ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 743 สายฟ้าจิตทันใจ อันดับสี่ในสายฟ้าเซียนทั้งเก้า

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

‘ข้าคิดมากไปเองกระมัง?’

เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับเกิดความเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่ก็หายไปทันที เหมือนความรู้สึกหลอน

“ขอถามอาจารย์ปู่ วิชาสายฟ้านี้มีชื่อว่าอะไร” เยี่ยนจ้าวเกอถาม

หยวนเจิ้งเฟิงตอบ “ชื่อว่าบทสวดอัสนีทันใจ หากฝึกสำเร็จ จะได้รับอัสนีจิตทันใจมา แม้จะเรียกว่าอัสนี แต่กลับไม่มีรูปร่างของสายฟ้า เป็นจิตใจคนกลายเป็นสายฟ้าฟาด แปลกประหลาดยากหยั่งคาด ข้าฝึกมาหลายปียังมีความสำเร็จแค่เส้นขน กระนั้นก็สัมผัสได้ว่ามันมีความอัศจรรย์ไร้สิ้นสุด และมีอานุภาพแข็งแกร่งยิ่ง”

ชายหนุ่มพึมพำ “อัสนีจิตทันใจ…”

ชื่อของสายฟ้าชนิดนี้ เขาไหนเลยจะไม่เคยได้ยินมาก่อน

สายฟ้าจิตทันใจ ได้รับการขนานนามเคียงคู่ สายฟ้าห้าธาตุ สายฟ้าชั่วพริบตา และสายฟ้าอนธการ ถูกจัดอยู่ในอันดับสี่ในสายฟ้าเซียนทั้งเก้า

หากไม่พูดถึงความทรงอานุภาพ เพียงดูแค่ความแปลกประหลาด ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งอันดับสองในสายฟ้าเซียนทั้งเก้า

เหมือนคำกล่าวของหยวนเจิ้งเฟิง แม้จะชื่อว่าสายฟ้า แต่มันกลับไม่มีรูปลักษณ์ของสายฟ้า เสียงฟ้าร้องดังขึ้นในจิตใจของผู้คน เป็นความคิดของผู้คนกลายเป็นการระเบิดของสายฟ้า

ไม่ว่าจะเป็นที่ใดในจักรวาล ล้วนหาร่องรอยของสายฟ้าชนิดนี้ไม่พบ แต่ตัวมันอาจจะอยู่ในจิตใจของสิ่งที่มีสติปัญญาและวิญญาณ ไม่อาจสาปสูญ ไม่มีที่ใดที่ไม่คงอยู่

หยวนเจิ้งเฟิงแม้ว่าจะพูดถึงคร่าวๆ แต่เยี่ยนจ้าวเกอพอจะเข้าใจถึงผลลัพธ์ของการฝึกสายฟ้าทันใจของเขาแล้ว

สำหรับภายใน เมื่อฝึกวิชานี้กลายเป็นสายฟ้าจิตเสร็จแล้ว มันก็ทำลายจิตมารและความคิดฟุ้งซ่านของตัวหยวนเจิ้งเฟิงเอง ส่งผลดีต่อการฝึกฝน

สำหรับภายนอก เวลาต่อสู้กับคนอื่น หากหยวนเจิ้งเฟิงใช้วิชานี้ สายฟ้าแห่งจิตมารจะดังขึ้นในจิตใจของอีกฝ่าย

สายฟ้าชนิดนี้เกิดขึ้นในจิตใจของอีกฝ่าย แรงภายนอกไม่อาจป้องกัน พลังฝึกปรือของอีกฝ่ายจะกลายเป็นแค่ไม้ประดับ ต้องดูว่าจะสามารถสยบจิตมารของตัวเองที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างกะทันหันได้หรือไม่

ถ้าแก้ไขได้ ทุกอย่างก็จะจบลง แต่ถ้าแก้ไม่ได้ หยวนเจิ้งเฟิงไม่จำเป็นต้องลงมือ อีกฝ่ายก็เสี่ยงถูกธาตุไฟเข้าแทรก พ่ายแพ้โดยไม่ได้ต่อสู้

แต่ว่าในช่วงเวลาที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ชัยชนะตัดสินกันที่ระยะห่างระหว่างเส้นขนเท่านั้น

หากอีกฝ่ายมีจิตมารเกิดขึ้น ได้รับการรบกวนอย่างรุนแรง หยวนเจิ้งเฟิงย่อมได้เปรียบ

ความสามารถนี้แข็งกร้าวและแปลกประหลาด เกิดขึ้นในจิตใจของตัวเองโดยไร้เค้าลาง ทำให้ผู้คนรับมือไม่ทัน

