ตอนที่ 2308 ทัณฑ์สวรรค์ของชิงหยวน

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

หลังคลื่นแสงสีทองเจ็ดแปดคลื่นนี้ตกลงไปยังเตาขนาดใหญ่ เตาขนาดใหญ่ที่เดิมทีส่งเสียงดังกึกก้องอยู่ตลอด พลันเปลี่ยนเป็นเสียงแหลมเสียดหูโหยหวนออกมา

เย่ว์หลงเห็นฉากนี้ ใบหน้าพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก

“นักพรตหาน พลังแห่งฟ้าดินที่ขวางอยู่ด้านหลัง หลังจากที่ข้าหลอมรวมพลังที่อยู่ด้านหน้า ค่อยปล่อยเข้ามา”

สิ้นเสียงนั้น เย่ว์หลงตะโกนออกมาเสียงดัง ก้อนโลหิตหลายก้อนพ่นอออกมาจากปากของเขา

หลังจากที่เพลิงวิญญาณด้านล่างของเตาดูดก้อนโลหิตจำนวนมากนี้เข้าไป เปลวเพลิงพลันลุกโชนขึ้นไปอีกระดับจนเกือบจะครอบคลุมหม้อขนาดใหญ่ทั้งหมดไว้ตรงกลาง สีก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงทองที่เรืองรอง

อุณหภูมิของเปลวเพลิงสูงมากจนอากาศโดยรอบพร่าเลือนและบิดเบี้ยวไปชั่วขณะ วัตถุดิบทั้งหมดในเตาพลันปลี่ยนเป็นน้ำเดือด ในเวลาเดียวกัน แสงสีทองก็ส่องประกายอยู่ภายใน

หานลี่ขมวดคิ้ว มือข้างหนึ่งยื่นไปในความว่างเปล่าเล็กน้อย

รัศมีแสงห้าสีในค่ายกลหินพลันม้วนตัว ก้อนหินขนาดใหญ่มากมายพลันหมุนวนด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว

แสงสีทองเหล่านั้นที่เข้าไปในค่ายกลหิน หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เจาะทะลุออกมาจากด้านในอย่างสลัว

ในเวลานี้เอง หานลี่หงายมืออีกข้าง แสงสีดำพุ่งออกไป หลังจากสั่นคลอนเล็กน้อย ก็แปรเปลี่ยนเป็นเมฆสีดำที่มีขนาดหลายหมู่ และเพียงพอที่จะม้วนแสงสีทองที่พุ่งออกไปไว้ภายใน

ภายในเมฆสีดำมีแสงวูบวาบไปมาเป็นเส้นๆ ไม่หยุด ที่แท้ของสิ่งนี้คือตาข่ายไหมสีดำผืนนั้นที่เย่ว์หลงได้มอบให้หานลี่ก่อนหน้านี้

ไหมตาข่ายนี้ไม่รู้ว่าใช้สิ่งใดในการหลอมขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะบางมาก ทว่าแสงสีทองที่ตกเข้าไปภายในกลับไม่สามารถที่จะหลุดพ้นออกมาได้ ทำได้เพียงส่องแสงระยิบระยับเด้งไปมาราวกับสิ่งมีชีวิตอยู่ภายในไม่หยุดหย่อน

หานลี่ทำมือร่ายคาถาอยู่ที่ไกลๆ จ้องมองไปที่เมฆสีดำที่ลอยอยู่นิ่งๆ อย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขาใช้พลังยุทธ์จำนวนมากเพื่อควบคุมสมบัติชิ้นนี้

เย่ว์หลงที่อยู่ด้านล่าง เมื่อเห็นแสงสีทองถูกเมฆสีดำห่อหุ้มอยู่ ในใจพลันรู้สึกมีความสุข ยิ่งกระตุ้นเพลิงวิญญาณที่หลอมวัตถุในหม้อให้แรงขึ้นไปอีก

เพียงเห็นแสงที่กะพริบในหม้อขนาดใหญ่ ก้อนผลึกมากกว่าร้อยก้อนกำลังถูกหลอมขึ้นเป็นรูปเป็นร่างอย่างช้าๆ ทุกๆ ก้อนต่างมีสีทองอ่อนและมีขนาดเท่าฝ่ามือ

