บทที่ 888 กระบี่เงินมหากาฬ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 888 กระบี่เงินมหากาฬ

หรือกระบี่มังกรเบิกฟ้าจะเป็นคนของจักรวรรดิต้าเกี๋ยน?

ได้ข่าวว่าผู้คนที่นั่นนิยมตั้งชื่อฉายาของตนเองโดยเอามังกรเป็นหลัก

แต่ถึงขั้นเรียกตัวเองว่ากระบี่มังกร ‘เบิกฟ้า’ แสดงว่าต้องมั่นใจในระดับพลังของตนเองไม่ใช่น้อยกระมัง?

แล้วไหนจะชื่อกลุ่มแชทตัวประหลาดแห่งแผ่นดินตงเต้าอะไรนั่นอีก

ตัวประหลาดหมายความว่าอย่างไร?

หมายความว่าทุกคนที่อยู่ในกลุ่มนี้ไม่ใช่คนปกติอย่างนั้นหรือ?

แล้วจะให้หลินเป่ยเฉินผู้หล่อเหลาสมบูรณ์แบบคนนี้ไปอยู่ในกลุ่มนั้นเนี่ยนะ?

แค่ฟังชื่อกลุ่มก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดีแน่ๆ

หลินเป่ยเฉินจ้องมองข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์ แต่หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย เด็กหนุ่มก็กดยอมรับคำเชิญ

หน้าจอสว่างไสว

รายชื่อผู้ติดต่อของเขาไม่ได้ว่างเปล่าอีกแล้ว

ปรากฏโลโก้ของกลุ่มแชทตัวประหลาดแห่งแผ่นดินตงเต้าขึ้นมาโดดเด่นเป็นสง่า

โลโก้ประจำกลุ่มเป็นสีขาว

ดูราบเรียบธรรมดา

หลินเป่ยเฉินไม่ได้สนใจโลโก้สักเท่าไหร่

เขากดเข้าไปดูในกลุ่มแชท

และพบว่าในกลุ่มมีสมาชิกอยู่เพียงสามคน

หัวหน้ากลุ่มคือกระบี่มังกรเบิกฟ้า

รูปโปรไฟล์เป็นภาพสีขาวว่างเปล่า

ส่วนสมาชิกอีกคนตั้งชื่อไอดีว่า ‘บุรุษเท้าหอม’ …

ใช้รูปโปรไฟล์เป็นภาพสีขาวเช่นกัน

ให้ตายสิ!

นี่มันกลุ่มอะไรกันเนี่ย!!!

หลินเป่ยเฉินอยากจะยกมือขึ้นมานวดขมับตัวเองนัก

เขามองรายละเอียดของกลุ่มแชทกลุ่มนี้และพบเห็นข้อความเพียงหนึ่งประโยคว่า…

‘หากท่านเป็นคนปกติ จงไสหัวออกไป’

หลังจากลังเลอยู่หลายอึดใจ

ในที่สุด

หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจส่งข้อความเข้าไปในกลุ่มว่า…

“มีผู้ใดอยากเห็นหน้าสมาชิกใหม่บ้างไหมขอรับ?”

แต่ไม่มีใครสนใจเขาเลย

กระบี่มังกรเบิกฟ้าและบุรุษเท้าหอมต่างก็ออนไลน์อยู่

แต่ไม่ยอมพูดคุยกับเขา

คงดูถูกกันสินะ

หรือจะเป็นเพราะว่าหลินเป่ยเฉินยังไม่ประหลาดมากพอ?

หลินเป่ยเฉินเปลี่ยนใจและส่งข้อความใหม่ไปอีกครั้งว่า…

“พวกตัวโง่งม หากยังไม่มีใครพูดคุยกับข้า ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม รับรองว่าพวกเจ้าไม่มีใครได้ตายดี”

ทันใดนั้น มีสัญลักษณ์จุดจุดจุดขึ้นบอกว่ากระบี่มังกรเบิกฟ้ากำลังพิมพ์ข้อความ

แล้วข้อความใหม่ก็ถูกส่งมา “ประเสริฐ เจ้านี่ไม่ใช่คนปกติจริงๆ แต่อยู่ในกลุ่มนี้กรุณาระมัดระวังคำพูด มิฉะนั้น ข้าจะลบเจ้าออกไป…”

อ้าว?

