ตอนที่ 2305 พบเจอจินเย่ว์อีกครั้ง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

“ข้าน้อยไม่มีทางเลือกแล้ว หากภายในหนึ่งปีนี้ไม่สามารถหลอมผลึกปราณล้ำเลิศที่มีลักษณะของทองและพฤกษาออกมาได้ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีก ตอนนี้ หวังเพียงว่าพี่หานจะช่วยให้ข้าทำสำเร็จ” ใบหน้าของเย่ว์หลงเต็มไปด้วยความขื่นขม

“ไม่มีโอกาสอีกแล้ว คำพูดนี้หมายความเช่นไร” หานลี่แปลกใจเล็กน้อย

“พี่หานคงไม่ทราบ การดึงพลังแห่งฟ้าดินออกมามิใช่เรื่องง่าย ไม่เพียงแต่ต้องหาตำแหน่งวิญญาณที่มีความพิเศษ นอกจากนี้จำเป็นต้องทำนายเวลาที่แน่นอนล่วงหน้าและคำนวณระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงของพลังแห่งดาราระหว่างฟ้าดิน ถึงจะประสบความสำเร็จ ก่อนหน้านี้ข้าสามารถหลอมผลึกปราณเลิศล้ำออกมาได้อย่างง่ายดายเป็นเพราะว่าลงทุนมากมายเพื่อเชิญนักพยากรณ์ในเผ่าให้ใช้แก่นแท้แห่งชีวิตจำนวนมาก จึงทำนายการเปลี่ยนแปลงของดาราอย่างแม่นยำ พลังแห่งฟ้าดินที่ต้องดึงลักษณะเฉพาะออกมา ตามคำทำนายนั้น การเปลี่ยนแปลงของดาราของพลังแห่งฟ้าดินซึ่งมีธาตุทองคำและพฤกษานั้น เดิมทีปรากฏได้ยากยิ่ง หากไม่รีบหลอมผลึกปราณเลิศล้ำภายในช่วงเวลาที่ทำนายไว้ ไม่รู้ว่าครั้งถัดไปจะเกิดการเปลี่ยนแปลงนี้อีกเมื่อไหร่ ข้ามิอาจรอต่อไปได้อีก จำเป็นต้องหลอมผลึกปราณเลิศล้ำออกมาภายในหนึ่งปีที่เหลืออยู่นี้ ถ้ามิใช่ว่าพบเจอท่านนักพรตวันนี้โดยบังเอิญ เดิมทีข้าวางแผนที่จะลองเสี่ยงเชิญตัวประหลาดเฒ่าที่มีชื่อเสียงไม่ค่อยดีคนหนึ่งให้มาช่วยข้า ถ้าตอนนี้มีพี่หานอยู่ ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอย่างแน่นอน อย่างน้อยพี่หานเต็มใจไปยังแดนมารเพื่อเสี่ยงฆ่าหนอนเพลี้ยตัวแม่ช่วยชีวิตนักพรตแดนมารออกมาได้หลายคน ในแง่ของความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การไว้ใจ” เย่ว์หลงพูดออกมาในอึดใจเดียว

หานลี่ได้ฟังสิ่งเหล่านี้ สีหน้าคงความสงบนิ่งทว่ามีความคิดวิ่งวนอยู่ในหัวมากมาย แอบตัดสินใจบางอย่างได้ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง พูดพลางถอนหายใจเบาๆ “แม้ว่าข้าจะไม่ได้รู้จักท่านอย่างลึกซึ้ง ทว่าคำตอบเมื่อครู่ทำให้ข้าพอใจมาก อีกทั้งยังไม่เห็นท่านนักพรตมีความจำเป็นต้องใช้คำลวงมาหลอกข้า เช่นนี้เถอะ หากการช่วยท่านไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน ข้าสามารถตอบรับท่านได้ ทว่าของตอบแทนนอกจากวัตถุสามชิ้นนี้แล้ว ผลึกปราณแท้อีกสองลักษณะที่หลอมออกมาใหม่ ข้าก็ต้องการอย่างละก้อน ส่วนวัตถุสามก้อนนี้ถือเป็นการมัดจำล่วงหน้า สามารถส่งมอบได้ในตอนนี้”

