บทที่ 1993 หน้าไม่อายแบบนี้
จากนั้น ‘เนี่ยอู๋โยว’ ก็ผงกหัวแล้วยิ้มให้ผู้อาวุโสแวบหนึ่ง ถือเป็นการตอบกลับแล้ว
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง สายตาของเนี่ยหลิงหลงพลันเคลื่อนไปจับที่ร่างของเยี่ยหวันหวั่นซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ในดวงตาปรากฏความเหยียดหยามดูแคลนอย่างไม่ปกปิดเลยสักนิด
จากนั้น ‘เนี่ยอู๋โยว’ ก็มองตามสายตาของเนี่ยหลิงหลงไปที่เยี่ยหวันหวั่นเช่นกัน จากนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นผู้นำไป๋”
“ใช่แล้ว ผู้นำไป๋มาในฐานะอะไรเหรอคะ” ‘เนี่ยอู๋โยว’ พลันเอ่ยพลางแย้มยิ้ม
เยี่ยหวันหวั่นมองไปที่ ‘เนี่ยอู๋โยว’ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “หมายความว่ายังไง”
“ก็ไม่มีความหมายอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่สงสัยว่า ผู้นำไป๋มาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วยฐานะผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย หรือว่ามาร่วมการประชุมด้วยฐานะของลูกสาวบุญธรรมของตระกูลเนี่ยของเรากันแน่”
‘เนี่ยอู๋โยว’ จ้องเยี่ยหวันหวั่น พลางเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเย็น
“เกรงว่าทุกท่านคงจะไม่ทราบสินะคะ ผู้นำไป๋ที่ทรงเกียรติของพันธมิตรอู๋เว่ย ฉายาแบดเจอร์แห่งรัฐอิสระ บุกตะลุยไม่หวั่นถึงความเป็นความตาย ตอนนี้กลับเกี่ยวพันกับตระกูลเนี่ยของพวกเรา แอบอ้างปลอมตัวเป็นผู้หญิงธรรมดา แทรกซึมเข้ามาในตระกูลเนี่ยของพวกเรา เกลี้ยกล่อมล่อลวงคุณแม่ของฉันให้รับเธอเป็นลูกสาวบุญธรรม”
‘เนี่ยอู๋โยว’ เชิดมุมปากขึ้นนิดๆ
พอ ‘เนี่ยอู๋โยว’ พูดจบ พวกระดับสูงและเหล่าผู้อาวุโสของกลุ่มอำนาจต่างๆ ในห้องประชุมต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าพันธมิตรอู๋เว่ยจะทำเรื่องแบบนี้ด้วย หลายปีก่อน พันธมิตรอู๋เว่ยยังมีบุญคุณความแค้นกับตระกูลเนี่ยอยู่เลยไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้ ไป๋เฟิงแห่งพันธมิตรอู๋เว่ยกลับปลอมตัวเป็นผู้หญิงธรรมดา แล้วทำให้นายหญิงตระกูลเนี่ยรับเธอเป็นลูกสาวบุญธรรมงั้นเหรอ? แบบนี้เกินไปหน่อยนะ…
“ฮ่าๆ หลานอู๋โยว เธอก็พูดไปเสียหมดเลย ผู้นำแห่งพันธมิตรอู๋เว่ยคนนี้ พฤติกรรมของพันธมิตรอู๋เว่ยในรัฐอิสระเป็นแบบไหน ทุกคนต่างรู้กันทั่วแล้ว ปลอมตัวเป็นผู้หญิงธรรมดา ไปหลอกให้นายหญิงตระกูลเนี่ยรับเธอเป็นลูกสาวบุญธรรม นี่ไม่ใช่เรื่องที่ปกติมากหรอกเหรอ พันธมิตรอู๋เว่ยก็หน้าด้านหน้าทนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ผู้นำบางคนเอ่ยยิ้มๆ
“โจวไท่ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนายด้วย” ผู้อาวุโสสามมองผู้นำคนนั้นด้วยใบหน้าอึมครึม “โจวไท่ ฉันจำได้ว่าช่วงนี้นายเตรียมจะส่งออกทรัพยากรอีกชุดนี่ ไม่ผิดสินะ…ก็ดี พันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเราไม่ได้ทำงานกันมานานแล้ว นายรอก่อนเถอะ”
เมื่อผู้อาวุโสสามพูดจบ สีหน้าของชายชราก็แปรเปลี่ยนทันที จ้องมองเยี่ยหวันหวั่น แล้วเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็น “ผู้นำไป๋ นี่คือธาตุแท้ของพันธมิตรอู๋เว่ยของเธองั้นเหรอ”
พอได้ยินเสียง เยี่ยหวันหวั่นก็ปรายตามองชายชราแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างเฉยชา “ก็เหมือนที่คุณว่านั่นแหละเหล่าโจว พันธมิตรอู๋เว่ยของเราก็หน้าไม่อายแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“เธอ…” บนหน้าผากของชายชรามีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาแล้ว นี่ช่างหน้าไม่อายแบบสุดๆ เลยจริงๆ!
