ตอนที่ 1079 ชิงอิ่งรับศึก

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

รองเจ้าสำนักหุ่นปีศาจผู้นี้ น้ำเสียงที่กล่าวออกมานั้นมีความแข็งกร้าวเป็นอย่างมาก

เฟิงอวิ๋นซิวก็แข็งกร้าวเช่นกัน “แล้วถ้าหากว่าข้าไม่ตอบตกลงล่ะ?”

โหวหมิงกล่าว “แต่ไหนแต่ไรมาสำนักหุ่นปีศาจของพวกเราก็ไม่ค่อยจะเข้าใจในเรื่องมารยาทมากนัก หากนายน้อยอวิ๋นซิวไม่ตกลง พวกเราก็คงต้องใช้วิธีการที่แข็งกร้าวเชิญนายน้อยอวิ๋นซิวไปแล้วล่ะ”

สีหน้าของเฟิงอวิ๋นซิวเคร่งขรึมลง จากนั้นเขาก็ได้เอาอาวุธรบออกมาแล้ว

“พวกเจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าข้าจะกลัวสำนักหุ่นปีศาจของพวกเจ้า?”

“ที่นี่คือเทือกเขาเมฆามืด เป็นอาณาเขตของพวกเราเหล่าสำนักหุ่นปีศาจ อยู่ข้างนอก ไม่ว่านายน้อยอวิ๋นซิวจะมีพลังความสามารถควบคุมธรรมชาติได้ยอดเยี่ยมเพียงใด แต่หากย่างเท้าก้าวเข้ามาสู่เทือกเขาเมฆามืดแล้วละก็ ภายใต้สถานการณ์ที่คนอื่น ๆ ถูกพิษเช่นนี้ นายน้อยอวิ๋นซิวก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธชะตากรรมได้” โหวหมิงมุ่งมั่นที่จะเอาชนะให้ได้

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าฝันกลางวันให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะนะ! ต่อให้พวกข้าจะไปเหยียบสำนักหุ่นปีศาจ ก็ไม่จำเป็นต้องถูกเชิญจากพวกเจ้า แต่จะไปฆ่าพวกเจ้ามากกว่า”

มีคนแจ้งข้อมูลลับ สำนักหุ่นปีศาจรู้เป้าหมายของพวกเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป

โหวหมิงกล่าว “สาวน้อย กล่าววาจาได้อย่างใหญ่โตยิ่งนัก คนสวย ๆ อย่างเจ้าหากเอามาทำเป็นหุ่นเชิดคงจะน่าตื่นเต้นไม่น้อย ข้าแทบจะอดใจรอไม่ไหวซะแล้วสิ”

ทันทีที่เขากล่าวจบ มีดวายุอันน่าสะพรึงกลัวก็ส่งเสียงหวีดหวิวพุ่งไปทางโหวหมิงทันที

โหวหมิงรีบหลบหลีก กลิ่นอายการกดขี่ข่มเหงนั้นของเฟิงอวิ๋นซิวได้หยุดยั้งโหวหมิงเอาไว้แล้ว

พลังความแข็งแกร่งของโหวหมิงเป็นเพียงแค่มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดเท่านั้น เหมือนกันกับนายน้อยอวิ๋นซิวของพวกเขา ดูท่า สำนักหุ่นปีศาจก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากเหมือนอย่างที่ได้จินตนาการเอาไว้

หลังจากที่เฟิงอวิ๋นซิวลงมือ คนอื่นก็ลงมือแล้วเช่นกัน เป้าหมายของคนส่วนใหญ่ก็คือมู่เฉียนซี

พวกเขาดูออกแล้วว่าท่านรองเจ้าสำนักนั้นมีความสนใจต่อสตรีผู้นี้ไม่น้อยเลย

หากผู้ใดจับตัวสาวน้อยผู้นี้ได้ ท่านรองเจ้าสำนักคงต้องตบรางวัลให้อย่างงามเป็นแน่

ทว่า ในขณะที่พวกเขาลงมือ มู่เฉียนซีก็เคลื่อนไหวหลบหลีกอย่างรวดเร็ว

พวกเขาต่างก็ตกตะลึงขึ้น เห็น ๆ กันอยู่ว่านางเป็นเพียงแค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับหก นึกไม่ถึงเลยว่าความเร็วจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ได้

พวกเขายังตามมู่เฉียนซีไม่ทัน มู่เฉียนซีก็ลงมือตอบโต้กลับ

นับตั้งแต่มู่เฉียนซีได้แปลงกายเป็นมู่หรงเฉียนเยี่ย กระบี่มังกรเพลิงก็ไม่ได้ใช้งานมานานแล้ว มันที่ทนเหงามานาน ในที่สุดวันนี้ก็ได้มีโอกาสแสดงพลังอานุภาพสักที

“บัวแดงพิฆาต!”

