ตอนที่ 2304 ผลึกปราณเลิศล้ำและวิญญาณรูปปั้นวรยุทธ์

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

ท่ามกลางสิ่งปลูกสร้างพวกนี้ คนเผ่าวิญญาณเหาะเหินระดับสูงมากมายที่มีรูปร่างต่างกันเข้าออกไม่หยุด ดูแล้วค่อนข้างคึกคัก

เมื่อท้องฟ้ามืดลงกะทันหัน ตอนที่เยว่หลงควบลมแรงโผล่ออกมาคนเผ่าวิญญาณเหาะเหินที่อยู่ในแอ่งล้วนแต่ตกใจ ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรอยู่ก็รีบคุกเข่าลงตรงนั้นแล้วโค้งคำนับโดยทันที

“นักพรตหาน ที่นี่คือหนึ่งในจวนใหญ่ทั้งเจ็ดของข้า การก่อสร้างถือว่ามีความพิเศษมาก ท่านนักพรต พวกเราลงไปด้านล่างกันเถิด “ หลังจากเย่ว์หลงโผล่ออกมาจากสายลมอันบ้าคลั่ง มองไปทางเจดีย์หินที่อยู่ไกลๆ เล็กน้อย จึงหันกลับมากล่าวกับหานลี่ที่ตามมาติดๆ

หลังจากหานลี่โผล่ออกมาจากลำแสง พยักหน้าแล้วค่อยๆ ร่อนลงที่เจดีย์หินขนาดใหญ่ด้านล่าง

เย่ว์หลงก็มีรูปร่างพร่ามัว กระแสลมสีดำพุ่งตรงไปยังทางเข้าชั้นบนสุดของเจดีย์ขนาดใหญ่

หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งกาน้ำชา หานลี่ได้เข้ามาอยู่กลางห้องโถงใหญ่ที่ประดับตกแต่งอย่างวิจิตร นั่งลงบนเก้าอี้สีม่วงแดงตัวหนึ่ง

ที่ตรงข้าม

เย่ว์หลงนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวที่สีเดียวกัน ในมือถือแก้วเหล้าสีเขียวมรกตใบหนึ่ง พูดด้วยความอบอุ่นเป็นพิเศษ

“พี่หาน เหล้าหู่หยวนนี้หมักมาจากหญ้าวิญญาณสี่สิบเก้าชนิด หลังจากดื่มแล้ว นอกจากจะมีผลทำให้พลังยุทธ์ฟื้นคืน ยังทำให้สดชื่นขึ้นอีกด้วย อีกทั้งยังถือว่าเป็นเหล้าวิญญาณหมักได้ยาก”

“ที่แท้คือเหล้าชั้นดีที่หมักได้ยาก ข้าน้อยลาภปากแล้ว” หลังจากหานลี่ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ คิ้วพลันเลิกขึ้น เอ่ยปากชมออกมาประโยคหนึ่ง

“หากพี่หานชอบ เช่นนั้นดื่มอีกเยอะๆ เถิด” เย่ว์หลงได้ยินดังนั้น ดวงตาเบิกกว้างแล้วยิ้มออกมาด้วยความยินดี

“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว” หานลี่ยิ้มบางๆ ดื่มเหล้าวิญญาณในแก้วจนหมดเกลี้ยง มืออีกข้างหยิบเหยือกเหล้าบนโต๊ะด้านหน้ามารินเพิ่มอีกแก้ว

“ฮ่าๆ พี่หานชอบเหล้านี้เป็นเรื่องที่ดี นอกจากสิ่งนี้ ที่นี่ยังมีของวิเศษชนิดหนึ่งที่ไม่ได้พบเจอได้ง่ายที่ด้านนอก ท่านนักพรตต้องชื่นชอบมันอย่างแน่นอน” หลังจากเย่ว์หลิงเอ่ยด้วยเสียงหัวเราะ ตบมือทั้งสองข้างเบาๆ

หลังจากเสียงตบมือ ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกประตู หญิงสาวเผ่าวิญญาณเหาะเหินในชุดสาวใช้สามนางเดินค้อมศีรษะเข้ามา ยืนเรียงเป็นแถวตอนด้านหน้าหานลี่