“เอาล่ะ พี่หานนำพลังแห่งฟ้าดินใส่ลงมาเถอะ”

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร เมื่อแสงสีทองที่อยู่กลางเมฆสีดำมีขนาดใกล้ถึงร้อยสาย เย่ว์หลงก็ตะโกนบอกหานลี่ที่อยู่ทางด้านนี้อีกครั้ง

หานลี่พยักหน้ารับเล็กน้อย นิ้วมือหนึ่งชี้ไปทางอากาศไกลจากเมฆสีดำ

เสียง “ฟู่” ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา

ท่ามกลางเมฆสีดำช่องว่างยาวโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า ทันใดนั้นแสงสีทองก็ตกลงมาจากมันทีละสายและถูกดูดเข้าไปในเตาขนาดใหญ่

เมื่อใดก็ตามที่เย่ว์หลงตะโกนออกมาเสียงดัง หานลี่ก็กระตุ้นเมฆสีดำให้หยุดแสงสีทองส่วนใหญ่จากความว่างเปล่าไว้

รอช่วงเวลาที่เขาต้องการ จึงปล่อยเมฆสีดำออก แล้วปล่อยให้พลังแห่งฟ้าดินส่วนหนึ่งตกลงมาอีกครั้ง

ด้วยวิธีนี้ ภายใต้การควบคุมของหานลี่ ทำให้เย่ว์หลงสามารถจดจ่อกับการหลอมวัตถุดิบในหม้อขนาดใหญ่ได้ง่าย และสามารถควบคุมปริมาณที่ต้องการของพลังแห่งฟ้าดินได้อย่างทันท่วงที

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ปริมาณแสงสีทองที่อยู่ในเมฆสีดำก็สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งกาน้ำชา ก็มีมากถึงเจ็ดถึงแปดร้อยสาย

แม้แต่หานลี่ผู้ที่มีพลังยุทธ์มากมาย ซึ่งครั้งหนึ่งกระตุ้นพลังยุทธ์ของเขาเพื่อสามารถสกัดกั้นพลังแห่งฟ้าดินจำนวนมาก ได้เผยสีหน้าเคร่งเครียดบนใบหน้าของเขาออกมาเป็นครั้งแรก

หานลี่ตะโกนออกมาเสียงหนึ่ง พลันสะบัดแขนเสื้อออกไปในที่ไกลๆ

แสงสีเงินขนาดเล็กที่มีขนาดเพียงถ้วยชาถูกส่งออกมาจากแขนเสื้อ ทันทีที่พุ่งออกมาก็ลอยไปตามลมจนมีขนาดเท่าห้อง หลังจากเลือนรางลงก็เคลื่อนตัวเข้าไปสู่เมฆสีดำ

ที่แท้เป็นลูกปัดเม็ดหนึ่งในลูกปัดเงินสามเม็ดที่เย่ว์หลงได้มอบให้หานลี่ก่อนหน้านี้

รัศมีแสงประหลาดพลันปรากฏออกมา

หลังจากเสียงอุดอู้ดังอยู่ในเมฆสีดำ รัศมีแสงสีเงินกลุ่มหนึ่งแตกออก และขยายขึ้นเพื่อปกคลุมเมฆสีดำทั้งหมดไว้ภายใน

เมื่อรัศมีแสงสีเงินหายไป แสงสีทองในเมฆสีดำก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

มีเพียงเมฆสีดำเท่านั้นที่ยังคงลอยอยู่ตามลำพังในท้องฟ้าเหนือเตาหม้อขนาดใหญ่

ลูกปัดเงินสามเม็ดเป็นสมบัติพิเศษในการยับยั้งพลังทองของโลกนี้โดยเฉพาะ

ด้วยเหตุนี้ เป็นผลให้ความกดดันของหานลี่หายไป และเริ่มกระตุ้นให้เมฆสีดำสกัดกั้นแสงสีทองที่ตกลงมาอีกครั้ง

เย่ว์หลงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ได้อย่างชัดเจน เมื่อเห็นว่าหานลี่ใช้ลูกปัดกลมสีเงิน ไม่เพียงแต่เขาไม่แสดงความเสียใจเท่านั้น แต่ยังมีประกายแห่งความสุขวาบไปทั่วใบหน้าของเขา

เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากที่หานลี่สามารถยืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้ก่อนที่จะเริ่มใช้ลูกปัดเงิน

