ตอนที่ 1078 มีผู้บอกความลับ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เฟิงอวิ๋นซิวกินยานั้นเข้าไปโดยไม่กล่าวอะไรสักคำ จากนั้นก็หันไปกล่าวกับมู่เฉียนซี “ขอบคุณ เฉียนซี”

มู่เฉียนซีกล่าว “ยาเม็ดนี้ข้ามอบให้ซวนอี หากเจ้าต้องการที่จะขอบคุณก็ขอบคุณซวนอีก็พอแล้ว”

เมื่อซวนอีเห็นผู้เป็นนายของตนกินยานั้นเข้าไปแล้ว เขาเองก็กินยาอีกเม็ดเข้าไปได้อย่างสบายใจ

จากนั้นก็ได้มอบให้แก่เหล่าองครักษ์ซวนผู้อื่น ๆ หลังจากที่แบ่งยาให้แก่องครักษ์ซวนแล้วก็ไม่มีส่วนที่เหลือให้ผู้อื่นอีก

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ซวนอี ปกติแล้วเจ้าจะมีเหตุผลนัก แต่ทว่าตอนนี้มันกลับดูไม่เข้าท่า”

หลังจากที่เฟิงอวิ๋นซิวและเหล่าองครักษ์ซวนได้กินยาเม็ดเข้าไปแล้ว สีหน้าของพวกเขาก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน แม้แต่การโคจรของพลังวิญญาณก็ลื่นไหลขึ้นมาไม่น้อย และแน่นอนว่าคนอื่น ๆ นั้นก็ได้เห็นเข้าแล้ว

มู่เฉียนซีได้นำยาเม็ดออกมาอีกขวดแล้วกล่าว “ท่านผู้อาวุโสสูงสุดอย่าได้ร้อนรนไป ยาเม็ดขวดนี้เป็นของท่านทั้งหมด”

นางนั้นได้พบหน้ากับผู้อาวุโสสูงสุดผู้นี้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่ก็สามารถมั่นใจได้ว่าผู้อาวุโสผู้นี้นั้นอยู่ข้างเดียวกับเฟิงอวิ๋นซิว

ผู้อาวุโสสูงสุดรับยาเม็ดนั้นไปด้วยอาการยิ้มตาหยีแล้วกล่าว “เจ้าเด็กสาวผู้นี้ดียิ่งนัก”

ผู้อาวุโสสูงสุดรับยาเม็ดนั้นมา หลังจากที่ตนเองได้กินไปแล้วก็มิได้ส่งมอบให้ผู้ใด ทำให้ผู้อาวุโสผู้อื่น ๆ มองเขาอย่างกระหายอยากได้ออกมา

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “มองข้าทำไม? พวกเจ้าแน่จริงก็ไปขอยาเอง”

เมื่อถึงตอนเมื่อครู่นี้ที่พวกเขาได้ไปกล่าวเสียดสีเด็กสาวผู้นั้น มาตอนนี้จะให้เอ่ยปากขอได้อย่างไร

พวกเขานั้นอยากที่จะกล่าวออกมาแต่ก็ได้หยุดชะงักไปและยังคงไม่อาจที่จะเสียหน้าได้อยู่เช่นเดิม จึงทำได้แต่เพียงโคจรพลังวิญญาณขึ้นมา นักปรุงยาเหล่านั้นที่กินยาของตำหนักโอสถก็ได้แต่ฝืนทนต่อไป

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “รีบเดินทางต่อเถอะอย่าได้เสียเวลาอยู่เลย ยิ่งไปถึงสำนักหุ่นปีศาจเร็วเท่าไรก็ยิ่งสามารถโจมตีพวกมันให้ไม่อาจรับมือได้ทันมากเท่านั้น”

เฟิงอวิ๋นซิวมิได้สนใจในสถานการณ์ร่างกายของพวกนักปรุงยาว่าเป็นเช่นไร เขาสนก็แต่การที่จะรีบเดินทางต่อ

