บทที่ 1997 มาโดยไม่ได้รับเชิญ
ณ เวลานี้ ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมต่างโมโห
การประชุมวันนี้จัดขึ้นโดยคุกคนบาป คนทั้งหมดที่มาล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงในรัฐอิสระ ใครกันที่กล้ามาอวดดีแบบนี้!
มีประกายความเยียบเย็นวาบผ่านดวงตาของเซี่ยเชียนชวน ใบหน้าของเจียงหลีเฮิ่นก็เต็มไปด้วยสนใจ นึกอยากรู้ว่าเป็นใครกันแน่ที่รีบร้อนอยากไปเกิดใหม่เหลือเกิน
ด้านนอกประตู มีชายหนุ่มหน้าตาไร้อารมณ์ แต่งตัวสบายๆ เรือนผมยาวสีดำขลับเหมือนน้ำหมึก ปล่อยสยายถึงช่วงเอว เยื้องย่างเอ้อระเหย ทว่ารัศมีอันน่าสะพรึงกลับทำให้คนหายใจไม่ออกอยู่บ้าง
“เวรแล้ว…”
เมื่อเห็นผู้มาเยือน เป่ยโต่วก็สั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัดเจน แล้วเอ่ยขึ้นว่า “พะ…พี่…พี่สวะหมา!”
อี้สุ่ยหานเข้ามาในห้องประชุม เดินเข้าไปยังจุดศูนย์กลางโดยไม่ยำเกรงใครหน้าไหน เมื่อเห็นว่าที่นั่งเต็มหมดแล้ว จึงเดินไปหยุดข้างกายผู้อาวุโสคนหนึ่งของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์
เมื่อเห็นสายตาของสวะหมามองมา ผู้อาวุโสของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์คนนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น พลันมีหยาดเหงื่อเย็นผุดออกมาจากหน้าผาก
“ลุกซะ” อี้สุ่ยหานเอ่ยอย่างเฉยชา
ท่ามกลางสายตาของฝูงชน ผู้อาวุโสของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์คนนั้นกัดฟันแน่น ทำได้เพียงลุกออกจากที่นั่ง
ในตอนนี้ แววขี้เล่นบนใบหน้าของเจียงหลีเฮิ่นหายไปแล้ว แทนที่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“พี่อี้ พี่มาได้ยังไงกัน”
รองผู้นำกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์มองอี้สุ่ยหานด้วยความแปลกใจ
ทว่าอี้สุ่ยหานไม่ตอบสนองใดๆ
ยกมือขึ้นมาเล็กน้อย ชี้ไปที่เจียงหลีเฮิ่นก่อน ตามด้วยเซี่ยเชียนชวน จากนั้นก็เป็นตระกูลเนี่ย ตระกูลหลิง แถมยังมีตระกูลเสิ่นด้วย
“คนไหนกันที่ลักพาตัวผู้นำตระกูลเก่าแก่ไป”
ผ่านไปเนิ่นนาน อี้สุ่ยหานถึงได้เปล่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
พอสิ้นเสียง ทุกคนในห้องก็มองหน้ากันเหลอหลา พวกเขาจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ…ว่าเป็นใครที่ลักพาตัวผู้นำตระกูลเจียงไป
ต่อให้เป็นการลักพาตัวก็น่าจะเป็นสวะหมาที่ลักพาตัวไปเสียเอง ในรัฐอิสระใครบ้างล่ะที่ไม่รู้ว่าสวะหมาอยากล้างบางตระกูลเก่าแก่ทั้งหมดน่ะ
หรือจะมีอะไรที่เข้าใจผิดไป
เยี่ยหวันหวั่นมองสวะหมา นึกสงสัยอยู่ในใจ
ก่อนหน้านี้ เยี่ยหวันหวั่นก็เคยสงสัยว่า คนที่หายตัวไปจากรัฐอิสระพวกนั้น เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นฝีมือของสวะหมา แต่วันนี้สวะหมามาโดยไม่ได้รับเชิญ แถมยังพูดจาแบบนี้ด้วย…
“ถ้าใครลักพาตัวพวกตระกูลเก่าแก่ไป ก็ส่งตัวมาให้ฉันซะ แล้วจะไม่ถือสาเรื่องที่ผ่านมา ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะล้างบางทั้งโคตรเหง้า” สายตาข่มขวัญคนของอี้สุ่ยหานกวาดมองไปรอบห้อง ในน้ำเสียงที่เยือกเย็น แฝงอานุภาพบางอย่างที่ทำให้คนไม่อาจปฏิเสธได้
