ส่วนที่ 5 สมรภูมิดอกไม้เหลือง ตอนที่ 117 เสียงร้องของนกยูง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ความดำมืดมาถึง ร่วงลงเหนือศีรษะเฉินฉางเซิง

ประกายกระบี่นับไม่ถ้วนส่องแสง บินไปมาในความมืดราวกับพยายามที่จะตัดทุกสิ่งให้เป็นเสี่ยงๆ

ไม่มีใครรู้ว่าความมืดถูกตัดหรือประกายกระบี่จะดับไปก่อน หรือบางทีอาจไม่มีใครจะได้รู้

เพราะแรงระเบิดอันรุนแรงและน่าตกใจเกิดขึ้นในซากปรักหักพังของลานบ้านอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย!

มันเหมือนกับดวงดาวในหมู่ดาวตอนเหนือสุดได้เปลี่ยนเป็นดาวตกจริงๆ

มันเหมือนกับดาวตกได้เลือกที่จะตกมาตรงนี้

มันตกลงที่ตรงนี้พอดี

แผ่นดินไหว โคลนและน้ำแข็งลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงสีเขียวกะพริบอยู่ระหว่างพวกมันราวกับสายฟ้าแลบ

รอยกระบี่ที่ทั้งตรงทั้งชัดเจนสองสายปรากฏขึ้นในความมืด หนึ่งแนวนอน หนึ่งแนวตั้ง พวกมันกลายเป็นกากบาทที่เริ่มจางลงช้าๆ

แรงระเบิดและรอยกระบี่ทั้งสองมาจากหนานเค่อ

นางยืนอยู่ใต้ต้นหลิวที่เสียหายยับเยิน มือทั้งสองข้างถือกระบี่กางเขนใต้ที่ยาวอย่างเหลวไหล ดวงตาจับจ้องไปที่ราชามารที่อยู่ใกล้ๆ

เลือดไหลออกมาจากมุมปากของนาง ร่างเล็กๆ ปกคลุมไปด้วยลวดลายน่ากลัวจากการกัดกร่อนของปราณมาร นางได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างเห็นได้ชัด

ใบหน้าราชามารซีดขาวและรอยแผลน่าขนลุกที่หน้าท้องลึกลงกว่าเดิม แสงสีเขียวเข้มกะพริบอยู่ภายใน

เขาก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน เขาถูกพิษที่มีชื่อว่าขนนกยูง

ไม่มีใครคาดคิดว่าหนานเค่อจะพลันโจมตี ยิ่งไม่คิดว่าจะโจมตีราชามาร

เฉินฉางเซิงก็ไม่คาดคิดเรื่องนี้ นางไม่ใช่ผู้ช่วยที่เขาคิดเอาไว้

ราชามารจ้องไปที่ดวงตาของหนานเค่อ เสียงแหบแห้งเล็กน้อยไม่อาจปิดบังความตกใจและความโมโห “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ”

สองปีที่ผ่านมาหนานเค่อติดตามบิดาตลอดเวลาที่หลบหนี จากแง่มุมนี้นางกับราชามารหนุ่มย่อมต้องเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ อย่างไรก็ตาม เผ่ามารเป็นเผ่าที่ให้ความสำคัญกับการเคารพผู้แข็งแกร่ง คืนนี้อดีตราชามารได้เสียชีวิตและยอมรับสถานะของราชามารคนปัจจุบันก่อนที่จะตาย สถานการณ์ยุติแล้ว ในฐานะสมาชิกเผ่ามาร โดยเฉพาะสมาชิกราชวงศ์ นางย่อมไม่มีเหตุผลที่จะต่อต้านราชามาร ต้องไม่ลืมว่าราชามารเป็นพี่ชายของนางและชุดดำก็เป็นอาจารย์ของนาง

ราชามารสะกดอารมณ์และกล่าวกับนาง “ในบรรดาพี่สาวน้องสาว ข้ารักเจ้ามากที่สุด เจ้าควรรู้ว่าหลังเหตุวุ่นวายในเมืองเสวี่ยเหล่า พี่สาวน้องสาวทั้งหมดต่างก็มีชีวิตอยู่ ข้าไม่ได้ฆ่าพวกเขา ดังนั้นข้าย่อมไม่ทำร้ายเจ้าเช่นกัน แต่…ทำไมเจ้าต้องยืนกรานต่อต้านข้าด้วย”