เปลวไฟอันแดงฉานได้แผดเผาอากาศพิษในบริเวณรอบ ๆ

บัวอัคคีได้ตกลงมาจากกลางอากาศโจมตีไปที่สองคนนั้น

ตูม! เสียงการโจมตีนี้ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ภายใต้การทำลายล้างของบัวแดงพิฆาต พวกเขาก็ได้ส่งเสียงร้องครวญครางขึ้น และจบชีวิตลงไปในที่สุด

เห็น ๆ กันอยู่ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาเป็นถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้าระดับหก แต่พวกเขากลับพ่ายแพ้ไปอย่างงุนงง แม้กระทั่งกระบวนท่าสังหาร หรือหุ่นเชิด พวกเขาก็ยังไม่ทันได้นำออกมาใช้

ช่างตายไปอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมจริง ๆ

ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!

วิปริตเกินไปแล้ว!

หลังจากที่มู่เฉียนซีได้ฆ่าศัตรูทั้งสองคนตายไปภายในชั่วพริบตาเดียว คนของสำนักหุ่นปีศาจเหล่านั้นต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น

สีหน้าของโหวหมิงเคร่งขรึมลง เขากล่าว “บัดซบ! ประเมินศัตรูต่ำเกินไปแล้ว เอาหุ่นเชิดออกมาเร็วเข้า สู้อย่างสุดกำลัง!”

เดิมทีคิดว่ามีอากาศพิษแล้วจะสามารถจัดการกับคนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย กลับนึกไม่ถึงว่าจะรับมือได้ยากกว่าถึงเพียงนี้

เปลวไฟของบัวอัคคีนั้น ต่อให้เป็นเขาก็ต้องหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง สาวน้อยผู้นี้ช่างเปรียบเสมือนของล้ำค่าจริง ๆ!

เขายิ่งตั้งตารอมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่จะจับนางมาทำเป็นหุ่นเชิดที่สมบูรณ์แบบ

ผัวะ ปัง ปัง! ทันทีที่รองเจ้าสำนักออกคำสั่ง พวกเขาก็เรียกหุ่นเชิดทั้งหมดออกมา

แต่ละคนมีหุ่นเชิดคนละตัว และพลังก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

ทันใดนั้น หุ่นเชิดเหล่านี้ก็เคลื่อนไหวขึ้นแล้ว ร่างของพวกมันนั้นเป็นเครื่องจักรในการต่อสู้โดยกำเนิด โจมตีคนเหล่านี้อย่างไร้ความรู้สึก และไร้ความปรานี

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! ผู้อาวุโสสูงสุดและพวกคนอื่น ๆ ก็ลงมือแล้วเช่นกัน หุ่นเชิดเหล่านี้รับมือได้ยากมาก

ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวเข้าไปในกลุ่มหุ่นเชิดเหล่านี้ นางกำลังสังเกตหุ่นเชิดเหล่านี้อย่างจริงจัง แม้ว่ารูปลักษณ์จะเป็นมนุษย์ แต่หน้าตากลับไม่น่าดูเอาซะเลย

ตาลึกเป็นโพรง แต่ละตัวเป็นเครื่องจักรในการสังหารอย่างสมบูรณ์ แตกต่างกับชิงอิ่งมาก

ตูม ปัง ปัง!

ผู้อาวุโสของตำหนักตงจี๋เหล่านี้ล้วนแต่ถูกอากาศพิษทั้งหมด ลำพังเพียงแค่ความแข็งแกร่งของเหล่าองครักษ์ซวนนั้นยากมากที่จะต้านทานการโจมตีของสำนักหุ่นปีศาจได้

ในช่วงเวลาอันน่าหวาดเสียวเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็ไม่อยากทรมานคนเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว

ทว่า นักปรุงยาของตำหนักโอสถเหล่านี้คอยเอาแต่หลบอยู่ด้านหลังตั้งแต่การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว

พวกเขาคิดตามหลักเหตุผลว่าตนเองเป็นถึงนักปรุงยาผู้สูงส่ง จะต้องอาศัยการปกป้องการคุ้มครองจากผู้บำเพ็ญภูตและผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ต้องเข้าร่วมการต่อสู้อันโหดร้ายก็ได้

หากนักปรุงยาเหล่านี้สามารถทำให้พวกเขาต้านทานอากาศพิษได้ การจะปกป้องคุ้มครองพวกเขาก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

ทว่า ความจริงแล้วพวกเขาไม่มีประโยชน์อันใดเลย นึกไม่ถึงว่าจะให้คนอื่นมาปกป้องคุ้มครองเช่นนี้อีก ผู้อาวุโสสูงสุดดูถูกเหยียดหยามนักปรุงยาเหล่านี้มาก

ผู้อาวุโสสูงสุดมองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “สาวน้อย…”

