เล่มที่ 32 เล่มที่ 32 ตอนที่ 953 ใจของซูอวี้ แม้แต่เจ้าก็ยังหลอกข้า…

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เมื่อเป่ยถังหลีได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น ทว่ายังไม่ทันเห็นชัดเจนว่าผู้ที่เข้ามาเป็นผู้ใด นางจึงนิ่งเงียบอย่างรวดเร็ว

“พวกเจ้าตัดใจเสียเถิด! ข้าบอกแล้ว ต่อให้สังหารข้า ข้าก็จะไม่พูดอันใด ไม่พูดแน่นอน! ”

ซูอวี้ค่อยๆ เดินเข้ามาที่เตียงของเป่ยถังหลี แม้เขาจะไม่มีวรยุทธ์ ทว่ากลับใช้เข็มเงินฝังเข็มบนร่างของเป่ยถังหลี เพื่อคลายจุดที่ถูกสกัดไว้

ขณะที่เข็มเงินฝังเข้าไปในจุดฝังเข็ม เป่ยถังหลีก็รู้สึกแปลกใจ จึงหันศีรษะมองผู้ที่เดินข้ามา และรู้สึกยินดีขึ้นมาทันที

“เจ้าทึ่ม… เป็นเจ้าจริงๆ ! เจ้าทึ่ม ในที่สุดเจ้าก็มาช่วยข้า ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมาช่วยข้าอย่างแน่นอน”

ซูอวี้คลายจุดให้เป่ยถังหลี และส่งถังหูลู่ให้เป่ยถังหลี

“คุณหนู นี่คือสิ่งที่ข้าสัญญากับเจ้า ข้าไม่ได้ลืมคำสัญญา ข้าทำเองกับมือ เจ้าลองชิมดูสิ! ”

เป่ยถังหลีหยิบถังหูลู่อย่างมีความสุขแล้วลุกขึ้น

“เจ้าทำเองจริงๆ หรือ? ”

“ใช่! ”

“เยี่ยมไปเลย! ”

นางพูดและกำลังใส่ถังหูลู่เข้าไปในปากตนเอง ทว่าพอกินเข้าไป ดูเหมือนนางจะคิดอันใดบางอย่างได้ จึงหยุดชะงัก

“เจ้าทึ่ม ไม่ว่าข้าต้องการให้เจ้าทำสิ่งใด เจ้ารับปากข้าทุกอย่างใช่หรือไม่? ”

“อืม! ”

เป่ยถังหลีเผยรอยยิ้มขี้เล่น ทันใดนั้น นางก็คว้าข้อมือของซูอวี้แล้วพูดว่า “เจ้าทึ่ม คืนนี้พระจันทร์งดงามมาก! ข้าอยากขึ้นไปบนหลังคากับเจ้าเพื่อชมจันทร์ เจ้าพาข้าไปได้หรือไม่? ”

ซูอวี้ตกตะลึงครู่หนึ่ง

แม้สถานการณ์ของถังเสวี่ยจะค่อนข้างเร่งด่วน ทว่าเขารู้ดี หากพูดเรื่องของถังเสวี่ยอย่างกะทันหันในเวลานี้ ต้องทำให้เป่ยถังหลีหวาดกลัวอย่างแน่นอน อีกทั้งยังทำให้นางเกิดความเกลียดชังและต่อต้านเขา ดังนั้นเรื่องนี้ยังต้องใช้เวลาในการพูดคุยอีกสักหน่อย เขาจึงทำได้เพียงทำตามความต้องการของเป่ยถังหลีไปก่อนเท่านั้น

เขาจึงตอบตกลงเป่ยถังหลี “ตกลง! ”

เป่ยถังหลีกระโดดขึ้นอย่างตื่นเต้นและจูงมือของซูอวี้ไปทางตู้หนังสือ “ด้านนอกมีคนไม่ดีมากมายเฝ้าอยู่ พวกเราออกไปจากที่นี่กันเถิด! ”

นางลากซูอวี้ไปที่ตู้หนังสือ แล้วเลื่อนหนังสือเล่มหนึ่งบนตู้ ทันใดนั้น ช่องกลางของตู้หนังสือก็เปิดออก ภายในประตูมีทางเดินลับ

ซูอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้น เป่ยถังหลีก็ลากซูอวี้เข้าไปในเส้นทางลับ

เมื่อออกจากทางลับก็เป็นด้านหลังเรือน เดินไม่ไกลมากนัก ทั้งสองก็พบบันไดและปีนขึ้นไปบนหลังคา

ซูอวี้มองเป่ยถังหลีด้วยดวงตาเป็นประกาย

แม้หลานเยวี่ยหลีจะลืมเรื่องราวในอดีต กลายเป็นเป่ยถังหลีในตอนนี้ ทั้งยังมีนิสัยที่เอาแต่ใจ ทว่าความดีในจิตใจของนางยังไม่เปลี่ยนแปลง!