สีหน้าหนานเค่อยังคงแข็งกระด้าง ราวกับว่านางไม่ได้เป็นคนลงมือเมื่อครู่นี้ แต่เมื่อนางพูดมันก็เหมือนกับหิมะที่ตกในเมืองเสวี่ยเหล่า ทั้งเย็นเยียบทั้งรุนแรง

“พี่สาวข้ายังมีชีวิต แต่พี่ชายทั้งหลายล้วนถูกท่านฆ่าตาย ในสายตาของท่าน มันเป็นความเมตตา เป็นความรักของครอบครัว แต่ในสายตาของข้า มันเป็นการดูถูกและเวทนา สายตาของท่าน พวกเราเหล่าสตรีล้วนอ่อนแอไม่อาจเป็นภัยต่อบัลลังก์ของท่านได้”

“นี่เป็นสิ่งที่ข้าเกลียดที่สุด”

หนานเค่อกล่าวกับราชามาร แต่นางก็พูดกับบิดาที่อยู่บนพื้น นางมองไปที่ศพที่กลายเป็นผลึกแก้วที่บิดานางทิ้งไว้และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อน “ท่านพ่อ กลายเป็นว่าท่านไม่เคยคิดที่จะให้ข้าเป็นผู้นำเผ่ามารเลยแม้แต่ครั้งเดียว”

ระยะห่างระหว่างดวงตาของนางกว้างอยู่บ้าง การแสดงออกทางแววตาจึงดูทึมทึบ แต่นางก็ยังแสดงถึงอารมณ์ที่ซับซ้อนอย่างยิ่งได้ มันเป็นเพราะน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย ริมฝีปากที่สั่นเทา บางทีอาจเป็นเพราะใจมารของนางก็สั่นไหวเล็กน้อยเช่นกัน

“ตอนที่ข้ายังเยาว์ ข้าแสดงเลือดของนกยูงออกมา ทำให้ท่านยินดีอย่างมาก นำข้าไปงานเลี้ยงทุกงาน จากนั้นเมื่อสวีโหย่วหรงแสดงพรสวรรค์ที่เหนือกว่าข้าออกมา ท่านก็เลิกชอบข้า ข้ารู้สึกมาเสมอว่าท่านเตรียมที่จะเลี้ยงข้าขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดของท่าน ให้ข้ากลายเป็นผู้นำในอนาคตของเผ่ามาร แต่ก็ตระหนักว่าข้าอ่อนแอเกินกว่าที่จะรับความรับผิดชอบได้ จึงรู้สึกผิดหวัง”

หนานเค่อมองไปที่ราชามารผู้ล่วงลับและกล่าวต่อ “ข้าไม่ต้องการให้ท่านผิดหวัง ดังนั้นข้าจึงฝึกฝนอย่างหนักให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น หลังจากผ่านการทดสอบนับไม่ถ้วน ข้าก็สามารถที่จะกราบกุนซือเป็นอาจารย์ ข้าเข้าสู่สวนโจวด้วยความตั้งใจที่จะฆ่าสวีโหย่วหรง ข้าทำหลายสิ่งหลายอย่าง…แม้แต่ตอนที่อาจารย์กับคนอื่นทรยศต่อท่าน ข้าก็ไม่ยอมทิ้งท่าน ข้าเสียงที่จะทำลายร่างกายและวิญญาณตัวเอง ทนความเจ็บปวดที่ยากจะจินตนาการได้ เพื่อช่วยท่านออกมาจากเหวนรก ข้าเชื่อว่าทำเช่นนี้ข้าจะสามารถพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและความภักดีที่มีต่อท่านได้ ทำเช่นนี้ท่านจะกลับมาชอบข้าอีกครั้ง เห็นคุณค่าของข้าอีกครั้ง แต่ในที่สุดแล้ว…”

นางเงยหน้าขึ้นมองดาวหม่นมัวทางเหนือ สีหน้าเรียบเฉย “ในท้ายที่สุด ท่านก็ยังไม่ยินยอมที่จะมองข้าด้วยซ้ำ”

คืนนี้เอง ตอนนี้เองที่ราชามารหนุ่มได้รู้ว่าน้องสาวของตนมีความคิดเช่นนี้ แม้นางจะมีเลือดนกยูง แม้ว่านางจะมีพรสวรรค์โดดเด่น มีจิตต่อสู้ที่ยากจะพบเห็นได้ในอาณาเขตหิมะ แม้ว่านางจะมีความฉลาดอย่างยิ่งขัดกับรูปลักษณ์ทึมทึบ…

