บทที่ 1989 อยากเห็นฉันคุมตัวเองไม่ได้งั้นเหรอ
ตอนนี้หัวใจของเยี่ยหวันหวั่นเต้นระรัวด้วยความบีบคั้น เธอเงยหน้ามองซือเยี่ยหานพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ๆๆ เราสองคนมีความสัมพันธ์กัน มีความสัมพันธ์กันแน่นอน! ฉันแค่ตอบเจียงหลีเฮิ่นแบบขอไปทีเท่านั้นนะ!”
เจียงหลีเฮิ่นตะโกนตอบทันควัน “ฉันได้ยินแล้วโว้ย!!!’
เมื่อไม่มีทางเลือก เยี่ยหวันหวั่นจึงจำต้องทุ่มสุดตัว “เฮ้อ คุณได้ยินแล้วก็ตามนั้นค่ะ หัวหน้าเจียง คุณเป็นคนกำหนดเงื่อนไขเองนะคะ ก็คุณไม่ถามฉันก่อนเองนี่นาว่าฉันกับนายแห่งอาชูร่าเคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อนไหม ตอนนี้คุณคงไม่เปลี่ยนใจหรอกใช่ไหม?”
เจียงหลีเฮิ่นเช็ดหยดน้ำบนใบหน้าของตน แววตาร้ายกาจ “เฮอะ ผู้นำไป๋ เธอนี่มันแน่จริงๆ แม้แต่กับฉันเธอยังกล้าหลอกนะ!”
ไม่เสียแรงที่เป็นผู้นำที่โหดที่สุดในบรรดาสามยักษ์ใหญ่ในคุกคนบาป การข่มขู่ด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวนั้น ทำให้คนตกใจกลัว อุณหภูมิในบริเวณใกล้ๆ บ่อน้ำพุร้อนดูเหมือนจะลดลงหลายองศา
เยี่ยหวันหวั่นตัวสั่นเทาด้วยความตกใจ และรีบไปหลบข้างหลังของซือเยี่ยหานโดยไม่รู้ตัว
ซือเยี่ยหานขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาปรายตามองเยี่ยหวันหวั่น จากนั้นสายตาที่คมราวใบมีดก็จับจ้องไปยังเจียงหลีเฮิ่น ที่หลังจากยืนขึ้นก็เผยให้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่า เขาจึงออกคำสั่งทันที “ใส่เสื้อผ้าซะ”
“นายบอกให้ฉันใส่ฉันก็ต้องใส่งั้นเหรอ?” เจียงหลีเฮิ่นกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา สามวินาทีต่อมา เขาก็หยิบผ้าเช็ดตัวที่อยู่ข้างๆ มาพันรอบตัวอย่างเชื่อฟัง
เขาแค่รู้สึกหนาวนิดหน่อยเท่านั้นแหละ!
“แล้วไงอะ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนี่! เยี่ยหวันหวั่นรีบพูดเคลียร์ถึงความสัมพันธ์ในทันที เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ก่อเรื่อง หลังจากพูดจบก็รีบโยนความผิดและรีบขายเจียงหลีเฮิ่นอย่างรวดเร็ว “ฉันก็แค่มาหาหัวหน้าเจียง เพื่อมาถามว่าเขาจะช่วยยกป้ายโรงเรียนของโรงเรียนทหารรับจ้างชื่อเยี่ยนให้ฉันได้ไหม ถ้าหากเขาบอกว่าไม่ให้ก็ไม่ต้องให้สิ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เขาก็หลอกฉัน ไม่สิ หลอกคุณ เขาบอกว่า เขาโคตรอยากเห็นหน้าตาที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ของคุณ ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน เขาบอกฉันว่าถ้าฉันกล้าทำ เขาก็จะยกป้ายโรงเรียนให้…”
ซือเยี่ยหานหันมาถามกลับทันควัน “จริงไหม? อยากเห็นฉันควบคุมตัวเองไม่ได้งั้นเหรอ?”
“ไม่ ฉันเปล่านะ ฉันไม่ได้อยากดู!” เจียงหลีเฮิ่นจ้องไปยังเยี่ยหวันหวั่นที่กำลังฟ้องเขาด้วยสายตาอาฆาตแค้น เขาโกรธจนแทบกระอักเลือด
ให้ตายสิ พนันกันแค่สองคน ยัยบ้านี่ดันแจ้นไปฟ้องผู้ปกครอง เธอเป็นเด็กประถมหรือไง?
เจียงหลีเฮิ่นกัดฟันกรอด แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ “นี่เป็นไปไม่ได้ พวกเธอสองคนไปคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่? อาเย่ นายไม่ได้มีคนที่แอบชอบคนนั้น ที่บริสุทธิ์และใจดี แถมยังแสนเพอร์เฟกต์จนขาดเธอไม่ได้อยู่แล้วทั้งคนเหรอ?”