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความมึนงง

ผู้คนที่อยู่ในกลุ่มนี้เป็นตัวประหลาดจริงๆ

ก็ไหนบอกว่าถ้าไม่ใช่คนปกติให้ไสหัวออกไป

นี่เขาก็ทำตัวไม่ปกติแล้ว แต่กลับคิดจะไล่กันซะงั้น!

เฮ้อ

ความย้อนแย้งในตัวเองเช่นนี้ทำให้หลินเป่ยเฉินนึกถึงนักเขียนนิยายท่านหนึ่ง ซึ่งเขาเคยติดตามผลงานตอนอยู่ในโลกมนุษย์

หลินเป่ยเฉินรีบไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมอง และเริ่มวิเคราะห์ว่ากระบี่มังกรเบิกฟ้าผู้นี้อาจจะมีตัวตนไม่ธรรมดา

ดังนั้น เขาจึงส่งข้อความถามออกไป “นี่คืออะไร พวกท่านเป็นใคร?”

ปรากฏว่ากระบี่มังกรเบิกฟ้าไม่ตอบคำใดเลย

หึหึ

ดูเหมือนเขาที่เป็นสมาชิกใหม่ คงยังไม่ได้รับการยอมรับจากคนในกลุ่มสินะ

หลินเป่ยเฉินคิดว่าสมาชิกเก่าทั้งสองคนคงกำลังดูถูกเขาอยู่เล็กน้อย

ให้ตายเถอะ

อย่าให้ได้เจอตัวจริงก็แล้วกัน เดี๋ยวพ่อระเบิดสมองกระจุยทั้งคู่เลย!!

หลินเป่ยเฉินคิดอยู่ในใจด้วยความแค้น ก่อนจะกดเข้าไปที่โปรไฟล์ของตนเองเพื่อแก้ไขข้อมูลส่วนตัว

เขาอยากจะเปลี่ยนชื่อของตนเองในกลุ่มเป็น ‘เซียนกระบี่รชตะ’ แต่เมื่อคิดทบทวนดูอีกที เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่ามันอาจจะทำให้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยออกมา ซึ่งนั่นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

อีกอย่าง แอป QQ สามารถทำอะไรได้บ้าง หลินเป่ยเฉินก็ยังไม่รู้

เพราะฉะนั้น ถ้าเล่นโซเชียลมีเดียอย่างไม่ระมัดระวัง ก็อาจทำให้ตัวเองเดือดร้อนได้ในภายหลัง

ในฐานะที่เล่นอินเทอร์เน็ตมายาวนานหลายปี หลินเป่ยเฉินเข้าใจถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเปลี่ยนชื่อของตนเองเป็น ‘กระบี่เงินมหากาฬ’

หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของตนเองซึ่งเดิมทีเป็นรูปภาพสีขาว มาเป็นภาพถ่ายด้านข้างของเซียวปิง ผู้กำลังรับประทานอาหารดื่มสุราด้วยความตะกละตะกลาม

รูปถ่ายนี้ทำให้เซียวปิงดูเป็นตัวชั่วร้ายที่สุด

เด็กหนุ่มร่างอ้วน มือหนึ่งถือน่องไก่ อีกมือหนึ่งถือถ้วยสุรา แสงอาทิตย์สีทองส่องลอดผ่านหน้าต่างมาทาบทับบนใบหน้า เผยให้เห็นชั้นไขมันอวบอ้วน ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ น้ำลายไหลออกมาจากริมฝีปาก ไม่มีรูปภาพโปรไฟล์รูปไหนจะเหมาะสมกับกลุ่ม ‘ตัวประหลาด’ มากไปกว่านี้อีกแล้ว

เซียวปิงที่อยู่ในรูปถ่ายคล้ายกับสามารถรับประทานได้ทุกอย่างที่อยู่ในโลกใบนี้

หรือสามารถแปลเป็นความหมายได้ง่ายๆ ว่า หากเจ้ามีปัญหากับข้า ข้าก็จะรับประทานเจ้าซะ!!!

