บทที่ 1987 ใครมอบความกล้านี้ให้เธอ
จากนั้นซือเยี่ยหานก็ตัวแข็งทื่อ กลายเป็นรูปปั้นที่ไม่ขยับเขยื้อนอีกครั้ง ปล่อยให้หญิงสาวบดจูบริมฝีปากของเขาตามอำเภอใจ แถมยังขบเม้มเบาๆ อีกด้วย
หนึ่งวินาที…
สองวินาที…
สามวินาที…
ซือเยี่ยหานไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ก็นานมากพอที่ทำให้เขามั่นใจว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา
‘ตู้ม’ ตอนนี้มีเสียงแตกกระจายของมวลน้ำก้อนใหญ่ดังสนั่น
“แค่กๆๆๆๆ…บ้าเอ๊ย” ด้านหลังของเขาเป็นเสียงของเจียงหลีเฮิ่นที่ตกใจอย่างแรง จึงบังเอิญลื่นล้มลงไปในบ่อน้ำพุร้อน
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ายัยผู้หญิงคนนี้จะกล้า!
เชี่ย! ใครมอบความกล้านี้ให้เธอกัน!
เธออยากตายจริงๆ เหรอไง?
เซี่ยเชียนชวนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยืนตกตะลึงตาค้างอยู่อย่างนั้น เขาจ้องไปยังหญิงสาวที่จู่ๆ ก็พุ่งพรวดเข้าไปจูบซือเยี่ยหานอย่างไม่เชื่อสายตา
ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไร? หรือว่าเป็นบ้าไปแล้ว?
เธอรู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?
ซือเยี่ยหาน นายแห่งอาชูร่าแห่งกองกำลังอาชูร่า ถูกผู้หญิงขโมยจูบในอาณาเขตของตัวเองงั้นเหรอ?
“ว้าว! ผู้นำไป๋ คุณทุ่มเทเกินไปแล้ว! นี่มันเป็นความรุนแรงระดับประเทศเลยนะ สมกับที่ได้ฉายาแบดเจอร์จริงๆ!” ไม่ง่ายเลยที่เจียงหลีเฮิ่นจะปีนขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความทึ่งจนประหลาดใจ แถมยังปรบมือให้เธออีกด้วย
ในขณะที่พูดอยู่นั้น เยี่ยหวันหวั่นก็ใช้เวลาจูบครบสิบวินาทีแล้ว…
ส่วนซือเยี่ยหานก็ไม่ได้ขยับตัวเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
เจียงหลีเฮิ่นคิดว่าซือเยี่ยหานจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงมองไปที่เยี่ยหวันหวั่นด้วยความเห็นอกเห็นใจ พลางกล่าวว่า “ผู้นำไป๋ อยากให้ฉันไปแจ้งพันธมิตรอู๋เว่ย ว่าให้ช่วยเตรียมจัดงานศพให้เธอไหม?”
เมื่อพูดจบ ก็หันไปมองซือเยี่ยหานอย่างมีความสุข ที่เห็นเขาเดือดร้อน ไม่เลวเลย เมื่อกี้เขาก็เห็นใบหน้าที่ตกใจสุดขีดของชายหนุ่มคนนี้จนได้
นี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ!
ขั้นต่อไปเขาจะต้องแค้นจัดจนฆ่าคนได้แน่ๆ วะฮ่าๆๆ!
เจียงหลีเฮิ่นคิดในใจขณะที่นอนพาดอยู่บนขอบสระพลางยืดคอออกมามองคนทั้งสอง เพื่อตั้งหน้าตั้งตารอชมเรื่องสนุก
“อาเยี่ย…นี่…” เซี่ยเชียนชวนที่ยืนอยู่ด้านข้าง คาดเดาตัวตนของเยี่ยหวันหวั่นจากเครื่องแต่งกายของเธอ และจากคำพูดของเจียงหลีเฮิ่นเมื่อสักครู่ ที่บอกถึงฐานะของเยี่ยหวันหวั่น แม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องตายแน่นอน
ส่วนสถานการณ์ในวันนี้ ก็ไม่เหมาะกับการนองเลือดเลยจริงๆ การที่พวกเขามาที่นี่ในวันนี้ ก็เพราะมารวมตัวเป็นพันธมิตรกัน หากจู่ๆ ผู้นำตายไปหรือว่าถูกฆ่าตายก็คงแย่แน่ๆ
แต่เวรกรรมก็คือ ผู้หญิงคนนี้ได้กระทำการอุกอาจต่อซือเยี่ยหานถึงขนาดนี้ เธอจะรอดชีวิตไปได้ยังไง!