ชายชรายังไม่ทันได้พูดต่อ ประตูใหญ่ของห้องประชุมก็เปิดออกอีกครั้ง
ผู้อาวุโสสิบคนค่อยเดินมาในห้องประชุม นำโดยชายที่สวมหน้ากากสีเงิน
เมื่อมองเห็นคนที่เข้ามา สีหน้าของทุกคนก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
โดยเฉพาะเยี่ยหวันหวั่น ซึ่งอดไม่ได้ที่จะแปลกใจอยู่บ้าง
“กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์งั้นเหรอ”
คุกคนบาปในครั้งนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าแม้แต่คนของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ก็เชิญมาด้วยเหรอ
ในเวลานี้ สายตาของเซี่ยเชียนชวนมองไปที่ร่างของชายสวมหน้ากาก พลางเปล่งเสียงออกมาว่า “รองผู้นำ นี่คือการประชุมที่พวกเราคุกคนบาปจัดขึ้น คนแซ่เซี่ยจำไม่เห็นได้เลยว่าเชิญกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์มาด้วยตอนไหน”
ระหว่างที่พูดนั้น รองผู้นำกลุ่มสหพันธ์ได้มองหาที่ว่างจากนั้นก็นั่งลงไปแล้ว พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “ทำไมล่ะ ถ้าพวกเรากลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์อยากมา ยังต้องรอให้กลุ่มอำนาจอื่นมาเชิญด้วยเหรอ”
พอได้ยินคำพูดของรองผู้นำกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์แล้ว สีหน้าของเซี่ยเชียนชวนก็เยียบเย็นลงทันที
ส่วนกลุ่มอำนาจอื่นๆ ถึงแม้ในใจจะไม่สบอารมณ์ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมาก ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
———————————————————
บทที่ 1994 คึกคักดีจริงๆ
คำพูดของรองผู้นำคนนี้โอหังสุดขีด แต่ใครจะกล้าตอบโต้อะไรกลับไป รองผู้นำออกตัว แสดงว่าเป็นตัวแทนของทั้งกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์แล้ว
“ระยะนี้คนใหญ่คนโตมีหน้ามีตาของรัฐอิสระหายตัวไปมากมาย ทำให้ผู้คนในรัฐอิสระหวาดกลัว พวกเราสหพันธ์วิทยายุทธ์มีฐานะเป็นผู้สอดส่องปกครอง มีอำนาจในการเข้าตรวจสอบสถานที่ต่างๆ การประชุมคุกคนบาปในครั้งนี้ เชิญคนมามากมาย พวกเราจึงต้องมาดูสถานการณ์ ฟังว่าพวกคุณจะพูดอะไรกัน ทุกอย่างไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่
ใครจะไปรู้ว่าพวกคุณกำลังวางแผนอะไรอยู่ บางที คนที่หายตัวพวกนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นฝีมือของพวกคุณก็ได้” ต่อมา รองผู้นำของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ได้เปิดปากเอ่ยออกมาเช่นนี้
“เรื่องนี้…”
“ดูเหมือนที่พูดมาจะมีเหตุผลอยู่บ้าง”
“เหตุผลบ้าอะไรล่ะ พวกจี้หวงหายตัวไปอย่างลึกลับ แล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย”
“ก็ใช่นะ เรื่องเย้ยฟ้าท้าดินแบบนี้ ใครกันล่ะที่กล้าไปลักพาตัวจี้หวงน่ะ พูดจาเสียใหญ่โต ใครจะไปรู้ว่าเป็นฝีมือของพวกเขากลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์หรือเปล่า”
ตอนนี้ พวกระดับสูงกับผู้นำบางส่วนต่างก็กระซิบกระซาบกันแล้ว
“ได้ ในเมื่อกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์สงสัยว่าเป็นฝีมือของพวกเรา งั้นก็เชิญตรวจสอบตามสบายเลย แต่ผมหวังว่ารองผู้นำจะไม่กลับไปมือเปล่านะ จะดีที่สุดถ้าตรวจสอบพบอะไรได้บ้าง” เจียงหลีเฮิ่นที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเย้ยหยัน
ในรัฐอิสระกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์มีอำนาจในการสอดส่องปกครองจริงๆ นี่เป็นสิ่งที่ได้รับมาจากการลงคะแนนเสียงจากกลุ่มอำนาจทั้งหมดของรัฐอิสระในปีนั้น ตอนนี้สหพันธ์วิทยายุทธ์ต้องการสอดส่อง งั้นก็ปล่อยให้พวกเขาสอดส่องไปสิ
ไหนๆ สหพันธ์วิทยายุทธ์ก็ว่างขนาดนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร ไม่อย่างนั้น หากไล่กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ออกไป แล้วมีข่าวแพร่ออกไป คนทั้งรัฐอิสระอาจจะพูดกันว่าพวกเขากินปูนร้อนท้องก็ได้
ทางกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์เพิ่งนั่งลงอย่างมั่นคง ในตอนที่การประชุมเตรียมจะเริ่มขึ้นแล้ว ทันใดนั้น กลับมีคนกลุ่มใหญ่บุกเข้ามาจากด้านนอก
ผู้นำกลุ่มอายุราวยี่สิบแปดยี่สิบเก้าปี หน้าตาหล่อเหลา สวมชุดลำลองสบายๆ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งตัวคนกลับดูมีความละมุนละไมยิ่ง
“ฮ่าๆ คึกคักดีจริงๆ”
ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มกวาดสายตามองไปรอบห้อง พลางหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า
“เป็นเขาเหรอ?!”
“ลำดับที่สองของจี้หวง…แปดมหาเทพ กู่อวี้สินะ”
“ไม่น่าเชื่อเลยว่ากู่อวี้จะเป็นแค่ลำดับสอง ได้ยินว่าความสามารถของเขายอดเยี่ยมมาก เป็นกำลังสำคัญที่สุดของจี้หวง เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และความสามารถ ฝีมือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าจี้หวงเลยสักนิด…”
“แล้วลำดับที่หนึ่งเป็นใครล่ะ”
“เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัด แปดมหาเทพใต้สังกัดของจี้หวง ที่เผยโฉมออกมามีแค่เจ็ดคนเท่านั้น คนสุดท้ายลึกลับมาก ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน ถึงขั้นที่มีคนลือกันว่า ลำดับสุดท้ายในแปดมหาเทพ ก็คือตัวจี้หวงเอง…”
ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ กู่อวี้ เยี่ยหวันหวั่นย่อมรู้จักดี เป็นคูกู่ที่ปกติแล้วจะติดตามอยู่ข้างกายจี้หวง และเป็นหนึ่งในแปดมหาเทพด้วย
“นั่งสิ” เซี่ยเชียนชวนเอ่ยขึ้นมา
พอได้ยินดังนั้น กู่อวี้ก็ยกยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง ไม่พูดอะไรไร้สาระ แล้วนั่งลงข้างๆ
“เวรแล้ว…”
สายตาของเยี่ยหวันหวั่นบังเอิญมองไปยังร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ใจกลางกลุ่มของพวกจี้หวงเข้าพอดี
และเวลานี้ ชายคนนั้นก็กำลังมองสำรวจรอบข้างอยู่
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกอยู่บ้าง ทำไมเนี่ยอู๋หมิงคนนี้ถึงได้แจ้นตามกลุ่มของจี้หวงมาร่วมชมเรื่องครื้นเครงด้วยล่ะ
เยี่ยหวันหวั่นหันหน้าหนีตามสัญชาตญาณ ไม่อยากให้เนี่ยอู๋หมิงมองเห็นตัวเอง
“ฮะฮ่า น้องสาวคนดี เธอก็อยู่ด้วยเหรอ!”
กลัวอะไรก็ได้อย่างนั้นเลย สายตาของเนี่ยอู๋หมิงหันเหไปที่ร่างของเยี่ยหวันหวั่น จากนั้นก็สาวเท้าเดินไปหยุดข้างกายเยี่ยหวันหวั่นทันที
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำจะพูดแล้ว
“อะไรกัน ทึ่มทื่ออยู่ทำไม ยังไม่ไปเอาเก้าอี้มาให้ฉันอีกเหรอ!” เนี่ยอู๋หมิงเหลือบมองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง