หลินเจิ้นหนานใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เอื้ออำนวย และกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ถูกต้อง คนของตระกูลเฉินทำมากเกินไปแล้วจริง ๆ โดยเฉพาะเฉินกั๋วเหลียง ผู้นำตระกูลเฉิน เห็นคนรุ่นใหม่ของตระกูลตนเองทำร้ายคน แต่ไม่ควบคุมดูแลเลย ตอนนั้นผู้ทรงอิทธิพลอยู่ด้วยมากมาย แต่ตระกูลเฉินยังคงไม่สนใจ ทำร้านจนพี่เฉาหมดสติ แล้วยังทำร้ายพวกเราอีกด้วย!”

“คุณท่าน ต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกเราด้วย!”

โม่เหวินเฉิงพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ พวกคุณหยุดเสแสร้งต่อหน้าผมได้แล้ว ผมรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินเจิ้นหนานและเซี่ยโหวปารู้สึกตกใจ

แต่โม่เหวินเฉิงกล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม การกระทำของตระกูลเฉินนั้นมากเกินไปจริง ๆ ตระกูลโม่ควรไปขอคำอธิบายจากพวกเขา”

หลินเจิ้นหนานและเซี่ยโหวปารู้สึกมีความสุขมาก ความรู้สึกเหมือนเดี๋ยวขึ้นสวรรค์ เดี๋ยวตกนรก มันทรมานจริง ๆ

หลินเจิ้นหนานรีบโค้งคำนับและทำความเคารพ “ขอบคุณ คุณท่าน!”

โม่เหวินเฉิงเหลือบมองโม่หวู่ซาน ผู้นำตระกูลโม่ที่อยู่ด้านข้าง แล้วกล่าวว่า “หวู่ซาน ไปเชิญผู้อาวุโสจิ่วลี่มาที่นี่ แล้วส่งจดหมายเชิญไปที่ตระกูลเฉิน!”

โม่หวู่ซานที่ท่าทางน่าเกรงขาม และน้ำเสียงทุ้ม โค้งคำนับแล้วกล่าวว่า “ครับ ท่านพ่อ!”

โม่เหวินเฉิงกล่าวว่า “ไปตามถิงถิงกลับมา”

โม่หวู่ซานถามด้วยความสงสัย “ท่านพ่อ เรียกถิงถิงกลับมาทำไม? การทำแบบนี้มันจะทำให้ตระกูลเฉินรู้สึกไม่สบายใจ”

โม่เหวินเฉิงหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ลูกไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้ แค่พาเธอกลับมาก็พอแล้ว”

โม่หวู่ซานกล่าวว่า “ครับ”

โม่เหวินเฉิงพยักหน้า แล้วคิดในใจว่า “ได้ยินว่าตระกูลเฉินได้ปรากฏบุคคลที่โดดเด่นมากคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ดังนั้นควรเตรียมตัวให้พร้อม ถ้าบุคคลนั้นเป็นคนของตระกูลเฉินจริง ๆ หวังว่าช่วงเวลาที่ผมยังมีชีวิตอยู่ จะสามารถฟื้นฟูความสัมพันธ์กับตระกูลเฉินได้”

“มิเช่นนั้น ตอนที่ไปยมโลก ผมคงไม่มีหน้าไปพบพี่เฉิน!”

วันต่อมา ณ.ตระกูลเฉิน

เฉินกั๋วเหลียงนั่งบนที่นั่งหลัก มองจดหมายเชิญที่อยู่ในมือ ผ่านไปสักครู่ เขาหันไปมองโม่หวู่ซาน ผู้นำตระกูลโม่ ที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งรอง

“ผู้นำตระกูลโม่ เมื่อคุณท่านโม่เชิญเป็นการส่วนตัว ผมต้องไปอย่างแน่นอน”

โม่หวู่ซานประสานมือทั้งสองข้างเป็นการคำนับ แล้วกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ต้องรบกวนผู้นำตระกูลเฉินแล้ว”

