บทที่ 1995 ระงับการผลิตน้ำส้มสายชู
เป่ยโต่วมีสีหน้าสับสนงุนงง ไม่เข้าใจเลยว่าเป็นสถานการณ์แบบไหนกัน
แต่พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นไม่พูดอะไร จึงทำได้เพียงไปยกเก้าอี้มาให้ด้วยความงุนงง แล้ววางลงข้างๆ เยี่ยหวันหวั่น
หลังจากเนี่ยอู๋หมิงนั่งลงแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็เปิดปากถามทันที “พี่ไม่มากับคนตระกูลเนี่ย แต่ทำไมพี่ถึงมากับคนของจี้ซิวหร่านล่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นไม่อาจเข้าใจได้เลยจริงๆ ดีร้ายยังไงเนี่ยอู๋หมิงก็เป็นคุณชายตระกูลเนี่ยนะ ทำไมกันล่ะ
“เชอะ พวกเขาไม่พาฉันมาด้วยน่ะสิ แล้วฉันจะทำยังไงได้ ฉันก็ทำได้แค่ติดมากับคนของน้องจี้แล้ว” เนี่ยอู๋หมิงพูด
“แล้วพี่มาทำไม” เยี่ยหวันหวั่นอยากรู้อยู่บ้าง
“แน่นอนว่ามาเพื่อสืบหาเบาะแสน้องจี้ของฉันไง ถือโอกาสมาดูด้วยว่ามีธุรกิจอะไรให้ทำ มีกำไรอะไรให้โขกบ้าง” เนี่ยอู๋หมิงเอ่ยยิ้มๆ
เยี่ยหวันหวั่นถึงกับพูดไม่ออก…
สืบหาเบาะแสของจี้ซิวหร่านน่ะโกหกทั้งเพ คิดจะมาทำธุรกิจหาเงินน่ะสิเรื่องจริง
เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นนึกห่วงจี้ซิวหร่านเหลือเกิน นี่เขาคบเพื่อนแบบไหนเข้ากันเนี่ย?!
“อ่อใช่ น้องสาวคนดี…” เนี่ยอู๋หมิงกอดคอเยี่ยหวันหวั่นอย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง พลางเอ่ยกระซิบข้างหู “นั่นน่ะ เรื่องยาถอนพิษเป็นยังไงบ้าง พี่เป็นห่วงเธอจริงๆ นะ กังวลใจกับเธอ…เจ้าคนตายเคยบอกพี่ว่า เวลาของเธอน่ะเหลือไม่มากแล้ว…”
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ
เหลือเวลาไม่มากับผีอะไร พูดดีๆ ไม่เป็นเหรอไง
ทันทีที่เนี่ยอู๋หมิงกอดคอเยี่ยหวันหวั่น แววตาเยียบเย็นเข้าไปถึงในกระดูกก็พลันเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของชายหนุ่มบางคน แล้วจับจ้องไปที่ร่างของเนี่ยอู๋หมิง
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเหน็บหนาวอันเย็นยะเยือกนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นนิดๆ
จบเห่แล้ว เถ้าแก่น้ำส้มสายชูเริ่มกลั่นน้ำส้มสายชูอีกแล้ว แต่นี่น่ะพี่ชายแท้ๆ ของเธอนะ…
ด้วยความอับจนหนทาง เยี่ยหวันหวั่นจึงทำได้เพียงคว้ามือของเนี่ยอู๋หมิงแล้ววางกลับไปอย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง ถึงได้ทำให้ใครบางคนระงับการผลิตน้ำส้มสายชูแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองหลอนไปเองหรือเปล่า อันที่จริงวันนี้ตั้งแต่ออกจากบ้านมา เยี่ยหวันหวั่นก็รู้สึกแล้วว่าร่างกายตัวเองผิดปกติอยู่บ้าง “สถานที่ห่วยๆ นี่ไม่ได้เปิดแอร์เหรอไง ทำไมฉันรู้สึกร้อนขนาดนี้กันล่ะ”
เนี่ยอู๋หมิงเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกใจ “อากาศหนาวจะตาย ยังจะมาเปิดแอร์อะไรอีก”
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งไป
ถ้างั้นทำไมเธอถึงรู้สึกร้อนวูบวาบกันล่ะ โดยเฉพาะ…เวลาที่สบตากับซือเยี่ยหานน่ะ…
อีตาคนนั้นใบหน้าเย็นชาเหมือนน้ำแข็งอยู่ตลอดชัดๆ
ในขณะนี้เอง เยี่ยหวันหวั่นไม่สังเกตเห็นเลยว่า บนลำคอของตัวเองปรากฏเส้นสายสีแดงจางๆ ขึ้นมาอย่างเลือนรางทีละเส้นๆ แล้ว กำลังคืบคลานแผ่ขยายออกไปอย่างเชื่องช้าเสมือนใยแมงมุม…