คำพูดของอี้สุ่ยหาน ทำให้ผู้คนโกรธเคืองทว่าไม่กล้าพูดออกมา ถ้าพวกเขามีความสามารถพอที่จะลักพาตัวผู้นำของตระกูลเก่าแก่ก็ว่าไปอย่าง
“พี่อี้ เรื่องนี้ คนอื่นน่ะไม่รู้หรอกนะ แต่ว่าเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับตระกูลเนี่ยของพวกเราจริงๆ”
‘เนี่ยอู๋โยว’ มองไปที่อี้สุ่ยหาน เปิดปากอธิบาย
“สะเออะ” อี้สุ่ยหานเหลือบมอง ‘เนี่ยอู๋โยว’ แวบหนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเย็น
‘เนี่ยอู๋โยว’ ไม่พอใจบ้างแล้ว “คุณ…”
เนี่ยหลิงหลงก็มุ่นคิ้วนิดๆ เหมือนกัน แต่กลับไม่ได้ปริปากพูดเลย
“เธอมีหน้าที่แค่ฟังฉันเท่านั้น” อี้สุ่ยหานตัดบทอีกครั้ง
“พี่อี้ การประชุมในวันนี้จัดขึ้นโดยคุกคนบาป ถ้าพี่อี้อยากมาหาเรื่องจริงๆ รอให้พวกเราประชุมเสร็จก่อนได้ไหม”
เซี่ยเชียนชวนมองไปที่อี้สุ่ยหาน พลางเอ่ยถาม
อี้สุ่ยหานยังไม่ทันได้ตอบ เยี่ยหวันหวั่นก็เหลือบมองสหพันธ์วิทยายุทธ์อย่างยิ้มมิเชิงยิ้มแวบหนึ่ง แล้วพลันส่งเสียงขึ้นมาว่า “สหายอี้ คุณถามกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ดูก็ได้นี่ เรื่องลักพาตัวผู้นำตระกูลเก่าแก่น่ะ ก็มีแค่กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์แล้วที่มีความสามารถระดับนี้”
พอเยี่ยหวันหวั่นพูดจบ สายตาของอี้สุ่ยหานก็มองไปที่ร่างของรองผู้นำ
“ตลกแล้ว พวกเรากลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ จะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน” รองผู้นำถลึงตาใส่เยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง แล้วฮึเสียงเย็น
—————————————————————–
บทที่ 1998 เธอมีแบ็กใหญ่
“พวกนาย พาฉันไปที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ซะ ให้ฉันตรวจสอบดู” อี้สุ่ยหานเอ่ย
“อี้สุ่ยหาน คนอื่นพูดอะไรพี่ก็เชื่องั้นเหรอ” น้ำเสียงของรองผู้นำไม่สบอารมณ์แล้ว
“ถ้าไม่ได้ทำเรื่องน่าละอาย ไยต้องกลัวผีร้ายมาเคาะประตู พวกนายกลัวอะไรกันล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเยาะหยัน
อี้สุ่ยหานมองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “คนอื่นฉันไม่สนหรอกนะ แต่เรื่องของตระกูลเก่าแก่ ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน พวกนายก็ส่งตัวแทนไปตรวจสอบดูสักคนสิ ถ้าเจอปัญหายุ่งยาก ฉันจะช่วย”
“พวกเราตระกูลเนี่ย ยินดีตรวจสอบเรื่องนี้”
ทันใดนั้น เนี่ยหลิงหลงก็พลันลุกขึ้น มองไปที่อี้สุ่ยหาน ยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า “ฉันกับพี่อู๋โยวของฉัน มีความมั่นใจว่าสามารถตรวจสอบให้กระจ่างได้”
ทุกคนที่อยู่ในห้อง ใครบ้างล่ะที่ไม่อยากสานสัมพันธ์กับสวะหมา
หากว่าสามารถตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างได้ ไม่เพียงแต่จะมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นในรัฐอิสระเท่านั้น ยังทำให้สวะหมาติดหนี้น้ำใจได้ด้วย
“ฉันๆๆ ฉันจะไป!” ทันใดนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน ยกมือเอ่ยเสนอตัว
ซือเยี่ยหานมองไปที่เยี่ยหวันหวั่น มุ่นคิ้วนิดๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจอยู่บ้าง น่าจะรู้แต่แรก ขอแค่เธอมา ก็ไม่มีทางยอมอยู่อย่างสงบหรอก