นายแห่งอาชูร่ามาบวกกับผิงโถวเกอ นี่เป็นคู่จิ้นบ้าบออะไรกัน?
เมื่อได้ยินดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็ตกตะลึงจนตาค้าง
นี่มัน…ข่าวใหญ่เกินไป…
ไม่น้อยไปกว่าสิ่งที่ชิวสุ่ยเปิดเผยเรื่องระหว่างเธอกับจี้ซิวหร่านครั้งก่อนเลยด้วยซ้ำ
ซือเยี่ยหานดันมีคนที่หมายปอง ที่ทั้งแสนเรียบง่ายและจิตใจดีอยู่แล้วเหรอ!!!
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกล่าว “ฉันนี่แหละคนที่เขาแอบชอบ ทั้งบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทั้งจิตใจดีแถมยังเพอร์เฟคอีกต่างหาก!”
ซือเยี่ยหานพูดไม่ออก
เจียงหลีเฮิ่นเกือบจะโกรธจนหัวเราะออกมา “ผู้นำไป๋ ตัวเองมีข่าวโคมลอยอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ อย่าทำตัวเองให้ขายหน้านักเลยนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นหันจ้องเขม็งไปทางซือเยี่ยหานทันที “คุณเก้า คนที่คุณหมายปอง! คนที่บริสุทธิ์ที่แสนดีที่คุณแอบรักคนนั้นไม่ใช่ฉันหรือไงคะ?”
ซือเยี่ยหานมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย จนไม่ได้พูดอะไรไปสักพัก
จนเยี่ยหวันหวั่นจ้องเขาด้วยสายตาอาฆาตแค้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดก็มีเสียงเย็นเยียบดังขึ้นในอากาศ “ใช่”
แม้ว่าจะเป็นแค่คำสั้นๆ แต่กลับทำให้หัวใจของเยี่ยหวันหวั่นเต้นตึกตักอย่างรุนแรง
ว้าว! เป็นเธอจริงๆ ด้วย!
นี่…มันน่าระทึกขวัญไปหน่อยไหม?
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อาจจะเป็นเพราะความคิดจากจิตใต้สำนึก ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าคนคนนั้นก็คือตัวเธอเอง แต่หลังจากที่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากซือเยี่ยหาน เธอก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง
——————————————————————
บทที่ 1990 อันนั้นน่ากลัวจัง
ในหัวใจของซือเยี่ยหาน…ความประทับใจที่เขามีต่อเธอ……มันน่าทึ่งขนาดนี้เลยเหรอ?
ทั้งบริสุทธิ์…ทั้งมีน้ำใจ…ทั้งแสนดี…
เยี่ยหวันหวั่นนับวันยิ่งอยากรู้มากขึ้นจริงๆ ว่าเรื่องราวในอดีตนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ส่วนเจียงหลีเฮิ่นมาถึงจุดที่ไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว “ขอฉันอยู่เงียบๆ คนเดียว…”
“หัวหน้าเจียง คุณอยากอยู่เงียบๆ ก็ได้ค่ะ แต่จ่ายค่าเดิมพันของเราสองคนก่อนได้ไหม?” เยี่ยหวันหวั่นรีบเอ่ยถึงธุรกิจที่ได้ตกลงกันไว้
เจียงหลีเฮิ่นรีบตอบทันควัน “หินก้อนใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มขนาดนั้น เธอจะให้ฉันพกติดตัวหรือยังไง?”
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มจนตาหยี “งั้นต้องรบกวนหัวหน้าเจียงช่วยสั่งคนให้ช่วยเอามาส่งหน่อยนะคะ หัวหน้าเจียงคุณเป็นถึงลูกพี่ใหญ่ของกองกำลังสวรรค์ชัง คงจะไม่โกงก้อนหินของฉันแน่ๆ”
เจียงหลีเฮิ่นพูดไม่ออก หัวใจของเขากำลังหลั่งเลือด!!!
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะมีวันที่ต้องพลาดท่าให้คนอื่นด้วย!
เมื่อได้คะแนนเกียรติยศหนึ่งหมื่นห้าพันแต้มอยู่ในมือ เยี่ยหวันหวั่นก็อารมณ์ดีมากจนแทบจะลอยได้ เธอมองไปที่ซือเยี่ยหานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม “ขอบคุณมากเลยค่ะที่รัก คุณเจ๋งสุดๆไปเลย!”
เจียงหลีเฮิ่นพูดไม่ออก
ฉันต่างหากที่เป็นคนให้ป้ายโรงเรียนกับเธอ!!!
เจ๋งบ้าเจ๋งบออะไร เขาไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดเหอะ?