แววตาหานลี่สว่างวาบ แทนที่จะจ้องมองที่ใบหน้างดงามราวกับหยกของสาวใช้เหล่านี้ กลับจ้องไปยังถาดสีเงินซีดที่ถืออยู่ในมือของพวกนาง

บนถาดเหล่านี้ แต่ละถาดมีก้อนผลึกขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือหนึ่งก้อนวางอยู่ สีของมันไม่เหมือนกัน ทว่ามีผิวเรียบเนียนเป็นพิเศษ ก้อนหนึ่งสีเหลืองเข้ม ก้อนหนึ่งสีฟ้าอ่อนและก้อนสุดท้ายสีแดงสดราวกับไฟ

“พวกนี้คือ…” หลังจากหานลี่ใช้จิตสัมผัสกวาดดูก้อนผลึกด้านหน้า ใบหน้าพลันกระตุกเล็กน้อย

ก้อนผลึกสามก้อนนี้ แต่ละก้อนปล่อยกลิ่นอายเฉพาะตัวของธาตุดิน น้ำ ไฟที่แตกต่างกันออกมาตามลำดับ อีกทั้งยังบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก ดูเหมือนจะบริสุทธิ์กว่าศิลาวิญญาณคุณภาพดีพวกนั้นหลายส่วน

“พี่หานคิดว่าผลึกปราณเลิศล้ำเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้าง พวกมันเป็นวัตถุที่ข้าหลอมขึ้นด้วยตัวเอง ไม่ว่านำมาหลอมศาสตรายุทธ์หรือว่ามาใช้แทนศิลาวิญญาณ ล้วนแต่มีพลังมหาศาล” เย่ว์หลงเฝ้าดูสีหน้าของหานลี่อยู่โดยตลอด หลังจากที่เห็นเขาแสดงสีหน้าตกใจ เอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะต่ำ

“ผลึกปราณเลิศล้ำ! ไม่ใช่ของที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่เป็นวัตถุที่ท่านหลอมขึ้นมาด้วยตัวเอง” หานลี่เผยสีหน้าตกใจ

“ถูกต้อง วัตถุพวกนี้เป็นของที่น้องใช้เคล็ดวิชาลับชนิดหนึ่งหลอมสำเร็จออกมาด้วยความบังเอิญ ไม่เพียงแต่สูญเสียวัตถุดิบหายากจำนวนมาก อีกทั้งยังล้มเหลวไปนับครั้งไม่ถ้วน แต่มีเพียงแค่สามชิ้นนี้ที่ประสบความสำเร็จ ทว่าข้ายังคงรู้สึกว่ามันคุ้มค่ามาก” เย่ว์หลงกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

“เคล็ดวิชาลับ?” ดวงตาของหานลี่หรี่ลง

“ฮ่าๆ เชิญพี่หานชื่นชมของสิ่งนี้อย่างละเอียดก่อนสักหน่อย น้องชายคนนี้ค่อยอธิบายก็ยังไม่สาย” เย่ว์หลงเอ่ยด้วยสีหน้าลึกลับ

“ตกลง เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว” หานลี่พยักหน้า ใช้มือหนึ่งหยิบของตรงหน้าชิ้นหนึ่งตามใจตน

หลังจากก้อนผลึกสีฟ้าอ่อนที่อยู่บนถาดสีเงินสั่นคลอน พลันลอยมาตกอยู่ในมือของเขาช้าๆ

หานลี่ก้มหัวเล็กน้อย ไหมผลึกสายหนึ่งพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเขา พริบตาหนึ่งก็เข้าไปในก้อนผลึกโดยไม่เห็นเงา ตวงตาทั้งสองค่อยๆ ปิดลง

เย่ว์หลงยิ้มจนตาหยีมองภาพเบื้องหน้า ไม่มีความคิดที่จะห้าม

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง

คิ้วของหานลี่เลิกขึ้น ดวงตาทั้งสองเปิดออกอีกครั้ง ไหมผลึกเส้นนั้นสลายหายไปจากก้อนผลึก