พลังยุทธ์อันลึกซึ้งของหานลี่ทำให้เขาแอบที่จะทึ่งอยู่ในใจ

ดูเหมือนว่าในครั้งนี้เขาจะหาคนมาช่วยได้ถูกคนจริงๆ โอกาสที่จะหลอมผลึกปราณเลิศล้ำในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะมีมากทีเดียว

หานลี่ที่ในเวลานี้ สายตากวาดมองก้อนผลึกเหล่านั้นในเตาหลอมเล็กน้อย ในใจกลับครุ่นคิดว่าสุดท้ายแล้วผลึกปราณเลิศล้ำธาตุทองที่หลอมออกมาได้สำเร็จจะมีทั้งหมดกี่ก้อน

สองเดือนหลังจากนั้น ในหุบเขาที่ลึกลับมากแห่งหนึ่งในมิติที่เหวพสุธา

หญิงสาวชุดขาวสองคนยืนเคียงข้างกันภายใต้ต้นไม้สีดำขนาดใหญ่ที่มีใบเขียวชอุ่ม

หญิงสาวชุดขาวสองคน คนหนึ่งร่างเล็กมีการแสดงออกทางสีหน้าที่หลากหลาย และอีกคนที่เพรียวบางและสง่างามมีความงามที่หาตัวจับยาก กำลังสนทนาด้วยท่าทางเคร่งขรึม

ในใจกลางของหุบเขา มีลานกว้างขนาดใหญ่สร้างขึ้นมาจากพื้นดิน สีของลานกว้างเป็นสีเขียว ราวกับใช้ไม้ขนาดใหญ่สีเขียวสร้างขึ้นมาโดยตรง และแบ่งออกเป็นเจ็ดชั้น ในแต่ละชั้นล้วนเต็มไปด้วยศาสตรายุทธ์นานาชนิดกว่าสิบชิ้นจัดวางอยู่ตามขอบ

บนชั้นที่สูงที่สุดของลานกว้างแห่งนี้ ธงโบกสะบัด และธงขนาดต่างกันจำนวนกว่าร้อยต้นที่เสียบอยู่อย่างหนาแน่น ก่อตัวเป็นเขตอาคมลึกลับแห่งหนึ่ง

ธงเหล่านี้มีสีต่างกัน บ้างส่องรัศมีแสงเป็นประกาย บ้างส่งไอสีดำ ทว่าธงเหล่านี้ล้วนแต่ส่งกลิ่นอายที่น่าตื่นตะลึงมาก เห็นได้ชัดว่าแต่ละชิ้นล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า

ที่ใจกลางของธงเหล่านี้ มีเบาะรองนั่งสีเงินขนาดหลายชุ่นตั้งอยู่ชิ้นหนึ่ง

ภายในระยะใกล้รอบลานกว้างขนาดใหญ่มีรูปปั้นที่ทำจากวัสดุไม่เหมือนกันตั้งอยู่หลายรูป บ้างเป็นรูปคน บ้างเป็นรูปสัตว์ร้าย ทว่าไม่ว่าจะเป็นรูปอะไร แต่ละรูปล้วนเหมือนจริงมากราวกับมีชีวิต และยังคุกเข่าข้างเดียวไปทางลานกว้างขนาดใหญ่ ดูแล้วมีมากกว่าพันรูป

ทั่วทั้งหุบเขา บนพื้นดินเต็มไปด้วยก้อนหยกหลากหลายสีสัน ทำให้หุบเขานี้ถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีแสงจางๆ ชั้นหนึ่ง

“ศิษย์พี่หญิง ท่านพ่อบุญธรรมเตรียมพร้อมสำหรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้มานานถึงเพียงนี้ โอกาสที่จะสามารถข้ามผ่านได้คงมีไม่น้อย ทว่าไม่กี่วันมานี้ เหตุใดยังคงมีท่าทีราวกับมีเรื่องหนักใจ” หญิงสาวที่สง่างามจ้องมองไปยังเจดีย์สูงที่อยู่ไกลๆ กล่าวด้วยคิ้วที่ขมวดกันแน่น