ทันใดนั้นก้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายของชีซิงที่โทรมาหาเยี่ยหวันหวั่น
“เอ่อคือ ลูกน้องกำลังตามหาฉันอยู่ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
หญิงสาวอาศัยช่วงที่เจียงหลีเฮิ่นยังไม่ทันเปลี่ยนใจ รีบวาร์ปออกมาอย่างรวดเร็ว
เธอยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากรู้ ยังมีอีกหลายสิ่งที่อยากถามซือเยี่ยหาน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีที่ให้พูดคุยได้เลย
……
หลังจากที่เยี่ยหวันหวั่นจากไป เจียงหลีเฮิ่นก็รีบรัวคำถามทันที “บ้าเอ๊ย! เรื่องของนายกับไป๋เฟิงมันยังไงกันแน่เนี่ย?”
ซือเยี่ยหานกวาดตามองเขาเบาๆ “ก็เหมือนกับที่นายเห็นนั่นแหละ”
“เฮอะ…งั้นก็น่าตื่นเต้นนิดหน่อย? เธอไม่ใช่ลูกกระจ๊อกโนเนมของพันธมิตรอู๋เว่ยที่ลักพาตัวนายในตอนนั้นเหรอ ฉันจำได้ว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่น่าสงสาร ถูกพวกพันธมิตรอู๋เว่ยลักพาตัวมาทำงานให้กับพวกเขา ทำไมเธอกลายมาเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยที่ทำแต่เรื่องชั่วร้าย มีแต่เรื่องอื้อฉาวได้ยังไง? เหล่าเซี่ย ฉันไม่ได้จำผิดใช่ไหม?”
เซี่ยเชียนชวนกระแอมไอเบาๆ “ที่ฉันจำได้ก็เป็นแบบนี้แหละ”
เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของซือเยี่ยหานก็หม่นหมองลง ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอย่างลึกซึ้ง อันที่จริงแล้ว หลังจากที่เขารู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นได้กลับมายังรัฐอิสระ และได้กลายเป็นผู้นำของพันธมิตรอู๋เว่ย เขาก็เริ่มสงสัย จนมาจนถึงตอนนี้ ความสงสัยของเขาได้รับการยืนยันแล้ว
เกรงว่าเธอ…จะไม่ใช่พวกเบ๊อันธพาลที่ถูกควบคุมโดยพันธมิตรอู๋เว่ย…แต่เป็น…ผู้นำไป๋เฟิงแห่งพันธมิตรอู๋เว่ย
……
เจียงหลีเฮิ่นคนนี้แม้จะเป็นคนที่น่ารังเกียจมากกับผู้อื่น แต่เวลาจ่ายเดิมพันกลับทำรวดเร็ว ไม่นานนัก เขาก็สั่งคนให้นำป้ายโรงเรียนขนาดใหญ่ไปส่งให้เยี่ยหวันหวั่น
คิดไม่ถึงเลยว่า คะแนนเกียรติยศหนึ่งหมื่นห้าพันแต้มจะมาอยู่ในมือแล้ว
“โอ้ว้าว ลูกรักของฉัน เด็กดีของฉัน คะแนนเกียรติยศของฉัน!”
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังดีใจอยู่นั้นเอง เป่ยโต่วกับชีซิงก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเธอ
“พี่เฟิง ในที่สุดผมหาพี่เจอ! พี่ไปไหนมาเนี่ย?” เป่ยโต่วรีบถามเยี่ยหวันหวั่น
ส่วนสายตาของชีซิง ก็สังเกตุเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเยี่ยหวันหวั่น “นี่คือ?”
“นี่คืออะไรอะ?” เป่ยโต่วจ้องไปยังสิ่งนั้นแล้วดวงตาก็เบิกกว้าง “โห! ป้าย…ป้ายโรงเรียน! นี่ไม่ใช่ป้ายโรงเรียนทหารรับจ้างชื่อเยี่ยนเหรอ? พี่เฟิงพี่ไปเอามาได้ยังไง?”
“สามารถไปเอาสิ่งนี้มาจากมือของลูกพี่ใหญ่แห่งสวรรค์ชังได้ พี่เฟิงพี่นี่มันน่าทึ่งสุดๆ ไปเลย!” เป่ยโต่วกล่าวด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
ชีซิงเองก็แสดงท่าทีว่าตกใจมาก “หัวหน้าของเทียนเฮิ่นคนนั้นไม่ใช่คนที่จะคบได้เลย พี่เฟิง พี่ทำได้ยังไง?”
เยี่ยหวันหวั่นจึงตอบด้วยใบหน้าจริงจัง “เฮ้อ ขั้นตอนนั้นซับซ้อนและอันตราย ฉันเองก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอด!”
…………………………….