ในวินาทีสุดท้ายที่การประชุมจะเริ่มขึ้น ในที่สุดคนของตระกูลเสิ่นก็มาถึงแล้ว
นอกจากตระกูลเสิ่นแล้ว แม้แต่ตระกูลหลิงที่มีลำดับต่ำสุดในสี่ตระกูลใหญ่ ก็ส่งตัวแทนมาด้วยเช่นกัน
ตัวแทนจากตระกูลหลิง เป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง หลังจากฝ่ายชายมาถึงแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเพ่งพินิจเยี่ยหวันหวั่นอยู่หลายครา
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของชายคนนั้น เยี่ยหวันหวั่นจึงมองตรงไปหาทันที ชายคนนั้นพลันถอนสายตากลับไป และนั่งนิ่งๆ อยู่บนตำแหน่งที่นั่ง
เมื่อเห็นว่าทุกคนมาถึงกันหมดแล้ว เซี่ยเชียนชวนก็สบตากับเจียงหลีเฮิ่นแวบหนึ่ง สุดท้ายจึงประกาศเริ่มการประชุม
“ทุกท่านมากันพร้อมหน้า คุกคนบาปของผมรู้สึกขอบคุณมาก” เซี่ยเชียนชวนเอ่ยขึ้นมาก่อน
“เนื่องมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะนี้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนหัวข้อการประชุมในครั้งนี้เล็กน้อย ทุกคนน่าจะทราบกันดีแล้ว ว่าในช่วงที่ผ่านมานี้ ในรัฐอิสระเกิดเรื่องประหลาดขึ้น มิตรสหายกว่าสิบท่านและแม้กระทั่งจี้หวงล้วนหายตัวไปอย่างน่าประหลาด พวกเราเชื่อว่า เรื่องนี้ต้องไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน…” เจียงหลีเฮิ่นกล่าวต่อ
พอสิ้นเสียง เยี่ยหวันหวั่นก็เหลือบมองเจียงหลีเฮิ่นแวบหนึ่ง ต้องพูดเลยว่า เจียงหลีเฮิ่นคนนี้ช่างพูดจริงๆ มิตรสหายอะไรกัน คาดว่าเขาน่าจะไม่เคยเจอคนพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ
———————————————————–
บทที่ 1996 รับเงินแต่ไม่ทำงาน
“เหอะๆ คนอื่นน่ะฉันไม่สนหรอก แต่ว่าจี้หวงของฉันหายตัวไปเหมือนกัน ทุกท่านที่อยู่ในที่ประชุม หวังว่าพวกคุณจะสะอาดหมดจดกันทุกคนนะ อย่าให้ฉันรู้ว่าเป็นฝีมือของใคร ไม่งั้น…เรื่องทำให้พินาศกันไปทั้งคู่น่ะ พวกเราก็ทำได้เหมือนกัน เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักนิสัยใจคอของฉันกู่อวี้ดี ใช่ไหม”
กู่อวี้ยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง กวาดสายตามองไปทั่วห้อง จากนั้นก็มองไปทางกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์อยู่หลายครั้ง
“เหอะๆ นั่นมันแน่อยู่แล้ว ช่วงนี้พวกเรากลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ล้วนกำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เชื่อว่าอีกไม่นานคงได้บทสรุปแล้ว” รองผู้นำสหพันธ์วิทยายุทธ์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ทุกท่าน ถ้าบอสใหญ่ของพวกคุณคนไหนหายตัวไป อาศัยแค่การสืบหาของพวกคุณอย่างเดียว แบบนี้จะต้องสืบไปจนถึงเมื่อไรกัน?”
จู่ๆ เนี่ยอู๋หมิงก็ลุกขึ้น แล้วเปิดปากพูด “พวกคุณมาหาผมสิ ผมกับพรรคพวกของผม เป็นทหารรับจ้างที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรัฐอิสระ ขอแค่พวกคุณจ่ายเงินมา บอสใหญ่ของพวกคุณก็จะเป็นพ่อแม่บังเกิดเกล้าของผมเลย พวกเราจะขุดดินสามฉื่อ ไปจนถึงสามสิบฉื่อ เพื่อตามหาตัวพวกเขากลับมาให้พวกคุณ ขอแค่เงินถึง ก็ไม่มีอะไรที่พวกเราทำไม่ได้”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
นี่ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของฉัน ฉันไม่รู้จักกับเขาเลย…ไม่รู้จักเด็ดขาด!