“เป็นพลังแห่งฟ้าดินที่บริสุทธิ์ยิ่งนัก ไอวิญญาณที่บรรจุอยู่ภายในคงมีมากกว่าสี่ถึงห้าเท่าของศิลาวิญญาณที่มีคุณภาพ ระดับความบริสุทธิ์ไม่สามารถเทียบเท่าได้กับศิลาวิญญาณทั่วไป ทว่าโครงสร้างด้านในช่างแปลกประหลาด ที่แท้เป็นเพราะมีอักขระวิญญาณโดยธรรมชาติอยู่ด้านใน หากนำมาหลอมศาสตรายุทธ์ คงสามารถสร้างอิทธิฤทธิ์พิเศษบางอย่างกระมัง ไม่ทราบว่าระดับความทนทานของมันเป็นอย่างไร” หานลี่กล่าวด้วยความเคร่งขรึม

“พี่หานช่างมีสายตาเฉียบคมดังคบเพลิง คุณสมบัติพิเศษส่วนใหญ่ของผลึกปราณเลิศล้ำนี้ล้วนกล่าวออกมาได้อย่างถูกต้อง ส่วนเรื่องระดับความทนทานของมัน ท่านนักพรตสามารถทดลองด้วยตนเอง” แววตาของเย่ว์หลงเป็นประกาย ปรมมือด้วยรอยยิ้มพลางเอ่ยคำพูด

“ในเมื่อท่านนักพรตพูดแบบนี้ เช่นนั้นข้าขอลองสักหน่อย” หานลี่มีสีหน้าแปลกๆ พาดผ่าน ในเวลาถัดมา อ้าปากพ่นไหมสีเขียวออกมาหมุนรัดรอบก้อนผลึกในมืออย่างรวดเร็ว จึงพุ่งกลับมา

ก้อนผลึกสีฟ้าอ่อนมีแสงสีน้ำเงินเรืองรอง บนพื้นผิวปรากฏรอยขีดข่วนจางๆ

หลังจากรัศมีแสงวงกลมสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้น รอยขีดข่วนก็จางลงอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า

“วิญญาณรูปปั้นวรยุทธ์ วัตถุนี้ที่แท้มีผลลัพธ์ที่มหัศจรรย์ของวิญญาณรูปปั้น!” หานลี่พูดออกมาโดยไม่รู้ตัว

“พี่หานมองเพียงเล็กน้อยก็มองออกถึงลักษณะเด่นของวิญญาณรูปปั้น สมกับที่ถูกเรียกว่าผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ ถูกต้อง ไม่เพียงแค่ก้อนนี้ ผลึกปราณเลิศล้ำอีกสองก้อนก็มีผลลัพธ์เช่นเดียวกัน ของวิเศษที่สร้างขึ้นจากวัตถุนี้ นอกจากถูกทำลายด้วยขี้เถ้าลอยแล้ว ตราบเท่าที่มีเวลาเพียงพอ ก็สามารถซ่อมแซมเหมือนดังเดิมด้วยตนเองได้ ของวิเศษพวกนี้ แม้ว่าจะมีลักษณะพิเศษที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ทว่าจำเป็นต้องใช้ปราณแท้ของเจ้าของบ่มเพาะมันไม่หยุด อีกทั้งยังต้องใช้เวลานาน แล้วของวิเศษที่หลอมขึ้นจากรูปปั้นวรยุทธ์ยังห่างไกลจนไม่สามารถเทียบได้ ดังนั้นมูลค่าของมันมากมายขนาดไหน คงไม่ต้องพูดให้มากความ” เย่ว์หลงมีสีหน้าประหลาดใจ ทว่าปากเอ่ยคำพูดช้าๆ

“วัตถุดิบที่มีวิญญาณรูปปั้นวรยุทธ์ ไม่เพียงแต่ในแดนวิญญาณ แม้กระทั่งในแดนอื่นๆ ก็ยังนับว่าหาได้ยากยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติชิ้นนี้ยังสามารถทำลายกระบี่แสงของข้าให้แตก โดยที่ตัวมันเองมิแตกออกได้ เห็นได้ชัดว่ามีความแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก ท่านนักพรตนำผลึกปราณเลิศล้ำออกมาแบบนี้ คงมิใช่เพียงแค่ให้ข้าน้อยวิจารณ์กระมัง” หานลี่หมุนก้อนผลึกในมือเล่น เอ่ยกับผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง

“ท่านนักพรตช่างเป็นคนเถรตรง เช่นนั้นน้องชายจะไม่พูดอ้อมค้อมอีกต่อไป ที่ข้าชวนพี่หานมาที่นี่ ที่จริงแล้วมีเรื่องที่อยากขอความช่วยเหลือจากท่าน หลังจากเรื่องบรรลุผลแล้ว ผลึกเลิศล้ำสามเม็ดนี้ขอมอบให้ท่านเป็นสิ่งตอบแทน ท่านคิดเห็นเช่นไร” เย่ว์หลงตกใจในทีแรก หลังจากที่หรี่ตา ก็เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“มูลค่าของผลึกปราณเลิศล้ำหนึ่งก้อนมีไม่น้อย ท่านนักพรตยินยอมนำมาเป็นของตอบแทนถึงสามก้อน เรื่องที่ขอให้ช่วยคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ท่านนักพรตว่าออกมาก่อน ข้าจึงค่อยตัดสินใจ” หานลี่ขมวดคิ้ว หลังจากจ้องมองก้อนผลึกในมือ จึงตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องยากสำหรับมหายานทั่วไป แต่สำหรับพลังที่พี่หานมีกลับไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจ ข้าน้อยมุ่งหลอมผลึกปราณเลิศล้ำนี้ เป็นเพราะต้องการใช้วัตถุดิบพวกนี้ในการหลอมสมบัติเบญจธาตุชิ้นหนึ่งเพื่อใช้ในการต้านทานทัณฑ์สวรรค์ใหญ่ครั้งถัดไป ทว่าข้าใช้เวลายากลำบากหลายพันปีก็หลอมออกมาได้แค่ผลึกปราณเลิศล้ำที่มีลักษณะของวารี อัคคีและปฐพี หากคิดจะหลอมผลึกปราณนี้อีกสองลักษณะขึ้นมา จำเป็นต้องมีผู้ให้ความช่วยเหลือจึงจะสำเร็จ พี่มั่วเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว” เย่ว์หลงอธิบายอย่างมั่นคงหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

“ท่านนักพรตอยากให้ข้าช่วยหลอมผลึกปราณเลิศล้ำ?” หานลี่รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำกล่าวนี้

“ถูกต้อง ไม่ปิดปังพี่หาน การหลอมผลึกปราณเลิศล้ำนี้จำเป็นต้องหยิบยืมพลังแห่งฟ้าดินที่มีลักษณะต่างกันจึงจะสำเร็จ ผลึกปราณเลิศล้ำที่มีคุณสมบัติสามอย่างก่อนหน้านี้ยังพอทำเนา แม้ข้าจะล้มเหลวหลายครั้ง ทว่าก็สำเร็จบ้างเล็กน้อย มีเพียงการหลอมผลึกเลิศล้ำที่มีคุณสมบัติของทองคำและพฤกษาที่เหลืออยู่ พลังแห่งฟ้าดินที่ถูกดึงลงมานั้นน่าอัศจรรย์เกินไป มิใช่สิ่งที่ข้าน้อยสามารถต้านทานและควบคุมไหวอีกต่อไป นี่จึงจำเป็นต้องขอให้พี่หานช่วยเหลือ” เย่ว์หลงประสานมือคารวะไปทางหานลี่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อมจากก้นบึ้ง

“หากเพียงแค่ช่วยควบคุมพลังแห่งฟ้าดินจริงๆ มิใช่เรื่องที่ข้าทำไม่ได้ ทว่าข้ายังมีข้อสงสัยอยู่สองจุด หวังว่าท่านนักพรตจะคลายข้อสงสัยนั้นให้ข้าได้” สีหน้าของหานลี่เคร่งขรึมขึ้น ถามอย่างระมัดระวัง

“พี่หานถามออกมาได้เลย ข้าน้อยยินดีไขข้อสงสัย” เย่ว์หลงเอ่ยโดยไม่ต้องคิดด้วยความดีใจมาก