“ความคิดของท่านอาจารย์ลึกล้ำดั่งทะเล ข้าจะไปล่วงรู้ความคิดของท่านได้อย่างไร ทว่าตามความคิดของข้า ส่วนใหญ่เป็นเพราะยังคงวิตกกังวลกับทัณฑ์สวรรค์ สุดท้ายแล้วถ้าหากล้มเหลวในการเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ขึ้นมา พลังยุทธ์ที่ท่านฝึกฝนมาจนถึงทุกวันนี้ คงเปลี่ยนไปในหนึ่งวัน” หญิงสาวร่างเล็กตอบกลับด้วยแววตาเป็นประกาย

“นี่ก็เช่นกัน ทัณฑ์สวรรค์ใหญ่มีความรุนแรงขึ้นทุกครั้ง ตราบใดที่ยังไม่ประสบความสำเร็จขึ้นไปอีกขั้น ก็ไม่มีที่สิ้นสุดราวกับเรื่องยากที่จะกำจัด ท่านพ่อบุญธรรมผ่านมามากมายถึงเพียงนี้ ความรุนแรงของทัณฑ์สวรรค์ใหญ่ในครั้งนี้ เกรงว่าจะมากเกินกว่าที่ข้าจะนึกภาพออก ข้าเพียงหวังว่าท่านจะสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างราบรื่น แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ข้าก็ช่วยอย่างสุดความสามารถ” หลังจากที่หญิงงามครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว

“เหยาเอ๋อร์ เจ้าฝึกฝนวรยุทธ์เช่นนี้มาหลายปีแล้ว จนในที่สุดก็สามารถเข้าสู่ระดับผสานอินทรีย์ มิใช่เพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านผู้เฒ่าในวันนี้หรอกหรือ เสียดายที่ข้าไม่ได้มีร่างแห่งอาทิตย์สวรรค์ ไม่สามารถเป็นกำลังเพื่อให้อาจารย์เอาชนะภัยพิบัติได้” หญิงสาวร่างเล็กถอนหายใจ

หญิงสาวชุดขาวสองนางนี้ คือหยวนเหยาและเหยียนลี่ที่อยู่ภายใต้สำนักของชิงหยวนจื่อ

หยวนเหยาได้กราบชิงหยวนจื่อเป็นพ่อบุญธรรมเมื่อนานมาแล้ว พลังยุทธ์ได้เข้าสู่ระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นแล้ว

ส่วนเหยียนลี่ แม้ว่าเธอจะมีแรงกดดันวิญญาณที่ไม่ธรรมดา ทว่าเห็นได้ชัดว่าเธอยังอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นปลาย

และวันนี้เป็นวันที่ชิงหยวนจื่อเตรียมพร้อมที่จะเอาชนะทัณฑ์สวรรค์

เพื่อให้ผ่านทัณฑ์สวรรค์ใหญ่ครั้งนี้ได้อย่างราบรื่น ชิงหยวนจื่อไม่เพียงแต่ใช้เคล็ดวิชาลับต่างๆ เพื่อชะลอวันที่จะเกิดทัณฑ์สวรรค์ อีกทั้งยังใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อผลักดันวรยุทธ์ของหยวนเหยาจนถึงระดับอย่างทุกวันนี้

เพื่อให้หยวนเหยาในเวลานี้ มีศักยภาพพอที่จะใช้วรยุทธ์ชนิดหนึ่งซึ่งหาได้ยากเพื่อช่วยให้เขาสามารถเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ได้

หยวนเหยาแม้ว่าจะทราบเรื่องนี้ แต่เมื่อชิงหยวนจื่อใช้เคล็ดวิชาลับในการแปลงร่างครึ่งคนครึ่งผีของนางและเหยียนลี่ให้กลายเป็นร่างมนุษย์ปกติได้อีกครั้ง และนางก็สามารถเข้าสู่ระดับผสานอินทรีย์ได้ในเวลาสั้นๆ แน่นอนว่านางรู้สึกขอบคุณพ่อบุญธรรมผู้นี้เป็นอย่างมาก และเตรียมพร้อมที่จะเป็นกำลังช่วยเหลือท่านในทุกๆ เรื่อง