“สุดท้ายแล้วเจ้าก็ยังเป็นสตรี” ราชามารพูดอย่างใจร้าย

เขาเชื่อว่านี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่บิดาเขาไม่เคยคิดที่จะให้หนานเค่อสืบทอดบัลลังก์

“ใครบอกว่าสตรีเป็นราชามารไม่ได้”

หนานเค่อดึงสายตากลับ จ้องมองไปที่ดวงตาของราชามารอีกครั้ง

สายตาของนางยังคงทึมทึบ แต่ก็ยังมีความร้อนแรงแผดเผาอยู่ในแววตา ราวกับว่ามีไฟลุกไหม้อยู่ในส่วนลึก

“เทียนไห่ไม่ใช่สตรีหรือไง เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าเจ้าจะทำได้มากกว่านางในอนาคต”

ไม่มีใครสามารถตอบคำถามนี้ได้

ราชามารก็พบว่าตัวเองไร้ความสามารถที่จะพูดสิ่งที่ขัดกับความเชื่อของตนเอง

หนานเค่อกล่าวต่อ “เมื่อสตรีก็มีความสามารถเช่นกัน ทำไมอาจารย์ถึงเลือกท่าน ทำไมท่านพ่อถึงเลือกท่าน”

ราชามารมองไปที่เงาร่างของนางเป็นเวลานานจากนั้นก็ยิ้ม

“เพราะข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า เผ่าศักดิ์สิทธิ์ของข้าให้ความเคารพต่อผู้แข็งแกร่ง ดังนั้นอาจารย์กับพระบิดาจึงเลือกข้า”

หนานเค่อมองไปที่ดวงตาของเขา น้ำเสียงแปลกประหลาดอยู่บ้าง “หากข้าฆ่าเจ้า ข้าก็ย่อมพิสูจน์ได้ว่าข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า”

ราชามารตอบด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “เจ้าจะตาย ต่อให้เจ้าเอาชนะได้หนึ่งหรือสองกระบวนท่าเพราะโชคช่วย เจ้าจะพิสูจน์ตัวเองกับใครได้”

“แม้ว่าเขาจะไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไป ข้าก็ยังต้องการจะลองดู”

กระบี่กางเขนใต้ในมือหนานเค่อแทงตรงไปเหมือนกับทวนสองเล่มแทงผ่านความมืด

เสียงหวีดหวิวของสายลมกลืนกินเสียงสนทนาทั้งหมดในทันที เมื่อแสงสีเขียวซึ่งเป็นตัวแทนของปีกนางทอดผ่านความมืด

ความมืดมิดเปี่ยมไปด้วยปราณมารเข้มข้นและแสงดาวที่ถูกกรีดเปิดด้วยกระบี่กางเขนใต้ถล่มใส่หุบเขาอย่างต่อเนื่อง

ในระยะเวลาอันสั้น ราชามารกับหนานเค่อแลกเปลี่ยนกันหลายสิบกระบวนท่า จากนั้นก็แยกออก

ราชามารยังคงยืนอยู่ เลือดสีทองอาบอยู่บนหน้าอก แต่เขาไม่ได้โซเซ ดูเหมือนยังเปี่ยมไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่

หนานเค่อตกอยู่ในรอยแยกของพื้นทะเลสาบ ใช้มือหนึ่งยันกายขึ้นจากพื้น ยืนขึ้นอย่างยากลำบากยิ่ง

ราชามารชนะอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่มีความภาคภูมิบนใบหน้าเขา ในทางกลับกัน เขาดูเคร่งเครียดอย่างมาก

“ดวงจิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าได้ตื่นขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้ว…ไม่แปลกเลยที่เจ้าสามารถออกมาจากเหวนรกได้”

หนานเค่อไม่ได้ตอบ ได้แต่มองไปที่เลือดสีทองที่ไหลออกมาจากร่างของเขา

ในการประมือครั้งนี้ นางได้รับบาดเจ็บสาหัส ปีกขวาของนางมีรอยฉีกขาดเกิดขึ้น

จากรอยฉีกขาดนี้ เสียงร้องไห้น่าเศร้าดังออกมา