ด้านบนของคนทั้งเก้า มีกลุ่มพลังสีน้ำเงิน นั่นมันคือกลุ่มพลังที่ได้รวบรวมพลังของทั้งเก้าคนเอาไว้

ผู้อาวุโสหยาง อยู่จุดศูนย์กลางของทั้งเก้าคน ซึ่งก็อยู่ด้านใต้กลุ่มพลัง

ผู้อาวุโสหยางยื่นมือชี้ไปยังเฉินโม่ ทั้งเก้าคนก็ได้เอาพลังของตัวเอง ถ่ายทอดไปจุดศูนย์รวมพลังที่อยู่ด้านบน จากนั้นให้กลุ่มพลังนั้นสะท้อนกลับมาบนร่างของผู้อาวุโสหยาง แบบนี้ผู้อาวุโสหยางก็จะสามารถรวบรวมพลังของทั้งเก้าคนเอาไว้ได้

“ทำลายล้าง!”

ด้านหน้าของผู้อาวุโสหยาง ก็ปรากฏขึ้นด้วยกระบี่ยักษ์สีน้ำเงิน มันเกิดจากการรวมพลังของทั้งเก้าคน ผู้อาวุโสหยางยื่นมือชี้ไปทางเฉินโม่ คำรามเสียงดัง กระบี่ยักษ์ก็เคลื่อนไหวดั่งสายฟ้า โจมตีไปทางเฉินโม่

เฉินโม่ถูกผู้แข็งแกร่งแดนแปรพลังที่เหลือสิบสองคน ยังมีปรมาจารย์แดนคุ้มกายปิดล้อมโจมตี ขาดผู้แข็งแกร่งแดนแปรร่างไปแปดคน ความกดดันของเฉินโม่ก็ลดน้อยลงไป และเขาก็เริ่มสังหารคนที่ปิดล้อมเขาอยู่โดยรอบ

แต่ด้วยคนจำนวนมาก ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็แข็งแกร่งมาก แม้ว่าเฉินโม่จะสังหารไปแล้วสิบกว่าคน แต่ร่างของเขาก็ถูกโจมตีไปสองจุด

โชคดีที่ร่างไม่สิ้นสูญหุนหยวนได้ฝึกฝนมาถึงร่างธาตุน้ำแล้ว ซึ่งมีร่างธาตุไม้ที่สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบต้านเอาไว้ ร่างกายของเฉินโม่มีพลังของการเกิดใหม่ที่แข็งแกร่ง อาการบาดเจ็บเหล่านั้น ไม่มีผลกระทบอะไรเลย

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เฉินโม่บุกเข้าไปในกลุ่มคน เริ่มการสังหารนั้น พลังที่ทำให้น่าตกใจ ก็ได้ปรากฏขึ้น

เฉินโม่เงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นก็เห็นค่ายกลเก้าดวงดาว ยังมีกระบี่สีน้ำเงินเล่มนั้นของอยู่ตรงหน้าของผู้อาวุโสหยาง

เฉินโม่เป็นคนที่มีความรอบรู้ เมื่อค่ายกลเก้าดวงดาวปรากฏขึ้น เขาจำมันได้ทันที

“ที่แท้ก็คือค่ายกลดวงดาวเก้าชั้นฟ้า ค่ายกลดวงดาวเก้าชั้นฟ้านี่เอง!”

ค่ายกลดวงดาวเก้าชั้นฟ้า ที่เฉินโม่พูดถึง เมื่อเทียบกับค่ายกลเก้าดวงดาวแล้ว แข็งแกร่งกว่าหลายเท่า เพียงแต่ว่าเฉินโม่จำผิดไปแล้ว นี่ไม่ใช่ค่ายกลดวงดาวเก้าชั้นฟ้า

อย่างไรก็ตามแม้จะไม่ใช่ค่ายกลค่ายกลดวงดาวเก้าชั้นฟ้า แต่ค่ายกลเก้าดวงดาวก็เป็นค่ายกลที่สืบทอดมาจากผู้บำเพ็ญในอดีต พลังนั้นแข็งแกร่งมาก

“ค่ายกลดวงดาวเก้าชั้นฟ้า มันสามารถรวบรวมพลังของดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าทั้งหมด หลอมรวมเข้าไปในร่างของเจ้าของค่ายกล และยังสามารถหลอมรวมพลังของทั้งเก้าคนไว้ด้วยกัน ส่งเสริมกันและกัน พลังโจมตีที่ปล่อยออกมาเท่ากับพลังของคนทั้งเก้า และการป้องกันก็ยังสามารถใช้พลังของทั้งเก้าคนป้องกันได้อีกด้วย ซึ่งมันน่าอัศจรรย์มาก”

“ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ เชี่ยวชาญค่ายค่ายกลดวงดาวเก้าชั้นฟ้า นี้มากขนาดไหน?”

เฉินโม่มีสีหน้าที่หนักใจ เหลือบมองเอียนชิงเฉิงที่อยู่ด้านหลัง แล้วพูดขึ้น “เธอหนีไปตอนนี้เลย ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รีบไป!”

เอียนชิงเฉิงมองเฉินโม่ไปแวบหนึ่ง กัดฟันแล้วกล่าวอย่างแน่วแน่ “ฉันจะรอคุณที่ปากทางเข้าหุบเขา ถ้าคุณไม่ออกมา ฉันจะรอไปเรื่อยๆ!”

เฉินโม่มองเธออย่างลึกซึ้งไปแวบหนึ่ง รู้ว่าเอียนชิงเฉิงได้ตัดสินใจแล้ว เขาก็ห้ามเธอไม่ได้ ทำได้เพียงพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง รอฉันด้วย!”

“ได้!” เอียนชิงเฉิงตอบรับ หันหลัง ใช้เพลงกระบี่หงฟ้า บีบบังคับจนปรมาจารย์ทั้งหลัง ต้องถอยออกไปในทันที

“แย่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นจะหนีแล้ว!” ชายชราคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างร้อนใจ

คนที่กำกับค่ายกลเก้าดวงดาวอย่างผู้อาวุโสหยางพูดขึ้น “ไม่เป็นไร เป้าหมายของเราคือเฉินไต้ซือ ขอเพียงฆ่าเฉินไต้ซือให้ได้ เธอไม่มีค่าให้พวกเราต้องกังวลเลย!”

“ผู้อาวุโสหยางพูดถูก ต้องจัดการเฉินไต้ซือก่อน!”

เมื่อเห็นผู้อาวุโสหยางควบคุมกระบี่ยักษ์โจมตีเข้ามา คนที่ล้อมโจมตีเฉินโม่อยู่ก็รีบถอยออกไปในทันที

เฉินโม่ก็ไม่ได้ไล่ตาม เงยหน้าขึ้น มองกระบี่ยักษ์สีน้ำเงินนั่นด้วยสีหน้าที่หนักใจ

เฉินโม่ยกมือขึ้น กระบี่สับสวรรค์ก็กลับมาถึงตรงหน้า ได้ขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว ถูกเฉินโม่ถือมันไว้ในมือ

ไม่พูดพร่ำทำเพลง เฉินโม่ชูกระบี่สับสวรรค์ สับไปยังกระบี่ยักษ์สีน้ำเงิน

พลังกระบี่ที่แข็งแกร่งของทั้งสองไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะได้ในทันในที แต่กลับเสมอหยุดนิ่งตรงนั้น

ผู้อาวุโสหยางตะโกนพูด “เอาพลังทิพย์ของพวกคุณให้ฉัน!”