“ผมยังมีธุระต้องไปทำ ขอตัวก่อน”

“ผมจะเดินไปส่งผู้นำตระกูลโม่” เฉินกั๋วเหลียงยืนขึ้น แล้วส่งโม่หวู่ซานจากไป

หลังจากโม่หวู่ซานจากไปแล้ว เฉินกั๋วเหลียงเดินกลับเข้ามาในห้องโถง เฉินกั๋วจงและเฉินกั๋วต้งเดินมาทันที

“คนตระกูลโม่มาเร็วมาก!” เฉินกั๋วจงกล่าวพร้อมถอนหายใจ

เฉินกั๋วต้งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมคิดว่าพี่รองไม่ควรรับปากเขา คนของสามตระกูลใหญ่ที่อยู่ภายใต้ตระกูลโม่ ต้องไปฟ้องตระกูลโม่อย่างแน่นอน การไปคราวนี้ ต้องถูกตระกูลโม่ทำให้อับอายขายหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!”

เฉินกั๋วเหลียงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเรายังต้องกลัวว่าจะถูกตระกูลโม่ทำให้อับอายขายหน้าอีกเหรอ?”

เมื่อเฉินกั๋วจงและเฉินกั๋วต้งได้ยินประโยคนี้ สีหน้าแย่เล็กน้อย ตอนนั้นตระกูลโม่ทำให้ตระกูลเฉินอับอายขายหน้า ซึ่งมันทำให้ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเฉินไม่สามารถเผชิญหน้ากับคนอื่นได้ ตระกูลเฉินเคยอับอายขายหน้าอย่างหนักมาแล้ว แม้ว่าตระกูลโม่จะทำให้ตระกูลเฉินอับอายอีกครั้ง แต่สำหรับตระกูลเฉินแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไปแล้ว

นี่เหมือนกับการที่เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา แต่ไม่คิดแก้ไข ปล่อยให้มันดำเนินไปตามเรื่องตามราว

“คุณปู่รอง ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถไปง่าย ๆ ได้ นี่มันเป็นงานเลี้ยงลอบสังหารชัด ๆ!” เฉินเข่อเอ๋อร์กล่าวด้วยความกังวล

เฉินกั๋วเหลียงหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เข่อเอ๋อร์ เรื่องบางเรื่องพวกเราจำเป็นต้องเผชิญ ไม่ช้าก็เร็ว ก็ต้องถึงวันที่พวกเราต้องเผชิญหน้ากับตระกูลโม่”

“ดังนั้น วันนั้นจะช้าหรือเร็ว มันก็เหมือนกัน”

“ท่านพ่อ ผมคิดว่าเข่อเอ๋อร์พูดถูก ผมไม่แนะนำให้ท่านพ่อไปตระกูลโม่ หากตระกูลโม่อยากออกหน้าแทนตระกูลหลิน ก็ให้พวกเขามาที่ตระกูลเฉิน เพียงแค่จดหมายเชิญของเขาฉบับเดียว ท่านพ่อต้องไปด้วยตนเอง!” น้ำเสียงของเฉินตงซุ่นมีความไม่เต็มใจเล็กน้อย ตอนนั้นตระกูลโม่ทำให้ตระกูลเฉินอับอายมาก แล้วตอนนี้พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งกับตระกูลเฉิน!

เฉินโม่กล่าวว่า “ทุกคนวางใจเถอะ ผมจะไปกับคุณปู่ด้วย แม้ว่าตระกูลโม่จะเต็มไปด้วยอันตราย แต่ก็ไม่เพียงพอให้กังวล”

เมื่อได้ยินว่าเฉินโม่เต็มใจที่จะไปกับเฉินกั๋วเหลียง สมาชิกทุกคนของตระกูลเฉินก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

เฉินกั๋วเหลียงมองเฉินธงที่อยู่มุมห้อง แล้วกล่าวว่า “เฉินธง คราวนี้หลานไปกับปู่ด้วย”