให้นานเท่าไรก็ย่อมได้ แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับซือเยี่ยหานในตอนนี้ แค่ทนสิบวินาทีก็ค่อนข้างอันตรายแล้ว
……
บังเอิญอะไรอย่างนั้น ขณะที่เธอเพิ่งเจรจาข้อตกลงกับเจียงหลีเฮิ่นเสร็จ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนอยู่ไม่ไกล
คนที่อยู่ข้างหน้า เยี่ยหวั่นหวั่นจำได้ว่า เป็นหัวหน้าเซี่ยเชียนชวนแห่งกลุ่มนักเชือด ส่วนคนที่อยู่ข้างหลัง…ก็คือ…คนที่พวกเขาเดิมพันกันในครั้งนี้…นายแห่งอาชูร่า…
เมื่อเห็นดังนั้น เจียงหลีเฮิ่นก็ขยิบตาให้เธอโดยแทบจะทันที เริ่มได้!
——————————————————-
บทที่ 1986 แบบนี้จะให้เขาทำยังไง
ในขณะนี้ ซือเยี่ยหานถูกเซี่ยเชียนชวนลากตัวมาแช่น้ำพุร้อนเพื่อผ่อนคลาย
เจียงหลีเฮิ่นกับซือเยี่ยหานทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งขี้เกียจสันหลังยาว ชอบออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ ไม่ทำการทำงาน แถมยังบอกให้เขาหยุดงานประท้วงอย่างน่าเกลียดอยู่บ่อยครั้ง ส่วนอีกคนพอเริ่มทำงานแล้ว ก็โหมงานจนไม่รู้วันรู้คืน ไปลากตัวออกมายังไงก็ไม่มา อีกอย่างตอนนี้เขากำลังอกหัก
ซือเยี่ยหานนึกถึงแต่ข้อความที่เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งส่งมาเมื่อครู่นี้ เขารู้ว่าเธอน่าจะมาถึงวิลล่าแล้ว กลายเป็นว่าเขาไม่คิดเลยว่าจะมาเจอเธอที่นี่…ในสถานการณ์เช่นนี้ด้วย
เจียงหลีเฮิ่นแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำพุร้อน ลำตัวพิงอยู่ข้างขอบสระ และกำลังพูดอะไรบางอย่างกับหญิงสาวด้วยท่าทางที่มีความสุขมาก
นายเจียงหลีเฮิ่นคนนี้ชอบเปลือยกายแช่น้ำ เขาต้องไม่สวมอะไรสักชิ้นแน่ๆ!
แม้เขาจะรู้ว่าระยะห่างและมุมจากที่เยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่ จะมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แต่สถานการณ์เช่นนี้มันทำให้เขาเลือดขึ้นหน้า
ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่…
เธอกำลังคุยอะไรกับเจียงหลีเฮิ่น ถึงได้มีความสุขกันปานนั้น…
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นหันมา เธอก็เห็นสีหน้าที่ดูขุ่นเคืองและยังเศร้าหมองของซือเยี่ยหาน
เฮ้อ! เวรกรรม เขายังโกรธอยู่เลย!
จะทำยังไงดี!
คะแนนเกียรติยศของเธอ!
ในตอนนี้ เจียงหลีเฮิ่นก็ให้เธออ่านปากของเขาอีกหนึ่งประโยค “ต้องทำให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมงนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นโกรธจนแทบบ้า ไอ้เวรตะไลนี่ ทำไมชอบเพิ่มเงื่อนไขแทรกเข้ามาเรื่อยๆ!
ภายในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมง โอกาสที่เธอจะได้เจอกับซือเยี่ยหานคงมีแค่ตอนนี้แล้วสินะ
เยี่ยหวันหวั่นกลัวว่าเจียงหลีเฮิ่นจะคิดอะไรออก แล้วเพิ่มเงื่อนไขพิสดารเข้ามาอีก ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหยุดตรงหน้าของซือเยี่ยหาน จ้องมองเขาแล้วคิดหาวิธีการรับมือ…
จะทำยังไงดี?
ถ้าพุ่งไปจูบตรงๆ ก็มีแนวโน้มที่จะถูกขัดจังหวะ จูบได้ไม่ถึงสิบวินาที
อีกอย่าง ตอนที่อีตาบ้านี่ทะเลาะกับตัวเองก่อนหน้านี้ แม้แต่จะเอื้อมมือไปแตะปลายแขน เขาก็ไม่ให้แตะ นับประสาอะไรกับให้จูบ
แต่ถ้าจะอธิบายให้เขาฟัง บ้าจริง จะให้เธอพูดว่ายังไง?
ซือเยี่ยหานจ้องหญิงสาวที่จู่ๆ ก็เดินมาหาตัวเอง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะท่าทางของหญิงสาวแลดูโมโหมาก
เธอโกรธแล้ว…
เธอกำลังโกรธเรื่องอะไร…
“ใช่แล้วๆ ผู้นำไป๋…”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินเจียงหลีเฮิ่นเรียกชื่อเธออีกแล้ว คงจะไม่ได้เพิ่มเงื่อนไขขึ้นมาอีกนะ!
ในสถานการณ์คับขัน เยี่ยหวันหวั่นไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องนี้ เธอจึงรีบพุ่งเข้าไปหาซือเยี่ยหานอย่างรวดเร็ว
เป็นไปตามคาด เธอเห็นซือเยี่ยหานเหมือนจะถอยหลังหลบโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นจึงกัดฟัน และพูดขู่ที่ข้างหูของซือเยี่ยหาน “ห้าม หลบ! ภายในสิบวินาทีนี้ไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็ห้ามขยับ! ไม่งั้นฉันจะไปที่อาคารใหญ่ของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ พร้อมกับลำโพงตัวใหญ่!”
เยี่ยหวันหวั่นยกกลอุบายเดิมมาใช้อีกครั้ง
ซือเยี่ยหานสบเข้ากับสายตาอันดุดันของหญิงสาว จึงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และไม่ได้ขยับตัวอีกเลย
ไม่ใช่เพราะการคุกคามของเธอ แต่เป็นเพราะดวงตาของเธออยู่ใกล้มาก ประกายอันสุกใสในดวงตาของเธออยู่ใกล้เขามาก จนเขาไม่อาจละสายตาได้เลย…
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเช่นนี้ จากนั้นเธอจึงเขย่งปลายเท้าอย่างรวดเร็ว แล้วฉวยโอกาสเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากของซือเยี่ยหานโดยไม่ลังเล…และบรรจงประทับจูบลงไป…
ทันทีที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มของหญิงสาวสัมผัสตัวเอง ซือเยี่ยหานก็รู้สึกราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ มือที่อยู่วางอยู่ข้างลำตัวของหญิงสาวก็พลันยกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ซือเยี่ยหานไม่คิดเลยว่าเธอจะจูบอย่างกะทันหัน เขาช้อนสายตามองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ “คุณ…”
ตอนแรกนึกว่าซือเยี่ยหานจะหลบหลีก เยี่ยหวันหวั่นจึงรีบคว้าต้นคอของเขาไว้ แล้วโน้มลงมาหาตัวเองและจูบอย่างหนักหน่วง พร้อมกันนั้นเธอรีบบดริมฝีปากปาก และเตือนเขาด้วยเสียงแหบต่ำ “อย่าขยับ!”
………………………………………