อานุภาพของสายฟ้าจิตทันใจที่หยวนเจิ้งเฟิงใช้ จะมีการเปลี่ยนแปลงตามความเชี่ยวชาญในบทสวดสายฟ้าจิตทันใจของเขา

ถ้าหากหยวนเจิ้งเฟิงฝึกฝนสายฟ้าจิตทันใจให้มีผลสำเร็จถึงที่สุด เช่นนั้นนอกเสียจากอีกฝ่ายจะต้องมีระดับพลังฝึกปรือสูงกว่าเขาไม่น้อยแล้ว ไม่อย่างนั้นจะถูกกระตุ้นสายฟ้าแห่งจิตมารให้ดังขึ้นในใจ กลายเป็นแพ้ภัยตัวเอง

‘กลับเป็นสายฟ้าจิตทันใจ ก่อนวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่มีคนที่ครอบครองสายฟ้าชนิดนี้ไม่กี่คนเช่นกัน’

เยี่ยนจ้าวเกอเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในใจ ภาพที่มัวซัวเบื้องหน้าเหมือนกระจ่างชัดขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังคงไม่ชัดเจนดังเดิม

เขาส่ายหน้าเล็กน้อย สงบจิตใจ มองหยวนเจิ้งเฟิงพลางถามว่า “อาจารย์ปู่ ท่านฝึกฝนคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต มีพลังชีวิตเต็มเปี่ยม ระดับพลังฝึกปรือในตอนนี้ของท่าน ตามเหตุผลแล้วน่าจะลองต่อแขนกลับไปใหม่ได้ ใช่ว่าจะไร้ความหวัง”

หยวนเจิ้งเฟิงยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่รีบเท่าไร หลายปีมานี้ชินไปเสียแล้ว หากจะต่อแขนใหม่ จำเป็นต้องมีการเตรียมตัว ในใจข้ามีแผนการอยู่แล้ว จ้าวเกอไม่ต้องเป็นห่วง”

เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ว่าความสามารถของหยกแขวนวิญญาณจุติใกล้หมดลงอีกครั้ง จึงรีบพูดว่า “อาจารย์ปู่ไม่เป็นไรเช่นนี้ ช่างประเสริฐยิ่งนัก”

“ข้าอยู่ที่โลกซ้อนโลก ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะวางแผนต่อสู้กับสำนักแสงสว่างต่อ วันที่เราจะได้จัดการการคุกคามนี้อยู่อีกไม่ไกลแล้ว หวังว่าจะได้เจอท่านบนโลกซ้อนโลกในเร็ววัน ต่อจากนี้ขอให้ท่านรักษาตัวให้ดี”

ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างฮึกเหิม “ไปทำให้เต็มที่เถอะ ฟ้าดินของจ้าวเกอเจ้ายิ่งใหญ่ไพศาลนัก”

หมอกควันสีเขียวมรกตพุ่งออกมาจากเทวรูป ลอยขึ้นด้านบน จิตสายหนึ่งของเยี่ยนจ้าวเกอออกจากภูเขาหิมะไพศาล ผละจากโลกยมทะยานพร้อมกัน

หลังจากข้ามผ่านมิติไร้สิ้นสุด จิตของเยี่ยนจ้าวเกอก็กลับเข้าร่างอีกครั้ง

ด้านในมิติเวลาเบื้องหน้ามีประกายคลื่นซัดสาด เหมือนกับแช่อยู่ในประกายน้ำ

เขาเหมือนกับค่อยๆ สัมผัสกับเขตแดนมายาก่อนหน้าได้ เพียงแต่บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ในตอนแรกยังคงเป็นเช่นเดิม

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับอยู่ในกระแสเวลาที่แข็งแกร่งสายหนึ่ง

คังฮูหยินที่อยู่ไกลออกไป ทั่วร่างมีประกายกระบี่กะพริบ กลายเป็นคลื่นน้ำหลายสาย เหยียดยื่นออกไปรอบบริเวณ ส่งผลกระทบต่อมิติเวลาแห่งนี้

สีหน้าของนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็นมั่นใจและผ่อนคลาย มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเย็นชา มีความรู้สึกสั่งสมพลังรอปล่อยออก

เพราะความพยายามของนาง ความว่างเปล่าทั้งหมดจึงค่อยๆ หลุดจากสภาวะมายา กลับจากปลอมเป็นจริง

ส่วนคังฮูหยินเหมือนค่อยๆ ฟื้นฟูความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างอิสระกลับมาได้แล้ว

หลัวจื้อเทายังคงถูกกั้นเอาไว้ด้านในประกายน้ำ แต่ก็คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเขตแดนมิติเวลาเบื้องหน้าอย่างรัดกุมเช่นกัน

พวกถานจิ่นกลับถูกประกายน้ำขังไว้ ยังคงไม่อาจขยับเขยื้อน

เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ถึงสายตาของคังฮูหยิน เขาก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อย ไม่หวั่นวิตกแต่อย่างใด