ในช่วงส่วนกลางนั้นพวกเขายังสามารถที่จะฝืนทนเอาไว้ได้

แต่พอเมื่อมาถึงส่วนในแล้วก็ต้องเผชิญกับอากาศพิษที่เข้มข้นเช่นนี้ สีหน้าของคนจำนวนไม่น้อยเริ่มเป็นสีดำ แม้แต่จะหายใจก็ยังลำบาก

“นายน้อยอวิ๋นซิว พวกเรานั้นมาช่วยท่านทำภารกิจให้สำเร็จ ท่านจะไม่สนความเป็นความตายของพวกเราไม่ได้!”

“นายน้อยอวิ๋นซิว พวกเราต้องการยาแก้พิษ!”

“……”

พวกเขาแต่ละคนมองไปที่เฟิงอวิ๋นซิว

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ข้าเองก็อับจนหนทาง ข้าไม่ใช่นักปรุงยา ในมือข้าก็ไม่มียาเม็ดสำหรับป้องกันอากาศพิษเหลือเลย”

“นายน้อย ท่านมีความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนั้นกับแม่นางมู่ นางเห็นแก่หน้าของท่าน นางจะต้องมอบยาแก้พิษให้อย่างแน่นอน”

“ใช่แล้ว! นายน้อย”

“……”

ภายใต้การขอร้องที่ขมขื่นของพวกเขา มู่เฉียนซีก็ได้ให้พวกซวนอีไปเก็บรวบรวมสมุนไพรวิญญาณ

ด้วยเห็นแก่ที่มู่เฉียนซีให้ความช่วยเหลือ แน่นอนว่าซวนอีจึงได้ทำตามที่นางขอ

เขาพึมพำกับตนเอง เด็กสาวผู้นี้ช่างน่ารังเกียจเช่นเดียวกันกับมู่หรงเฉียนเยี่ยนั่นจริง ๆ

รูปลักษณ์ภายนอกของทั้งสองนั้นต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่ซวนอีกลับรู้สึกว่านิสัยประหลาดของทั้งสองนั้นคล้ายคลึงกันราวเป็นคนคนเดียวกันก็มิปาน

ความรู้สึกเช่นนี้ของเขานั้นรุนแรงกว่าของเฟิงอวิ๋นซิวเสียอีก

เมื่อซวนอีหาพบแล้วก็ได้กล่าวกับมู่เฉียนซี “ครานี้แม่นางมู่คงมิได้มาโดยบังเอิญหรอกกระมัง?”

“เจ้าสงสัยว่าข้ามีแผนการแอบแฝงอยู่?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วถาม

“ไม่ ข้าสงสัยว่าเจ้าตั้งใจมาเพื่อที่จะช่วยนายท่าน เจ้ารู้จักกับเจ้าเด็กมู่หรงเฉียนเยี่ยนั่น”

หากมิใช่เพราะทั้งสองมีรูปลักษณ์ที่ต่างกันเป็นอย่างมาก ซวนอีก็คงจะได้สงสัยว่ามู่หรงเฉียนเยี่ยนั้นเป็นฝาแฝดกับมู่เฉียนซีเสียแล้ว

เห็นได้ชัดเลยว่าหลังจากที่นายท่านได้พบนางแล้ว ความสามารถในการคิดอ่านนั้นก็ไม่สู้เมื่อก่อนหน้านี้ แต่กับมู่หรงเฉียนเยี่ยกลับไม่เป็นเช่นนั้น!

มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ใช่แล้ว! องครักษ์บางคนแบกผู้เป็นนายเอาไว้และทำในเรื่องให้ผู้เป็นนายเป็นสุข แม้ว่าจะเพื่อความปลอดภัยของผู้เป็นนาย แต่ถ้าหากเจ้าให้นายของเจ้ารู้เข้าละก็ เกรงว่าคงจะจบสิ้นเป็นแน่”

ซวนอีตะลึงค้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจในสิ่งที่เจ้าหนุ่มมู่หรงเฉียนเยี่ยกล่าวเสียทีว่าที่เขาบอกให้ทำเป็นไม่เคยพบเห็นมาก่อนนั้นหมายความว่าเช่นไร

มิใช่ว่าเจ้าเด็กนั่นไม่ช่วยเหลือ หากแต่ไม่สามารถลงมือได้ต่างหาก หากทันทีที่เขาลงมือนายท่านจะต้องสงสัยตัวเขาแน่

ซวนอีกล่าว “เจ้าเด็กนั่น”

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “ทำไมเล่า? ยังโกรธอยู่?”

“เปล่า ที่จริงแล้วการที่นายน้อยคาดโทษข้า ข้านั้นไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย เขาไม่จำเป็นที่จะต้องมาคิดคำนึงถึงองครักษ์ตัวน้อย ๆ ผู้หนึ่งเช่นข้า”

มู่เฉียนซีกล่าว “ใครว่าเพื่อเจ้าเล่า ถ้าหากว่าเขามาที่นี่อย่างโจ่งแจ้ง ปรมาจารย์จางและไป๋อู๋ห่ายจะต้องทำให้เขาตายอยู่ที่เทือกเขาเมฆามืดอย่างไม่เกี่ยงวิธีการเป็นแน่ สถานการณ์ของนายน้อยของเจ้าจะยิ่งอันตรายขึ้นไปอีก”

ทางด้านคนเหล่านั้นขอร้องเฟิงอวิ๋นซิวแต่ก็ไร้ผล จึงทำได้เพียงมองไปที่เฟิงอวิ๋นซิวด้วยสายตาที่กล่าวโทษ

นักปรุงยาของตำหนักโอสถเองก็ไม่สามารถจะฝืนทนต่อไปได้ไหวแล้ว “พวกเราไม่ได้มาเพื่อตาย ข้าจะกลับไป!”

“พวกเราก็จะกลับด้วย ในเมื่อข้างกายนายน้อยอวิ๋นซิวมีนักปรุงยาอยู่แล้วผู้หนึ่ง เช่นนั้นก็คงไม่ต้องการพวกเราแล้ว”

“……”

อากาศพิษที่น่ากลัวนั้นทำให้พวกเขามีความคิดที่จะถอยกลับ

แต่ยังไม่ทันรอให้พวกเขาออกไปจากเทือกเขาเมฆามืดก็ได้มีกลิ่นอายอันแข็งแกร่งหลายกลิ่นอายมุ่งดิ่งเข้ามาใกล้

ทันใดนั้นพื้นที่โดยรอบก็ได้ถูกล้อมเอาไว้

ทุกคนได้ต่างระแวดระวังขึ้นมา แล้วก็ได้มีบุรุษชุดดำเดินถือพัดสีดำออกมาจากอากาศพิษอันดำทะมึน

เขามีร่างกายที่สูง ในมือนั้นยังถือพัดเอาไว้เล่มหนึ่ง ทันทีที่เขาพัดก็ทำให้อากาศพิษที่อยู่รอบด้านนั้นแหวกออกไปเบา ๆ

เขายิ้มตาหยีและมองไปยังเฟิงอวิ๋นซิวที่งดงามอย่างน่าทึ่ง เขาค่อย ๆ เอ่ยขึ้น “นึกไม่ถึงเลยว่านายน้อยอวิ๋นซิวจะมาเยี่ยมเยือนสำนักหุ่นปีศาจของพวกเรา ขออภัยจริง ๆ ที่มิได้ออกมาต้อนรับแต่แรก”

ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเจ้าบ้านที่อบอุ่นผู้หนึ่งที่มาต้อนรับแขกผู้ทรงเกรียติ แต่ทว่าความเยือกเย็นในดวงตาของเขากลับทำให้พวกเขารู้ว่าเจ้าหมอนี่ไม่ได้มาดี

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างใจเย็น “ในเมื่อเจ้ารู้จักสถานะตัวตนของข้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ควรที่จะบอกกล่าวชื่อของเจ้ามาใช่หรือไม่?”