“อา ผู้นำแห่งพันธมิตรอู๋เว่ยท่านนี้ พี่อี้น่าจะรู้จักแนวทางปฏิบัติงานของพันธมิตรอู๋เว่ยดี คนประเภทนี้ จะรับหน้าที่ใหญ่หลวงแบบนี้ได้ยังไง อีกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายหรืออำนาจ พันธมิตรอู๋เว่ยจะเทียบกับตระกูลเนี่ยได้ยังไงกัน” ‘เนี่ยอู๋โยว’ ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น
ดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นหรี่ลงเล็กน้อย แล้วมองไปที่ ‘เนี่ยอู๋โยว’ ด้วยฐานะผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยของเธอในปัจจุบันนี้ เส้นสายและอำนาจเทียบกับตระกูลเนี่ยไม่ได้เลยจริงๆ แต่แล้วยังไงล่ะ เธอมีแบ็คใหญ่นะ! อีกอย่างลูกชายเธอก็เป็นลูกศิษย์ของอี้สุ่ยหานด้วย
ฝูงชนมองเห็นแค่ว่าอี้สุ่ยหานพยักหน้า แล้วพูดกับ ‘เนี่ยอู๋โยว’ ว่า “เธอพูดจามีเหตุผล”
มุมปากของ ‘เนี่ยอู๋โยว’ ค่อยๆ ยกโค้งขึ้น แต่ว่ารอยยิ้มยังไม่ทันปรากฏ ก็ได้ยินอี้สุ่ยหานเอ่ยว่า “เรื่องนี้มอบหมายให้ผู้นำไป๋แล้วกัน”
‘เนี่ยอู๋โยว’ แทบช็อกไปแล้ว
เนี่ยหลิงหลงก็ตะลึงไปเช่นกัน
ใบหน้าของ ‘เนี่ยอู๋โยว’ เต็มไปด้วยไม่อยากจะเชื่อ “คุณอี้คะ คุณผิดพลาดตรงไหนไปหรือเปล่า”
คำพูดนี้ของอี้สุ่ยหานไม่ใช่แสดงให้เห็นหรอกหรือว่าในใจของเขา เส้นสายและอำนาจของตระกูลเนี่ยสู้พันธมิตรอู๋เว่ยไม่ได้น่ะ
ไม่ใช่แค่ ‘เนี่ยอู๋โยว’ เท่านั้น แม้แต่เยี่ยหวันหวั่นเองก็มึนงงไปแล้ว คนอื่นก็มองหน้ากันเหลอหลา ล้วนกล่าวกันว่าอี้สุ่ยหานชอบทำอะไรแปลกๆ เห็นทีคงจะจริง…
ในเวลานี้เอง ก็มีน้ำเสียงตื่นเต้นเป็นล้นพ้นของคนผู้หนึ่งดังขึ้นมาจากกลุ่มคน “ฮ่าๆๆ เจ้าหมา ในที่สุดนายก็โผล่มาแล้ว!”
ตอนนี้ เนี่ยอู๋หมิงจ้องมองอี้สุ่ยหาน สองตาส่องประกาย “เจ้าหมา มาประลองกันเถอะ!”
อี้สุ่ยหานเหลือบมองเนี่ยอู๋หมิงแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ตอบสนองอะไร ทำเพียงมองไปที่รองผู้นำกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ “ไปกับฉัน ไปที่สำนักงานใหญ่ของพวกนาย”
พอพูดจบ อี้สุ่ยหานก็หันหลังก้าวออกไป
“ฮึ่ม! พูดจาไม่รู้เรื่อง!” รองผู้นำส่งเสียงฮึดฮัด “ถ้าพี่อยากเสียเวลา งั้นก็จะพาพี่ไปดูแล้วกัน”
หลังจากอี้สุ่ยหานกับคนของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ออกไปแล้ว เนี่ยอู๋หมิงก็เกาท้ายทอยแกรกๆ “เจ้าหมากลัวฉันเหรอไง”
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว มองเนี่ยอู๋หมิงแล้วเอ่ยว่า “รู้สึกว่าไม่เหมือนจะกลัวคุณเลยนะ…”
“งั้นเป็นอะไรล่ะ” เนี่ยอู๋หมิงสงสัยอยู่บ้าง
“น่าจะเป็น รู้สึกดูแคลนมากกว่า…” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
“เธอจะไปรู้อะไรล่ะ เขาฟังคำท้ารบของฉันไม่ออกต่างหาก!” เนี่ยอู๋หมิงพลันร้อนรน
เยี่ยหวันหวั่นตอบอย่างขอไปที “โอ้ ก็เป็นไปได้นะ”
“เดิมทีหัวข้อการประชุมในครั้งนี้ก็คืออยากคัดเลือกตัวแทนไปตรวจสอบเรื่องราว เห็นทีว่าจะได้ข้อสรุปกันแล้ว” เจียงหลีเฮิ่นเอ่ยขึ้น
เดิมทีพวกเขาคุกคนบาปเตรียมที่จะคัดเลือกคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างไว้แล้ว จะได้ขยายอิทธิพลอำนาจและสร้างชื่อเสียงไปด้วย ไม่คิดเลยว่าจะถูกพันธมิตรอู๋เว่ยเข้ามาสอดเสียได้…
……………………………………………………