เขาตอนนี้อารมณ์ดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

หยวนเจิ้งเฟิงปลอดภัย อีกทั้งอาจจะกลับโลกแปดพิภพได้ ความกังวลที่กดทับจิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอมาโดยตลอดได้หายไปหมดสิ้นแล้ว

ครั้นคิดถึงความยินดีนี้ จิตใจของเขาก็ผ่อนคลาย ถึงขั้นอดหัวเราะออกมาดังๆ ไม่ได้

คังฮูหยินสายตาเย็นเยียบเล็กน้อย พวกหลัวจื้อเทาและถานจิ่นต่างมีสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนกัน แต่ทุกคนกลับไม่กล้าทำอะไรวู่วามอยู่ชั่วขณะ เกรงว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะเคลื่อนไหวอะไรอีก

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกยินดีและฮึกเหิม หยุดหัวเราะ เชื่อมจิตกับตราประทับตะวันที่หลับลึกอยู่อย่างไม่รีบไม่ร้อน

ญาณจริงแท้ในร่างเปลี่ยนเป็นพลังหยินหยางอีกครั้ง เชื่อมต่อกับตราประทับตะวัน

อย่างค่อยเป็นค่อยไป พลังจางๆ หลายส่วนจากด้านในตราประทับตะวันได้ไหลเข้าไปในร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอ

‘ในตอนที่สร้างของวิเศษชิ้นนี้ขึ้น ได้แฝงหลักการของคัมภีร์พลิกนภากับคัมภีร์นภาหยินหยางเอาไว้จริงๆ เสียด้วย’ เยี่ยนจ้าวเกอโคจรพลัง ญาณจริงแท้ในร่างกลายเป็นปราณหยางหมดสิ้น

ปราณหยางเข้าปราณหยางกำเนิด ปรากฏลักษณะหยางโชติช่วง โดยหยางอยู่ในหยาง

ปราณหยางจำนวนมากดุจน้ำทะเล กลายเป็นปราณหยางโชติช่วงอันทรงพลัง

เยี่ยนจ้าวเกอยกมุมปากขึ้น “หลังจากหยินอ่อน หยางโชติช่วงก็สำเร็จ ก้าวที่สามสมบูรณ์แบบแล้ว”

เขาเงยหน้ามองคังฮูหยินที่ครั่นเนื้อครั่นตัวอยากจะเคลื่อนไหว เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะ เรื่องส่วนตัวของข้าจบแล้ว พวกเรามาสู้กันต่อเถอะ”

ขณะพูด เยี่ยนจ้าวเกอก็ลืมสองตาขึ้น ประกายตาแสงสาดออกมาทั่วสี่ทิศ

ภายใต้การโคจรเคล็ดวิชาในคัมภีร์พลิกนภา ร่างของเขาเปลี่ยนจากปลอมเป็นจริงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นตัวตนจริงๆ อีกครั้ง

คังฮูหยินเห็นดังนั้นก็ตกใจ ไม่มีเวลามาสนใจที่ตนเองยังทำไม่สำเร็จอีก ฝืนใช้ประกายกระบี่โจมตีใส่เยี่ยนจ้าวเกอ

กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็แทงนิ้วของตัวเองอีกครั้ง ใช้เลือดของตัวเองวาดลวดลายอาคมที่ลึกลับซับซ้อนลายหนึ่งใส่อากาศอย่างรวดเร็ว

ตราลวดลายอาคมครั้นปรากฏกลางอากาศ เขตแดนความว่างเปล่าก็พลันบิดเบี้ยวขึ้นมา

เวลาที่เหมือนกับกระแสน้ำกำลังจะหยุดการเปลี่ยนแปลงของความว่างเปล่า แต่กลับถูกขัดขืน เขตแดนความว่างเปล่าเปลี่ยนแปลงระหว่างปลายความลวงและปลายความจริงอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นสภาวะปั่นป่วน

คังฮูหยินได้แต่ฝืนหยุดยั้งท่าร่าง ไม่อาจส่งผลคุกคามต่อเยี่ยนจ้าวเกอได้อีก ส่วนพวกหลัวจื้อเทาและถานจิ่นต่างกลิ้งอยู่ในคลื่นอันซัดโหมนี้ไม่หยุด

ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเยี่ยนจ้าวเกอ ศพมังกรใช้แล้วทิ้งสองตัวลอยออกมาจากในวังฝูงมังกร ถูกเขาเซ่นสรวงอีกครั้ง

ในชั่วพริบตานั้น กระแสปั่นป่วนของมิติเวลาอันบ้าคลั่งก็ปรากฏขึ้นอีกหน!

…………………