โดยปกติแล้วคนของสำนักหุ่นปีศาจจะไม่ออกมาด้านนอก แต่การที่พวกเขาพบกันกลางทางนั้นจะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน หากแต่มีผู้ไปบอกความลับ!

สายตาของมู่เฉียนซีฉายแววอันเย็นวาบออกมา ดูทีแล้วไป๋อู๋ห่ายคิดจะให้ทั้งสองฝ่ายตีกันเองแล้วตนเองคอยรับผลประโยชน์

“ข้าคือรองเจ้าสำนักหุ่นปีศาจ นามว่าโหวหมิง ถึงแม้ว่าจะอยู่ในเทือกเขาเมฆามืด แต่ข้าก็ยังรู้จักชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของนายน้อยอวิ๋นซิวเป็นอย่างดี นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาที่สำนักหุ่นปีศาจของเรา เช่นนั้นแล้วก็เป็นเกีรยติของพวกเราอย่างแน่นอน”

สายตาของเขามองเฟิงอวิ๋นซิวตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณา ในสายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความยิ้มแย้มแต่มิได้เป็นมิตรแต่อย่างใด

มันราวกับเขากำลังพิจารณาสิ่งของอันงดงามชิ้นหนึ่งก็มิปาน!

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างเย็นชา “รองเจ้าสำนัก เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่เพียงมาฝึกฝนในเทือกเขาเมฆามืดก็เท่านั้นเอง มิได้คิดที่จะไปเยี่ยมเยือนสำนักหุ่นปีศาจแต่อย่างใด”

“เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?” โหวหมิงกล่าวถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“ในเมื่อบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ทำไมเจ้าถึงจะต้องให้ข้าไปที่สำนักหุ่นปีศาจให้ได้เล่า?”

มู่เฉียนซีทนไม่ไหวกับเจ้าหมอนี่ที่ว่ากล่าวอย่างไม่จริงใจ นางจึงได้เอ่ยขึ้น

“รึว่า…มีคนบอกกับเจ้า? เป็นใครกันเล่า? นำตัวออกมาเถอะ!”

บัดนี้โหวหมิงที่จดจ่ออยู่กับเฟิงอวิ๋นซิวมาโดยตลอดได้รู้สึกถึงการมีอยู่ของมู่เฉียนซีที่ข้างกายของเขา

สาวน้อยใจชุดสีม่วงผู้นี้ งดงามเหมือนดั่งเฟิงอวิ๋นซิวหรือไม่ก็ถึงขั้นที่งดงามยิ่งกว่า

แต่แค่ไม่อาจรู้ได้ถึงพรสวรรค์ของนางว่าจะเหมือนกันหรือไม่

สายตาของโหวหมิงทำให้เฟิงอวิ๋นซิวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เฟิงอวิ๋นซิวยืนกันที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซีเอาไว้แล้วกล่าว “รองเจ้าสำนัก หากเจ้าไม่มีธุระอะไรแล้วละก็ขอให้จงหลีกไป จงอย่าได้ขวางทางของพวกเรา”

โหวหมิงไม่ยอมหลีกไป เขากล่าว “แม้ว่านายน้อยอวิ๋นซิวจะไม่อยากไปที่สถานที่เล็ก ๆ ดั่งเช่นสำนักหุ่นปีศาจของพวกเรา แต่ทว่าเจ้าสำนักของพวกเรานั้นชื่นชมนายน้อยอวิ๋นซิวมาเป็นเวลานานแล้ว เลยอยากที่จะชวนนายน้อยอวิ๋นซิวไปสักครา มิทราบว่านายน้อยอวิ๋นซิวจะตอบรับหรือไม่?”