“ท่านนักพรตเพิ่งเคยพบข้าน้อยครั้งแรก แม้ว่าจะจำเป็นต้องหาคนมาช่วย ทำไมจึงไม่เชิญสหายคนอื่นของท่านมาช่วยเหลือเรื่องนี้ ประการที่สอง ข้าช่วยท่านควบคุมพลังแห่งฟ้าดินที่ถูกดึงออกมา จะไม่มีอันตรายใหญ่หลวงเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงของพลังแห่งฟ้าดินเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก เป็นพลังที่ลึกลับสุดหยั่งถึง อีกทั้ง ท่านนักพรตจะแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าน้อยสามารถช่วยท่านหลอมผลึกปราณลึกล้ำที่มีคุณสมบัติอื่นๆ ได้ ไม่กลัวว่าข้าจะมีพลังไม่เพียงพอหรือ!” หานลี่จ้องมองไปที่เย่ว์หลงด้วยแววตาคมกริบ

“ที่แท้พี่หานเพียงแค่ไม่ไว้ใจข้าน้อยเพียงเท่านั้น ฮ่าๆ นี่เป็นเรื่องปกติ กลับกันหากเป็นข้าที่พบเจอเรื่องเช่นนี้ ก็ต้องเพิ่มความระวังหลายส่วน ทว่าท่านนักพรตโปรดวางใจ คำถามพวกนี้ข้าจะค่อยๆ อธิบายให้ท่านฟังทีละข้อ” หลังจากที่เย่ว์หลงได้ยินคำถามที่หานลี่ถาม กลับหัวเราะขึ้นมา

“โอ้ เช่นนั้นข้าน้อยจะตั้งใจฟัง” หานลี่กล่าวอย่างสงบ

“ข้อแรก เป็นเพราะท่านนักพรตไม่เคยเห็นตอนที่ข้าดึงพลังทองและพฤกษาแห่งพลังฟ้าดิน จึงคิดเช่นนี้ พลังแห่งฟ้าดินสองธาตุนี้ดึงออกมาได้ยากกว่าสามธาตุก่อนหน้ามากนัก ดังนั้นระดับความแข็งแกร่งย่อมมีมากกว่าสามชนิดแรกหลายเท่า โดยพื้นฐานแล้วไม่ใช่สิ่งที่มหายานทั่วไปสามารถต้านทานได้ ตอนนั้นข้าเคยลองอยู่สองครั้ง ก็ไม่กล้าลองครั้งที่สาม แม้ข้าจะมีสหายสนิทอยู่บ้าง ทว่าระดับพลังยุทธ์ของพวกเขาก็ไม่ได้หนีห่างกับข้าน้อยมากนัก แน่นอนว่าไม่สามารถต้านทานพลังแห่งฟ้าดินสองธาตุนั้นได้ ยิ่งกว่านั้น การควบคุมพลังแห่งฟ้าดินนี้ไม่สามารถชดเชยได้ด้วยคนจำนวนมากๆ มันสามารถถูกควบคุมโดยบุคคลเพียงคนเดียวเพื่อให้มันทำงานได้อย่างราบรื่น เช่นนี้จึงจะสามารถหลอมผลึกปราณเลิศล้ำออกมาได้” เย่ว์หลงมีสีหน้าจริงจัง เริ่มอธิบายออกมาด้วยความตั้งใจ

“เกี่ยวกับคำถามที่สอง หากข้าพูดว่าไม่มีอันตรายแม้แต่น้อยคงจะเป็นการหลอกลวง ทว่าหลังเตรียมพร้อมให้ดีอย่างเต็มที่ ระดับความอันตรายของการควบคุมพลังแห่งฟ้าดินแน่นอนว่าสามารถลดลงได้ถึงระดับต่ำสุดได้ อย่างน้อยสองครั้งก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าคิดควบคุมพลังทองและพฤกษา ก็ไม่มีอันตรายใดๆ…ส่วนคำถามสุดท้าย….” เย่ว์หลงพูดถึงตรงนี้ ก็หยุดไปเล็กน้อย