มิฉะนั้น นางสามารถพาเขาออกจากทางลับได้ ไม่แน่ว่านางอาจมีวิธีอื่นที่สามารถออกไปจากที่นี่ เพียงออกจากที่นี่ได้ ก็จะส่งข่าวให้คนของจวนเป่ยอี้อ๋อง แจ้งให้คนอื่นมาจับซูจิ่นซีและคนอื่น ทว่านางกลับไม่ทำเช่นนั้น แต่เลือกที่จะออกไปเงียบๆ

มีคนประเภทเดียวในโลกนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร สุดท้ายก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจอันดีงามที่เป็นตัวตนของนางได้ อย่างเช่น… หลานเยวี่ยหลี

“ว้าว พระจันทร์ช่างงดงามยิ่งนัก! ”

เป่ยถังหลีและซูอวี้นั่งบนชายคาด้วยกัน ในมือของนางยังคงถือถังหูลู่ที่ซูอวี้มอบให้ และยังไม่ยอมกินมันแม้แต่น้อย

ซูอวี้เหลือบมองด้านข้างของเป่ยถังหลี ทว่าไม่ได้พูดสิ่งใด

เป่ยถังหลียกยิ้มมุมปากอย่างสดใส นางหลับตาลงเล็กน้อยและยื่นมือออกมา “กลมๆ และเย็นๆ ดูเหมือนจะอยู่ใกล้ข้ามาก”

ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงลืมตาขึ้น และดึงมือของซูอวี้ออกมา “เจ้าทึ่ม เจ้าลองดูสิ สัมผัสได้จริงๆ ”

ซูอวี้ไม่ปฏิเสธ เขาปล่อยให้เป่ยถังหลีคว้ามือของตนเอง ก่อนจะหลับตาลง ทำตามเป่ยถังหลี

“ถึงหรือยัง? ถึงหรือยัง? กลมๆ ใช่หรือไม่? ลื่นๆ ? ”

“ใช่! ”

“คิก คิก คิก… ”

เป่ยถังหลีหัวเราะอย่างมีความสุข

ความจริงแล้ว ซูอวี้ไม่ได้สัมผัสถึงสิ่งใด เพียงหยิบอากาศเท่านั้นเอง

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด เมื่อเขาหลับตาในคืนที่มีพระจันทร์ สิ่งที่แวบเข้ามาในหัวก็คือหญิงสาวงดงามที่จับมือเขาในค่ำคืนพระจันทร์สดใส และเตะประตูเรือนของสกุลซูออกไป จากนั้นจึงพาเขาไปที่หอโอสถสกุลซู เพื่อหายาสมุนไพรไปช่วยชีวิตมารดาของตน

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ภาพนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในใจของเขา เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่อาจลบเลือนออกจากหัวใจของเขาไปได้

ดังนั้น ไม่ว่าจะเดินทางผ่านภูเขากี่ลูก ลำธารกี่สาย ไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยมานานเพียงใด ทั้งเดือนเต็มเดือนแรมผ่านไป เขายังรู้สึกเสมอว่าแสงจันทร์ในคืนนั้นงดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นในชีวิต หลังผ่านไปหลายปี สิ่งนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

“เจ้าทึ่ม… ”

ทันใดนั้น เป่ยถังหลีก็มองใบหน้าของซูอวี้ด้วยดวงตาที่สดใส ราวกับต้องการมองผ่านหน้ากากสีขาวเงินบนใบหน้าของเขา เพื่อดูใบหน้าที่แท้จริงภายใต้หน้ากากนั้น

“อืม! ”

ซูอวี้ตอบ

“เหตุใด ไม่ว่าข้าจะขอให้เจ้าทำสิ่งใด เจ้าก็ไม่เคยปฏิเสธแม้แต่น้อย? ”

“เพราะเจ้าคือคุณหนู! ”

ไม่รู้เพราะเหตุใด แววตาของเป่ยถังหลีเผยให้เห็นความผิดหวัง ทว่าแววตานั้นเกิดขึ้นรวดเร็วมาก แม้แสงจันทร์ก็ยังจับไว้ไม่ทัน จากนั้น รอยยิ้มก็เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว

“ไม่ว่าข้าจะขอให้ทำสิ่งใด เจ้าก็ไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่? ”

“ใช่! ”

“ข้าจะขอให้เจ้าทำสิ่งหนึ่งได้หรือไม่? ”

“อันใดหรือ? ”

“เจ้าถอดหน้ากากออกให้ข้าเห็นใบหน้าเจ้าได้หรือไม่? ”

ซูอวี้ตกตะลึงชั่วขณะ จนกระทั่งเป่ยถังหลีคิดว่าเขาจะปฏิเสธ จากนั้นเขาก็พูดว่า

“ได้! ”

“จริงหรือ? จริงหรือ? เยี่ยมมาก! ”

เป่ยถังหลีแทบจะกระโดดขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ

ซูอวี้พูดว่า “ทว่า ก่อนที่ข้าจะถอดหน้ากาก ข้าอยากจะขอให้คุณหนูช่วยข้าเรื่องหนึ่ง! ”

เป่ยถังหลียังคงมีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า “เจ้าทึ่ม เจ้าทำเพื่อข้าตั้งมากมาย เป็นคนที่ดีที่สุดในโลกสำหรับข้า อย่าพูดว่าขอให้ช่วยสิ่งใดเลย ดูห่างเหินยิ่งนัก! บอกมาเถิด เจ้าต้องการให้ข้าช่วยสิ่งใด? ”

ซูอวี้ไม่ได้บอกความต้องการในทันที ทว่าหันศีรษะมองลึกเข้าไปในดวงตาของเป่ยถังหลี “ไม่ว่าข้าจะพูดสิ่งใด คุณหนูจะตอบตกลงใช่หรือไม่? ”

“ต้องดูว่าข้าจะทำได้หรือไม่! ”

“เรื่องนี้ไม่ยากสำหรับคุณหนู! ”

ดูเหมือนเป่ยถังหลีจะรู้สึกถึงบางอย่าง รอยยิ้มบนใบหน้าของนางเหือดแห้งลงเล็กน้อย

“เจ้าทึ่ม คืนนี้เจ้าเป็นอันใด? เหตุใดข้าจึงรู้สึกแปลกไป? ”

แม้มองไม่เห็นสีหน้าของซูอวี้ ทว่าเป่ยถังหลีรู้สึกว่าซูอวี้จริงจังอย่างมาก

ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “คุณหนู โปรดช่วยแม่นางถังเสวี่ยด้วย! ”

เป่ยถังหลีตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นไม่นาน นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “เจ้าทึ่ม เจ้า… เจ้ากำลังพูดเรื่องอันใด? ”

ซูอวี้ย้ำอีกครั้งว่า “แม่นางถังเสวี่ย ยังมีโยวอ๋อง พระชายาโยวอ๋อง เจ้าหุบเขาอู๋ หมอหลวงอวิ๋น และรัชทายาทตงเฉิน พวกเขาล้วนเป็นสหายของข้า คุณหนูโปรดช่วยพวกเขาและช่วยชีวิตแม่นางถังเสวี่ยด้วย”

สีหน้าของเป่ยถังหลีปรากฏความตกตะลึงสุดขีด ‘แปะ’ ถังหูลู่ในมือตกลงกับพื้น

“เจ้าทึ่ม… เจ้า… เจ้าเป็นพวกเดียวกับพวกเขาหรือ? เจ้าหลอกข้า… แม้แต่เจ้าก็ยังหลอกข้า? ”

เขาลืมตาขึ้น ดวงตาทั้งคู่ภายใต้หน้ากากเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง

“ข้าไม่เคยหลอกลวงคุณหนู และไม่เคยคิดจะหลอกลวงคุณหนู ตอนนี้มีเพียงคุณหนูเท่านั้นที่จะช่วยแม่นางถังเสวี่ยได้ ขอร้องคุณหนู เห็นแก่ข้า ช่วยพวกเขาเถิด! ”

กลับไม่คิดว่า เป่ยถังหลียังคงส่ายศีรษะอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน นางถอยหลังกลับด้วยความเจ็บปวด

“คนหลอกลวง ไม่คิดว่า แม้แต่เจ้าก็ยังหลอกข้าได้… พวกเจ้าทุกคนเป็นคนหลอกลวง ข้าจะไม่เชื่อเจ้าอีกแล้ว และไม่มีทางเชื่อเจ้า… ”

ขณะที่กำลังพูดก็เกิดเสียงร้องดังลั่น ‘อ้าก… ’ เท้าของเป่ยถังหลีลื่นไถลและตกลงจากชายคา