และหุบเขาแห่งนี้ก็เป็นที่ที่ชิงหยวนจื่อเลือกที่จะเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ ไม่เพียงแต่มีวิธีการมากมายที่เตรียมไว้ในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เท่านั้น และยังมีเขตต้องห้ามที่น่าทึ่งหลายชนิดที่ถูกติดตั้งขึ้นภายในรัศมีหมื่นลี้โดยรอบหุบเขามากกว่าร้อยแห่ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาก่อกวนในระหว่างที่เขากำลังเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์

ตอนนี้ชิงหยวนจื่อสวดมนต์และอบร่ำเครื่องหอมอยู่ที่จวนชั่วคราวที่อยู่ไม่ไกลจากหุบเขา เพื่อเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ในสภาพที่ดีที่สุด

หยวนเหยาและเหยียนลี่แลกเปลี่ยนบทสนทนากันไม่กี่ประโยค ณ ที่แห่งนี้ ก็ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก เพียงรอเวลาอย่างใจจดใจจ่อ

หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งวันเต็มๆ เมฆหมอกสีเทาที่อยู่บนท้องฟ้าเริ่มม้วนตัว ตอนที่มีกลิ่นอายประหลาดปรากฏออกมาอย่างเลือนรางในหุบเขา บนท้องฟ้าไกลๆ พลันมีแสงสีเขียวสว่างวูบ แสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวออกมา หลังจากกะพริบไม่กี่ที ก็ปรากฏขึ้นที่ท้องฟ้าเหนือหยวนเหยาและเหยียนลี่

“คำนับพ่อบุญธรรม”

“คารวะท่านอาจารย์”

หยวนเหยาและเหยียนลี่โค้งคำนับด้วยท่าทีเคร่งขรึม

“ทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ มีเพียงแค่เหยาเอ๋อร์ที่สามารถเป็นผู้ช่วยข้าได้ เหยาเอ๋อร์ไปกับข้า เหยียนลี่ เจ้ารั้งอยู่ที่นี่เพื่อคอยเฝ้าระวังอย่างรอบคอบ”

แสงสีเขียวในอากาศจางลง ชายชราในชุดสีเทาที่มีใบหน้าธรรมดาและไว้เครายาวสามฉื่อปรากฏขึ้น แล้วเอ่ยกับหญิงสาวทั้งสองอย่างช้าๆ

“เจ้าค่ะ”

“น้อบรับคำสั่ง”

หยวนเหยาและเหยียนลี่ตอบรับด้วยความเคารพโดยไม่พูดให้มากความ

ชิงหยวนจื่อพยักหน้า แขนเสื้อขนาดใหญ่ม้วนตัวลงไปด้านล่าง รัศมีแสงสีเขียวบินลงไปด้านล่างในทันที หลังจากที่ห่อหุ้มหยวนเหยาไว้ภายใน พลันหายไปโดยทันที

ในเวลาต่อมา ที่ชั้นบนสุดของลานกว้างขนาดใหญ่ผันผวนเล็กน้อย ชิงหยวนจื่อและหยวนเหยาปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ

“เหยาเอ๋อร์ เจ้าอยู่ข้างๆ แล้วรอจนกว่าข้าจะสั่งให้เจ้าลงมือ เจ้าค่อยลงมือ จำไว้ว่าอย่ากระทำโดยประมาทและอย่ารอช้าที่ลงมือนี้” ชิงหยวนจื่อออกคำสั่งกับหยวนเหยาอย่างอ่อนโยน

“พ่อบุญธรรมโปรดวางใจ เหยาเอ๋อร์รู้ว่าต้องทำอย่างไร” หยวนเหยาสูดหายใจเข้าลึก กล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ฮ่าๆ ข้าย่อมวางใจเจ้าอยู่แล้ว ทว่าทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ไม่ใช่เล่นๆ ต้องระวังให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อป้องกันความผิดพลาดและลากเจ้าเข้าไปเกี่ยวข้องกับทัณฑ์สวรรค์” ชิงหยวนจื่อหัวเราะเล็กน้อย ยังคงกำชับอีกครั้ง

หยวนเหยาพยักหน้าตอบรับ

เหนือกองเศษหินระเกะระกะที่อยู่ห่างไกลจากหุบเขามาก ลมกระโชกแรงพัดขึ้นไปบนท้องฟ้า กรงเล็บสีดำขนาดยักษ์ทั้งสองที่ใหญ่กว่าสิบชุ่นโผล่ออกมาจากลม พลันตวัดไปที่อากาศทั้งสองด้าน…