พอสิ้นเสียงของเนี่ยอู๋หมิง ทุกคนต่างก็จ้องมองไปยังเนี่ยอู๋หมิงแล้ว
“เอาสิน่า ใครบ้างจะไม่รู้ว่ากลุ่มของเนี่ยอู๋หมิงก็คือพวกต้มตุ๋นหลอกลวง ขึ้นชื่อเรื่องรับเงินแต่ไม่ทำงานน่ะ”
บอสใหญ่บางคนเอ่ยออกมา
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม…
“ใคร ใครกันที่บอกว่าฉันรับเงินแต่ไม่ทำงาน ออกมาเลย มีปัญญาก็มาพูดต่อหน้าฉันสิ ข้าไปรับเงินแต่ไม่ทำงานตอนไหนกัน นอกเสียจากจะให้เงินไม่มากพอ!” เนี่ยอู๋หมิงพลันโวยวายด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
ครั้งนี้ เยี่ยหวันหวั่นสามารถเป็นพยานให้บอสใหญ่คนนั้นได้ พวกเนี่ยอู๋หมิงรับเงินแต่ไม่ทำงานเลยจริงๆ
ถ้าจะหวังให้พวกเนี่ยอู๋หมิงไปตามหาคน เกรงว่าคนเหลือแต่กระดูกแล้ว ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร…
เพียงแต่ กลุ่มของเนี่ยอู๋หมิง บางครั้งก็ค่อนข้างพึ่งพาได้เหมือนกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ขึ้นอยู่กับโชคทั้งนั้น
“เอ้า พวกคุณถามผู้นำไป๋ของพันธมิตรอู๋เว่ยดูสิว่าสรุปแล้วการทำงานของกลุ่มพวกเรามีประสิทธิภาพไหม ทั้งรวดเร็วทั้งเก่งกาจเลยใช่หรือเปล่า!”
ในขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังชมเรื่องครื้นเครงอยู่นั้น เนี่ยอู๋หมิงก็ชี้นิ้วมาทางเธอแล้ว
ฉากนี้ เยี่ยหวันหวั่นไม่เคยนึกถึงมาก่อน
เยี่ยหวันหวั่นผงะไปครู่หนึ่ง นี่มันอะไรของพี่เนี่ย!
“เอ่อ…” เมื่อเห็นสายตาของผู้คนมากมายมองมาที่ตัวเอง ตอนนี้สีหน้าเยี่ยหวันหวั่นจึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะพูดยังไงดี
“อันที่จริง ยังคงพึ่งพาได้อยู่บ้าง พวกเราเคยร่วมงานกันมาหลายครั้งแล้ว กลุ่มของอู๋หมิง ค่อนข้างพึ่งพาได้ทุกครั้งเลย…”
ถึงยังไงก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง ครั้งนี้เยี่ยหวันหวั่นจึงทำได้เพียงเพิกเฉยต่อมโนธรรมแล้วพูดออกไป
“ถามกู่อวี้กับคูกู่ดูด้วยสิ พวกเขาเป็นคนของจี้หวงเลยนะ” เนี่ยอู๋หมิงพูดขึ้นมาอีก
“เรื่องนี้…” กู่อวี้มุ่นคิ้วนิดๆ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “พึ่งพาได้มากเลย…”
จากนั้นก็พูดจาสวยสดงดงามต่อไปอีก ทว่าไม่มีใครเชื่อถือเลย เนี่ยอู๋หมิงผู้ใฝ่ฝันหาโชคลาภ คล้ายว่าจะไม่มีโชคเสียแล้ว
“เมื่อวานได้รับข่าวว่า ผู้นำตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลเจียง หายตัวไปตอนออกไปข้างนอก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวอะไรเลย” ในไม่ช้า เซี่ยเชียนชวนก็พูดต่อแล้ว
“ตระกูลเก่าแก่…ผู้นำตระกูลเจียงงั้นเหรอ?!”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ สีหน้าของทุกคนก็พลันแปรเปลี่ยน ผู้นำตระกูลของตระกูลเก่าแก่ นั่นเป็นระดับไหนกันแล้ว?! ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะหายตัวไปเหมือนกัน!
และในวินาทีนี้ ทุกคนต่างก็จมอยู่ในภวังค์ความคิด ตอนนี้สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับรัฐอิสระกันแน่
ขณะที่ทุกคนพากำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ก็พลันเกิดเสียง ‘ปัง’ ดังสนั่นขึ้นมาจากประตูใหญ่ของห้องประชุมเนื่องจากถูกคนข้างนอกถีบให้เปิดออก
………………………………………………