สามารถอธิบายได้ในคำเดียวว่า…

คนวิกลจริต!

สามารถอธิบายได้ในสองคำว่า

คนวิกลจริตและวิปริต!!

สามารถอธิบายได้ในสามคำว่า…

คนวิกลจริตและวิปริตอย่างไร้ที่สิ้นสุด!!!

หลังจากตั้งรูปโปรไฟล์เรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็มองดูด้วยความภาคภูมิใจ

ยอดเยี่ยมเหลือเกิน

เซียวปิงเป็นน้องร่วมสาบานที่ประเสริฐมาก

ทุกครั้งที่เขามีปัญหา ก็ได้เซียวปิงนี่แหละคอยช่วยเหลือ

จากนั้น หลินเป่ยเฉินก็เขียนข้อความระบุรายละเอียดเกี่ยวกับตนเองว่า…

‘ตัวข้ามิได้สูงส่ง แต่เป็นพวกท่านเองต่ำต้อยมากเกินไป’

นี่แหละประโยคเด็ด

หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาด้วยความพอใจ

ในเมื่อกลุ่มแชทกลุ่มนี้ต้องการสมาชิกที่เป็นตัวประหลาดและไม่ใช่คนปกติ

ดูซิว่าเขาทำถึงขนาดนี้ กระบี่มังกรเบิกฟ้าจะว่าอย่างไรบ้าง?

ทันใดนั้น รถม้ากลับหยุดลง

“ถึงที่หมายแล้วขอรับ นายท่าน”

เสียงของคนขับรถม้าดังขึ้นจากด้านนอก

หลินเป่ยเฉินก้าวลงจากรถม้า จ่ายเงินพิเศษให้แก่คนขับอีกหนึ่งเหรียญทองคำ ก่อนจะเดินเข้าสู่ถนนอู่ถงภายใต้การจ้องมองอย่างมีความสุขจากคนขับรถม้า

เขาไม่ได้ให้รถม้าไปส่งที่จวนซางจั้วหยวนโดยตรง

เพราะไม่อยากจะให้ตัวตนที่แท้จริงของกู่เทียนเล่อถูกเปิดเผยออกมา

เด็กหนุ่มเดินไปตามถนนอู่ถงและพบว่าโรงเตี๊ยมแห่งนั้นยังคงเปิดอยู่

หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปสั่งสุราหมักสิบไหมาเก็บเอาไว้ในแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ จากนั้นจึงทำตัวเหมือนเป็นหัวขโมย เตรียมปีนกำแพงเข้าสู่จวนที่พักของตนเองทางด้านหลัง แต่เพียงกระโดดข้ามขอบกำแพงเข้าไปเท่านั้น ร่างของเขาก็กระเด็นกลับออกมา เนื่องจากจวนซางจั้วหยวนมีการสร้างม่านพลังป้องกันผู้บุกรุกอย่างแน่นหนา

หลังจากนั้น เขาก็ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนหวีดร้อง และมีแสงสว่างไสวเปล่งประกายออกมาจากม่านพลัง

ก่อนจะได้ยินเสียงเซียวปิงร้องตะโกนด้วยความตกใจว่า “มีผู้บุกรุก…”

เดี๋ยวก่อนนะ?

ดึกดื่นป่านนี้ เซียวปิงยังทำอะไรอยู่อีกเนี่ย?

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วนิ่วหน้า

สุดท้ายก็ต้องล่าถอยออกมาและเดินกลับเข้าสู่จวนที่พักทางประตูหน้าตามเดิม

ผ่านไปหลายอึดใจ จวนซางจั้วหยวนกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

เซียวปิงยังคงไม่ได้นอนหลับพักผ่อน

หลินเป่ยเฉินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าภายใต้การดูแลจากสองสาวรับใช้ เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว เขาก็กลับเข้าสู่ห้องนอนที่แสนอบอุ่นของตนเอง

บางทีอาจเป็นเพราะระดับพลังที่เพิ่มมากขึ้น แม้ผ่านการต่อสู้มาอย่างหนักหน่วง แต่หลินเป่ยเฉินนอกจากจะไม่อ่อนเพลียแล้วเขายังรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอีกด้วย

เขานำโทรศัพท์มือถือออกมาดูด้วยความตื่นเต้น และพยายามวางแผนว่าตนเองสมควรฝึกวิชาอะไรบ้าง

“ตอนนี้ที่ต้องเน้นเลยก็คือการฝึกพลังจิต เพราะพลังลมปราณของเราอยู่ในเกณฑ์ที่พอดีแล้ว”

หลินเป่ยเฉินนำแผ่นหินแผนภูมิจิตจำแลงของเกาเฉิงฮั่นออกมาสแกนด้วยโทรศัพท์มือถือ

หลังจากนั้น เขาก็สร้างมันเป็นแอปพลิเคชัน

ต้องใช้อัตราการโอนถ่ายข้อมูลถึง 5 GB

เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อย

หลินเป่ยเฉินก็กดใช้งาน

การฝึกพลังจิตดำเนินไป

ต่อมา เด็กหนุ่มเปิดเข้าไปในแอปเจิ้นอ้ายหว่างและอัปโหลดรูปภาพของเสี่ยวเอ้อร์ เสี่ยวซาน และเสี่ยวฮัว จากนั้นจึงส่งข้อความส่วนตัวไปหาธิดาอู๋ไห่จือตี้เพื่ออธิบายเหตุผลที่เขาขาดการติดต่อไปในช่วงที่ผ่านมา

แต่ดูเหมือนธิดาอู๋ไห่จือตี้จะไม่ได้ออนไลน์ เพราะนางไม่ตอบข้อความกลับมาเลย

หลินเป่ยเฉินปิดแอปเจิ้นอ้ายหว่าง

ราตรีนี้ยังคงอีกยาวไกล

หลินเป่ยเฉินนอนเล่นโทรศัพท์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าขณะนี้การแชร์สัญญาณไวไฟสามารถกลับมาใช้งานได้แล้ว

ตราบใดที่เขาแชร์สัญญาณให้กับผู้ติดตามคนอื่นๆ สมมุติแชร์สัญญาณให้แก่สองสาวรับใช้ พวกนางก็จะมีพลังเพิ่มขึ้นมาและเป็นเสมือนผู้มีพลังระดับเซียนด้วยเช่นกันใช่หรือไม่?

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าประเสริฐ

หากเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ พวกเขาก็สามารถฆ่าล้างบางจักรวรรดิจี้กวงได้เลยด้วยซ้ำ

อุ๊วะฮ่าฮ่าฮ่า

เขานี่มันอัจฉริยะจริงๆ

หลินเป่ยเฉินกดค้นหารายชื่อตัวรับสัญญาณไวฟายโดยไม่รอช้า

รายชื่อของผู้คนจำนวนมากปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

นำโดยเฉียนเหมย เฉียนเจิน เซียวปิงและคนอื่นๆ

แต่จังหวะที่จะกดเชื่อมต่อกับเฉียนเหมยนั้น เด็กหนุ่มก็นึกอะไรขึ้นมาได้

จริงด้วยสิ

เขาจะเชื่อมต่อส่งเดชไม่ได้เด็ดขาด

พลังลมปราณจากผู้มีพลังระดับเซียนนั้นรุนแรงมากแค่ไหน?

หากเชื่อมต่อแล้ว ร่างกายของเฉียนเหมยไม่สามารถรองรับพลังเหล่านั้นได้จะเกิดอะไรขึ้น?

หลินเป่ยเฉินต้องหาคำตอบของเรื่องนี้ให้ได้ก่อน

มิฉะนั้น อาจมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นก็เป็นได้