คำขอร้องยังไม่ทันออกมาจากปากผู้อาวุโสสูงสุด จู่ ๆ เข็มยาเข็มหนึ่งก็พุ่งออกไปปักเข้าที่แขนของผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่อยู่ข้างกายผู้อาวุโสสูงสุดที่กำลังต่อสู้อยู่กับหุ่นเชิดด้วยความยากลำบาก

ผู้อาวุโสสูงสุดเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้น สาวน้อยผู้นี้ไม่ช่วย อีกทั้งยังโจมตีคนของพวกเขาอีก

ไม่นานนัก ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างผู้อาวุโสสูงสุดท่านนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองฟื้นฟูกลับมาไม่น้อยเลย พลังวิญญาณก็สามารถโคจรใช้ได้อย่างเต็มที่แล้ว

ในที่สุดผู้อาวุโสสูงสุดก็เข้าใจแล้ว ที่แท้เมื่อครู่สาวน้อยผู้นี้ใช้เข็มยานั่นแก้พิษให้นี่เอง

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการแก้พิษให้คนอื่น ๆ

ขอเพียงทำให้พวกเขามีพลังวิญญาณระดับสูงสุด คนของสำนักหุ่นปีศาจเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้

และในตอนนี้เอง จู่ ๆ สัตว์ตัวขนาดใหญ่ตัวหนึ่งก็พุ่งออกมา มันคือตะขาบยักษ์

นี่ก็เป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่ง หุ่นเชิดสัตว์

โหวหมิงพบว่าเข็มยาที่มู่เฉียนซีขว้างออกไปนั้นสามารถแก้พิษได้ ทำให้กำลังในการต่อสู้ของฝ่ายตำหนักตงจี๋ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จึงตัดสินใจที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของมู่เฉียนซี

หุ่นเชิดมนุษย์ขั้นสวรรค์และเขารับมือกับเฟิงอวิ๋นซิว แต่หุ่นเชิดสัตว์มือสังหารของเขานั้นกลับพุ่งไปที่มู่เฉียนซีแล้ว

สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดและเฟิงอวิ๋นซิวพลันเปลี่ยนไปทันที “เฉียนซี (สาวน้อย) ระวัง!”

หุ่นเชิดสัตว์ตัวนี้ต้องเป็นหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของหุ่นเชิดนี้อย่างแน่นอน ความเร็วของมันก็รวดเร็วมาก มู่เฉียนซีที่กำลังลงเข็มแก้พิษให้คนอื่นอยู่ในตอนนี้เกรงว่าจะหลบหลีกไม่ทัน!

และในขณะที่หุ่นเชิดสัตว์ตัวนั้นพุ่งออกไป จู่ ๆ เสียง ตูม! ก็ดังสนั่นขึ้น

เงาร่างสีเขียวร่างหนึ่งขวางหุ่นเชิดสัตว์ตัวนั้นเอาไว้ และมืออันเรียวยาวงดงามอย่างสมบูรณ์ของเขาในตอนนี้ก็ได้จับขาตะขาบตัวนั้นเอาไว้แล้ว

แกร่ก! ทันทีที่ชิงอิ่งออกแรงมือ ขาของตะขาบตัวนั้นก็หักลง

ปัง! จากนั้นชิงอิ่งก็ง้างขาแล้วออกแรงเตะตะขาบตัวนั้นจนร่างของมันกระเด็นลอยไปตกอยู่ตรงหน้าโหวหมิง

เมื่อเห็นหุ่นเชิดสัตว์ที่แข็งแกร่งตัวนั้นกระเด็นลอยมาเช่นนี้ สีหน้าของโหวหมิงก็พลันเปลี่ยนไปเป็นมาก และรีบหลบหลีกทันที

หุ่นเชิดสัตว์ของเขาก็พ่ายแพ้ไปเช่นนี้ เขาเงยหน้ามองร่างในชุดสีเขียวร่างนั้น ชายผู้นี้โผล่มาตั้งแต่เมื่อใดแล้ว?

เฟิงอวิ๋นซิวกับซวนอีถอนหายใจด้วยความโล่งอก นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะลืมเขาไปแล้ว

ชายผู้ที่ดูเหมือนเทพปกปักษ์รักษาก็มิปาน แต่ขณะเดียวกันเขาก็ยังเหมือน…เหมือนหุ่นเชิดตัวหนึ่งอีกด้วย

หุ่นเชิดของตัวเองถูกโจมตีพ่ายแพ้จนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว โหวหมิงไม่สบายใจแน่นอน

เขาเริ่มควบคุมหุ่นเชิด และขาของหุ่นเชิดที่หักไปนั้นก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

เขากล่าว “ฆ่าชายผู้นั้นซะ แล้วจับสาวน้อยนั่นมาให้ข้า!”

หุ่นเชิดสัตว์ตัวนั้นพุ่งไปที่มู่เฉียนซีอีกครั้ง มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงอิ่ง เจ้าหมอนี่มอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้า ส่วนข้าจะไปแก้พิษให้คนที่เหลือ”