เซี่ยเชียนชวนกำลังคิดอย่างหนักว่าจะพูดโน้มน้าวยังไงดี แต่อีกวินาทีถัดมา เขากลับต้องยืนอึ้ง…
ก่อนหน้านี้ซือเยี่ยหานยังไม่ค่อยได้สติเท่าไร แต่เขาก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อดูจากปฎิกริยาของเจียงหลีเฮิ่นแล้ว ทำให้เขารู้ว่าการที่จู่ๆ เยี่ยหวันหวั่นก็มาจูบเขา คงต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ
เขาสามารถเดาได้ว่า ที่เยี่ยหวันหวั่นจูบเขาเมื่อกี้นี้ มีความไปได้สูงที่ไม่ได้อยากจะจูบก็จูบ แต่เป็นเพราะมีเหตุผลอะไรบางอย่าง
ความคิดนี้ทำให้น้ำแข็งและหิมะในดวงตาของซือเยี่ยหานกำลังลุกเป็นไฟ…
“อู้ว…อันตรายๆ…”
ถึงสิบวินาทีแล้ว! อีกอย่างเจียงหลีเฮิ่นก็ได้เห็นกับตาของตัวเอง! ตอนนี้เขาคงไม่มีอะไรจะพูดแล้วมั้ง!
หลังจากที่ทำตามเงื่อนไขจนเสร็จสิ้น เยี่ยหวันหวั่นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่วินาทีถัดมา ก็สบตาเข้ากับแววตาที่ลุกเป็นไฟของซือเยี่ยหาน จนเธอตาค้างไปเลย
ซวยแล้ว จะปลอบใจเขายังไงดีล่ะ?
“เรื่องนั้นเอ่อ…อันที่จริง…ฉันอธิบายได้นะคะ!” เยี่ยหวันหวั่นยกมือขึ้นพยายามขอความเมตตา
“วะฮ่าๆๆ…เขาไม่มีเวลาให้เธอพูดสั่งเสียหรอกนะ!” เจียงหลีเฮิ่นที่อยู่ด้านหลัง ยังคงหัวเราะเยาะเย้ยอย่างมีความสุข
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด ทำไมไอ้บ้านี่มันถึงกวนบาทาได้ขนาดนี้?
“ไม่ต้องอธิบายแล้ว” ซือเยี่ยหานกล่าวออกมาในที่สุด
เสียงของซือเยี่ยหานที่ทะลุผ่านเข้าโสตประสาท ช่างเย็นยะเยือกจนน่ากลัว
เยี่ยหวันหวั่นหวาดกลัวจนใจเต้นรัว ขณะที่เธอกำลังรีบระดมเซลส์สมองเพื่อคิดหาวิธีอยู่นั้น สายตาของซือเยี่ยหานก็จับจ้องไปที่ใบหน้าของเธออย่างตั้งใจ วินาทีถัดมา เขาก็โน้มตัวลงมาประทับจูบลงบนริมฝีปากของเธอทันที…
—————————————————————————-
บทที่ 1988 กินยาผิดขวดเหรอ?
เมื่อการจูบที่ไม่ทันตั้งตัวสิ้นสุดลง เยี่ยหวันหวั่นก็ตกอยู่ในภวังค์ของรสจูบนั้น!
ฉันเป็นใคร…ฉันอยู่ที่ไหน…อะไร…นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?
ถึงขนาดว่าเจียงหลีเฮิ่นที่เดิมทีกำลังรอดูเหตุการณ์นองเลือดของซือเยี่ยหานอยู่ก็คาดไม่ถึงว่าซือเยี่ยหานจะจูบกลับ ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกตะลึงตาค้าง ราวกับได้รับการกระทบกระเทือนจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ
วินาทีถัดมา เสียง ‘ตู้ม’ ก็ดังขึ้น เจียงหลีเฮิ่นที่เพิ่งยืนทรงตัวได้ก็ลื่นตกลงไปในน้ำอีกครั้ง
เซี่ยเชียนชวนกำหมัดแล้วยัดเข้าปาก และสำลักอย่างรุนแรงอยู่พักหนึ่ง
“อั๊กๆ…” เจียงหลีเฮิ่นสำลักน้ำเข้าไปหลายอึก จนในที่สุดก็ปีนขึ้นมาได้อย่างทุลักทุเล
เจียงหลีเฮิ่นแทบไม่เชื่อสายตากับฉากที่อยู่ตรงหน้าเลย เขาบีบขมับทั้งสองข้างอย่างบ้าคลั่ง “ไม่ๆๆ…ฉันต้องแช่น้ำพุร้อนนานเกินไปจนเวียนหัวตาลายไปแล้วแน่ๆ!”