“ไม่มีปัญหา ท่านนักพรตโปรดวางใจ! ตำแหน่งวิญญาณที่ดีในการดึงพลังแห่งฟ้าดินออกมาอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ สามารถเริ่มหลอมตอนไหนก็ได้ เช่นนั้นผลึกปราณเลิศล้ำสามก้อนนี้เป็นของท่านแล้ว” เย่ว์หลงเอ่ยด้วยความยินดีเป็นอย่างมาก ไม่มีความคิดที่จะต่อรองสิ่งใด

“ท่านนักพรตกล่าวเช่นนี้ ข้าก็มิอาจชักช้า นักพรตเย่ว์คิดว่ามีความจำเป็นจริงๆ ตอนนี้พวกเราออกเดินทางไปยังตำแหน่งวิญญาณนั้นกันเถอะ” หานลี่ยิ้มด้วยความพึงพอใจ สะบัดแขนเสื้อส่งลำแสงไปทางถาดสีเงินซีดอีกสองถาดแล้ว หลังแสงวูบหนึ่งผลึกปราณเลิศล้ำทั้งสามก้อนก็ถูกเก็บเข้ามา

“เยี่ยม ไม่คิดเลยว่าท่านนักพรตจะเป็นคนใจกว้างเช่นนี้ ทว่าดึงพลังแห่งฟ้าดินธาตุทองและพฤกษาออกมา น้องชายยังต้องเตรียมการบางอย่างสักนิด เช่นนี้แล้วกัน พี่หานพักอยู่ที่นี่สักคืน พรุ่งนี้ค่อยไปยังตำแหน่งวิญญาณด้วยกันเป็นเช่นไร” เย่ว์หลงได้ยินเช่นนี้ก็ยินดียิ่งนัก ทว่าหลังสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อยจึงเอ่ยออกมาเช่นนี้

“เช่นนั้นค่อยเป็นพรุ่งนี้เถิด ข้าขอรบกวนท่านนักพรตสักคืน” หลังจากหานลี่คิดเล็กน้อยจึงรับปากออกมา

เย่ว์หลงได้ยินดังนี้ก็ดีใจมาก ออกคำสั่งออกมาเสียงหนึ่ง สาวใช้เผ่าวิญญาณเหาะเหินกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามายังห้องโถงใหญ่ นำผลไม้วิญญาณ เหล้าวิญญาณเข้ามา

ช่วงเวลาต่อไปนี้ เผ่าวิญญาณเหาะเหินระดับมหายานท่านนี้กับหานลี่นั่งสนทนาพาทีกันราวกับเป็นสหายรู้ใจ

“จริงสิ ข้าน้อยอยากจะถามหาข่าวคราวของคนคนหนี่งกับท่านนักพรตเย่ว์ ไม่แน่ว่าท่านอาจจะรู้จักเล็กน้อย” หานลี่เหมือนคิดบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงถามไปยังเย่ว์หลง

“โอ้ ขอเพียงเป็นคนที่ข้ารู้จัก ย่อมต้องบอกความจริงแก่ท่านอย่างแน่นอน” เย่ว์หลงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทว่าตอบกลับโดยไม่ต้องคิด

“คนคนนี้พูดแล้วก็เป็นนักพรตจากเผ่าวิญญาณเหาะเหิน ทว่าต้นกำเนิดน่าจะเป็นเผ่าห้าแสง อิทธิฤทธิ์แสงเทวะบนร่างกายเขามีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ท่านเป็นนักพรตระดับมหายานของเผ่าวิญญาณเช่นเดียวกัน ไม่มีทางที่จะไม่รู้จักคนผู้นี้” หานลี่จ้องไปที่คู่สนทนา กล่าวออกมาช้าๆ