กลายเป็นว่า วินาทีก่อนหน้านี้เขากำลังปลอบใจตัวเองอยู่ แต่วินาทีถัดมาก็เห็นซือเยี่ยหานจ้องมองไป๋เฟิง แล้วโน้มตัวลงไปยังริมฝีปากของเธอเพื่อประทับจูบอย่างแผ่วเบา และขบเม้มเบาๆ อีกครั้งราวกับกำลังชดเชยในวินาทีสุดท้าย จากนั้นก็กล่าวเบาๆ หนึ่งคำว่า “หายกันแล้วนะ”
เจียงหลีเฮิ่นตะลึงตาตั้ง เขาทำหน้าราวกับว่าโลกกำลังจะแตก “อะไรวะ แค่นี้ก็หายกันแล้ว!!!”
ต่อให้ถูกทุบจนตายเขาก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเปลี่ยนไปถึงขั้นนี้!
ซือเยี่ยหานเหลือบมองเจียงหลีเฮิ่นที่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่อยู่บนชั้นวางข้างๆ โยนใส่เจียงหลีเฮิ่น แล้วเอามาคลุมหัวเจียงหลีเฮิ่นไว้อย่างแน่นหนา
เจียงหลีเฮิ่นปัดผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนหัวของเขาออกอย่างพัลวัน “ไอ้บ้าเอ้ย! แกจะทำอะไรอะ! จะให้ฉันหายใจไม่ออกตายหรือไงวะ!”
ซือเยี่ยหานยังคงไม่สบอารมณ์ สายตาของเขาจับจ้องไปยังเซี่ยเชียนชวนอีกครั้ง
แม้ว่าเซี่ยเชียนชวนจะสวมชุดคลุมอาบน้ำ แต่ชุดคลุมก็เปิดออกไม่ได้ผูกเชือกรัดเอว
ซือเยี่ยหานจ้องเขาตาเขม็ง “ผูกเชือกรัดเอวซะ”
“เอ่อ…ได้…โอเค…” ถึงแม้ว่าเซี่ยเชียนชวนจะไม่รู้เหตุผลว่าทำไม แต่ซือเยี่ยหานในตอนนี้ก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจริงๆ จึงยอมผูกเชือกเสื้อคลุมอาบน้ำแต่โดยดี
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“อาเยี่ย นายกินยาผิดขวดเหรอไง?” เจียงหลีเฮิ่นจ้องไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
เห็นได้ชัดว่า ในสายตาของซือเยี่ยหานตอนนี้มีอยู่เพียงคนเดียว เขาไม่ได้สนใจเจียงหลีเฮิ่นเลยแม้แต่น้อย และมองไปยังเยี่ยหวันหวั่น “อธิบายมา”
บรรลัยแล้ว ในที่สุดก็ถูกเขาซักฟอกจนได้…
เยี่ยหวันหวั่นมองนิ้วของตัวเอง ไม่พูดอะไรสักคำและรีบยอมรับผิดเป็นอันดับแรก “ฉันผิดไปแล้วค่ะ…”
หลังจากที่ยอมรับความผิด เยี่ยหวันหวั่นก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิด ทำไมเธอต้องยอมรับผิดด้วย?
เมื่อคิดได้ดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็รีบเปลี่ยนท่าทางและกล่าวด้วยความมั่นใจ “ไม่ใช่สิ! จะให้อธิบายอะไรคะ! ฉันจะจูบคุณยังต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ!”
ซือเยี่ยหานพูดไม่ออก เขาได้แต่มองหญิงสาวที่ดูมั่นอกมั่นใจ จนไม่รู้จะพูดอะไรไปพักหนึ่ง
เจียงหลีเฮิ่นที่อยู่ด้านข้าง ก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มกระจ่างขึ้นเรื่อยๆ เขามองไปยังซือเยี่ยหานและมองเยี่ยหวันหวั่น ในที่สุดก็ตระหนักได้ว่า บรรยากาศระหว่างคนสองคนนี้ไม่ปกติ จึงโยนผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนหัวทิ้ง แล้วจ้องไปยังเยี่ยหวันหวันด้วยสายตาอาฆาตแค้น พลางตะโกนด่า “ไม่…ไม่ถูกต้อง…ฉิบหาย! ไป๋เฟิงเธอแม่งกล้าหลอกฉันเหรอ! เธอกับไอ้นี่เคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อนใช่ไหม?”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ในที่สุดเขาก็รู้ตัว แต่มันก็สายไปแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง “เปล่าค่ะ คุณคิดมากไปแล้ว พวกเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน!”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น นิ้วเรียวยาวก็ลูบไล้บริเวณใบหูของเธออย่างแผ่วเบา ซือเยี่ยหานเห็นว่าเธอพูดเคลียร์ความสัมพันธ์กับตัวเองต่อหน้าเจียงหลีเฮิ่น ทันใดนั้นก็มีเสียงแหบต่ำดังขึ้นบนหัวของเยี่ยหวันหวั่นทีละคำ “ไม่ได้เป็นอะไรกันเหรอ?”