“เผ่าห้าแสง! คนผู้นี้แซ่ใด ท่านนักพรตไปเจอเขาจากที่ไหน” เย่ว์หลงรีบถามออกมาด้วยสีหน้าตกใจมาก

“เมื่อครู่เหมือนว่าข้าจะเป็นคนถามท่านนักพรตนะ” หานลี่ถอนหายใจ กล่าวด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

“อา ข้าสูญเสียความสงบแล้ว เพียงแต่เรื่องที่ท่านถามเมื่อครู่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายของข้า แม้ว่าเผ่าวิญญาณเหาะเหินของพวกเราจะไม่ใช่เผ่าใหญ่อะไรในแผ่นดินใหญ่เฟิงหยวน แต่ระดับมหายานที่มีอยู่ในเผ่าไม่เคยมีน้อยกว่าสามคน ทว่าหากเป็นเผ่าห้าแสง ช่วงหลายปีมานี้กลับมีเพียงแค่หนึ่งคน ในปีที่คนคนนี้เพิ่งเข้าสู่ระดับมหายาน ก็ออกจากเผ่าเพื่อเดินทางไกลในทันที จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีข่าวคราวอันใดส่งกลับมา ข้าย่อมคิดว่าเขาตายไปนานแล้ว ตอนนี้ได้ยินข้อมูลบางอย่างจากปากของท่านนักพรต ย่อมเป็นเสียกิริยาเล็กน้อย ท่านนักพรตทราบเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับนักพรตท่านนี้ของเผ่าข้าหรือไม่ หากทราบโปรดเล่าสู่กันฟังสักหน่อยเถิด” เย่ว์หลงรีบเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติ กล่าวขอโทษออกมาเสียงหนึ่ง

“เรื่องนี้ข้าไม่แปลกใจแล้ว ที่น่าเสียดายคือ ข้าและนักพรตท่านนี้พบกันโดยบังเอิญแค่ครั้งเดียวในสถานที่อันตรายแห่งหนึ่งในพงไพรเมื่อหลายปีก่อน นอกจากรู้ว่าแซ่อี้กับรู้เกี่ยวกับร่างจำแลงนกยูงห้าสีเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่ได้พูดคุยกันอีก เพียงแค่ในวันนี้ได้พบท่าน ถึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ จึงลองถามออกมา” หานลี่ตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“แซ่อี้ เช่นนั้นคงเป็นนักพรตจากเผ่าห้าสีของเผ่าข้าไม่ผิดแน่แล้ว ที่แท้เขายังไม่ตาย แต่มิรู้เหตุใดจึงยังท่องเที่ยวอยู่ด้านนอกไม่ยอมกลับเผ่าเสียที นี่เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ หวังว่านักพรตอี้จะกลับมาที่เผ่าในเร็ววัน” เย่ว์หลงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ทว่าหานลี่กลับเห็นถึงความแข็งกระด้างสายหนึ่งภายใต้รอยยิ้มของเขา ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนักพรตเผ่าห้าแสงคนนั้นจะไม่ธรรมดา

หานลี่เข้าใจบางอย่างโดยพลัน หลังจากยิ้มมุมปากบางๆ ก็เปลี่ยนเรื่องสนทนาไปยังการฝึกฝนวรยุทธ์เกี่ยวกับจุดจบอันโหดร้ายของชายชราแซ่อี้ ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาเลยแม้แต่น้อย

เย่ว์หลงไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ทว่าก็ไม่ซักถามเพิ่มเติม หลังจากตั้งสติเล็กน้อย ก็แลกเปลี่ยนประสบการณ์การฝึกฝนวรยุทธ์กับหานลี่

ตอนที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอย่างสำราญ กลับมีเงาคนสายหนึ่งปรากฏขึ้นที่นอกประตูของห้องโถง สาวใช้ผู้หนึ่งเดินเข้ามา หลังจากทำความเคารพเย่ว์หลงแล้วจึงกล่าวออกมาว่า

“ท่านผู้อาวุโส ด้านนอกมีผู้อาวุโสจินจากเผ่าวิหคสวรรค์ขอเข้าพบ ท่านผู้อาวุโสจะเรียกพบพวกเขาหรือไม่”

“ไม่พบ ผู้ใดก็ไม่พบ! ไม่มีตาหรืออย่างไรจึงไม่เห็นว่าข้ากำลังรับรองแขกคนสำคัญอยู่!” สีหน้าเย่ว์หลงพลันมืดครึ้ม กล่าวคำตำหนิออกมาโดยไม่ลังเล

“ผู้อาวุโสโปรดอภัย”

สาวใช้เผ่าวิญญาณเหาะเหินที่อยู่ด้านล่างตกใจสีหน้าซีดเผือก รีบก้มศีรษะขออภัย กำลังจะออกไปจากห้องโถงใหญ่

“ช้าก่อน ผู้อาวุโสจาง…หรือว่าจะเป็นจินเย่ว์ หัวหน้าของเผ่าวิหคสววรค์” หานลี่รั้งสาวใช้ไว้ด้วยแววตาเป็นประกาย

“หรือว่าท่านนักพรตจะรู้จักผู้อาวุโสจินเย่ว์” เย่ว์หลงตกใจเป็นอย่างมาก

“ในปีนั้นข้าได้พบกับผู้หญิงคนนี้หลายหน ถือได้ว่าเป็นคนคุ้นเคย ให้นางเข้ามาพบสักหน่อยเถอะ” หานลี่เอ่ย

“ในเมื่อผู้อาวุโสจินเป็นคนที่ท่านรู้จักมานาน นี่จึงไม่เหมือนกัน ไป ให้ผู้อาวุโสจินเข้ามา” เย่ว์หลงมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย แต่ก็ออกคำสั่งโดยไม่ลังเล

“เจ้าค่ะ ท่านผู้อาวุโส!” สาวใช้เห็นเย่ว์หลงเอ่ยสั่งด้วยตนเอง ย่อมถอนตัวออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก

ไม่นานนัก หญิงสาวเผ่าวิหคสวรรค์ผู้หนึ่งที่มีปีกสีทองอยู่ที่หลังและสวมชุดสีขาวก็เดินตามสาวใช้เข้ามา

หญิงสาวนางนี้มีรูปลักษณ์ราวกับสาววัยแรกแย้ม หน้าตาธรรมดาทั่วไป ทว่ากลับมีกลิ่นอายที่สง่างามส่งออกมา ที่แท้เป็นจินเย่ว์ ผู้อาวุโสระดับสูงจากเผ่าวิหคสวรรค์ที่เคยทำข้อตกลงกับหานลี่

“คาระวะท่านผู้อาวุโสเย่ว์!” เมื่อจินเย่ว์เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่สายตาตกอยู่ที่ร่างของเย่ว์หลง หลังจากก้าวออกมาด้านหน้าเล็กน้อย ก็โค้งศีรษะแสดงความเคารพโดยไม่กล้าเหลียวซ้ายแลขวา

ทว่าเวลานี้เองหางตาของนางกวาดตามองไปที่หานลี่ ทว่านอกจากมีความคุ้นเคยหลายส่วนแล้ว ภายในจิตใจแอบหวาดกลัวขึ้นมา

สามารถนั่งอยู่ในระดับเดียวกันตรงข้ามกับเย่ว์หลงได้ ต้องเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานเป็นแน่ หรือว่าจะเป็นผู้อาวุโสระดับมหายานคนอื่นที่เขาเคยพบเจอ จินเย่ว์อดคิดแบบนี้ในใจไม่ได้

ที่แท้พลังยุทธ์ของหานลี่ในตอนนี้กับผู้นำในรุ่นก่อน ไม่ว่าจะกลิ่นอายหรือท่าทางของเขาต่างกันมาก ทำให้หญิงสาวผู้นี้ในทีแรกไม่ได้นึกถึง ‘บุตรศักดิ์สิทธิ์’ ของผู้นำเผ่าในอดีต

“ลุกขึ้นเถิด จินเย่ว์ เจ้าไม่อยู่รับผิดชอบเรื่องราวในเผ่าวิหคสววรค์ แล้วมาหาข้าถึงนี้มีเรื่องอันใด เจ้าควรจะรู้ว่า หากข้าไม่ได้เรียกหาด้วยตนเอง ภายในเวลาร้อยปี ผู้ส่งสารของเผ่าใดๆ ก็ตามสามารถมาพบข้าที่เผ่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้มากสุดแค่ครั้งเดียว” เย่ว์หลงถามออกมาประโยคหนึ่ง หลังจากที่โบกมือให้จินเย่ว์ลุกขึ้นยืน

“ตอบกลับผู้อาวุโส ครั้งนี้ข้าน้อยไม่มีทางเลือกจริงๆ จึงจำเป็นต้องมาของความช่วยเหลือจากท่านผู้อาวุโส ครึ่งปีก่อนเผ่าแดงสดมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ บุกมายึดครองชีพจรวิญญาณหลายสิบเส้นของเผ่าข้าน้อยและเมืองหลายแห่งโดยเพิกเฉยต่อกฎของเผ่า แล้วยึดครองเมืองทั้งหมดที่อยู่ในเขตของเผ่าวิหคสวรรค์โดยเพิกเฉยต่อคำเตือนของข้าน้อย ข้าน้อยได้ไปที่เผ่าแดงสดด้วยตนเอง แต่กลับถูกผู้เฒ่าหลายคนจากฝ่ายตรงข้ามร่วมมือกันโจมตี จำเป็นต้องกลับมาพักรักษาตัวที่เผ่าอีกครั้งเป็นเวลาครึ่งปี จึงต้องมาร้องเรียนเรื่องนี้กับท่านผู้อาวุโสอย่างเสียมิได้” จินเย่ว์เงยหน้าขึ้นมา พูดด้วยสีหน้าขุ่นเคือง

“เห้อ เป็นเรื่องของพวกเจ้ากับเผ่าแดงสดอีกแล้ว เจ้าอาจจะไม่รู้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ข้ารับรู้มาบ้างเล็กน้อย” เย่ว์หลงถอนหายใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พูดออกมาด้วยสีหน้าจำใจ

“อะไรนะ หรือว่า…” จินเย่ว์ตกใจ มีท่าทีราวกับนึกบางอย่างออก

“ถูกต้อง เมื่อสามเดือนก่อน หัวหน้าเผ่าแดงสดได้มาพบผู้เฒ่าด้วยตัวเอง ร่ำร้องเช่นนี้แหละ ทว่ากลับพูดว่า เผ่าวิหคสวรรค์ของพวกเจ้าที่เป็นฝ่ายไปบุกรุกยึดครองอาณาเขตของพวกเขาเมื่อหนึ่งปีก่อน จึงดำเนินการโต้กลับด้วยวิธีการเดียวกัน” เย่ว์หลงกล่าวช้าๆ

“ผู้เฒ่าอย่าไปหลงเชื่อ นี่ต้องเป็นคำให้ร้ายของเผ่าแดงสดอย่างแน่นอน เรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อนเป็นเพราะสาเหตุอื่น เป็นเผ่าแดงสดที่…” จินเย่ว์หน้าซีดเผือก คิดอยากอธิบายบางอย่างด้วยความกังวลในทันที

“หึ ตอนนี้ในใจของข้ามีแต่เรื่องทัณฑ์สวรรค์ครั้งถัดไป เรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญของพวกเจ้าเช่นนี้ ผู้เฒ่าจะเข้าไปร่วมเกี่ยวข้องได้อย่างไร หากมิใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของเผ่าทั้งเผ่า เจ้าก็ไม่ต้องมาหาข้า ตอนนี้กลับไปเถอะ” เย่ว์หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาขัดจังหวะด้วยสีหน้าเรียบเฉย