ไวท์รอนที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายในร่างกาย ในที่สุดเขาคลายคิ้วออก จากนั้นหันข้างมองไปทางแพทย์หญิงวัยรุ่นคนนี้แล้วพูดขอบคุณ
เส้นหมี่ยิ้ม แล้วตรวจร่างกายให้เขาต่อ
สิบนาทีต่อมา เธอเก็บข้อมูลทั้งหมดเรียบร้อย เตรียมจะออกไป
“คุณไวท์รอนคะ งั้นฉันออกไปก่อนนะคะ เดี๋ยวมีหมอที่เข้าเวรอีกคนหนึ่งมาดูแลคุณ”
“…”
คราวนี้ วัยรุ่นคนนี้ที่นอนอยู่บนเตียงที่หลับตาลงไม่พูดจา
เส้นหมี่เห็นแล้ว ก็ไม่ได้รอความคิดเห็นของเขา เธอหยิบข้อมูลพวกนี้หันหลังจะเดินออกไปทันที
“หมอ…คิตตี้ พรุ่งนี้ผมสามารถ…ทานอาหารได้ไหม?”
“อะไรนะ?”
เส้นหมี่หยุดนิ่งลง หันหน้ามองไปทางผู้ป่วยคนนี้ที่จู่ๆ เอ่ยปากพูดกับเธอ
กลับคิดไม่ถึง ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ตอนที่เธอชี้แจงกับเขา เขายังหลับตาสนิท ครู่เดียวกลับหันหน้ามา ดวงตาของเขาที่อยู่เหนือหน้ากากออกซิเจนจ้องมองเธอ
“ผมอยากกินอาหาร นม ไข่ไก่ ได้ไหม?”
“…”
คราวนี้ถึงคิวเส้นหมี่เอ่ยปากไม่ออก
ไม่ใช่ว่าเธอไม่ให้ทาน แต่สถานการณ์ของเขาแบบนี้ เกรงว่าหลังจากการผ่าตัดคงต้องให้ของเหลวทางสายเป็นเวลานาน หรือบางทีสามารถทานของได้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ทานได้เพียงอาหารเหลว
ดังนั้น เธอไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะตอบเขาอย่างไร?
เพียงแต่ว่า สุดท้ายเธอมองไปที่ดวงตาสีเหลืองอำพันที่เต็มไปด้วยการรอคอยและความปรารถนา เธอจึงตอบตกลง
“ตกลง พรุ่งนี้จะเอามาให้คุณค่ะ” จากนั้น เธอถึงได้ออกจากห้องไอซียูนี้”
กลับมาถึงห้องเข้าเวรของหมอ พอดิบพอดีหมอนัทก็มาแล้ว เธอเห็นแล้วจึงนำข้อมูลที่เพิ่งเอากลับมาในมือให้กับเธอ
“ผู้ป่วยคนนี้ฟื้นแล้ว อาการดีเป็นที่น่าพอใจ เพียงแต่ เขาบ่นจะทานนมและไข่ไก่พรุ่งนี้เช้า”
“อ้าว?”
หมอนัทได้ยิน ก็ถลึงตาโต: “เขาสภาพแบบนี้ในตอนนี้ ยังอยากจะทานของพวกนี้?”
เส้นหมี่ยักไหล่: “ผู้ป่วยประเภทนี้ปกติเป็นแบบนี้กันหมด คุณบอกครอบครัวของเขาเถอะ ให้พวกเขาซื้อมา พรุ่งนี้เช้าทานไม่ได้ ก็จะได้อธิบายกับเขาได้”
จากนั้นเธอถอดเสื้อกาวน์ขาวแล้วก็เลิกงาน
ตอนที่รับหนูรินจังกลับจากโรงเรียน เธอเห็นว่าหนูน้อยคนนี้วันนี้ดีใจเป็นพิเศษ
“เป็นอะไรเหรอ? วันนี้ที่โรงเรียนโดนคุณครูชมเหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ”
เจ้าก้อนน้อยเสียงเล็ก เธอไม่บอกหม่ามี๊หรอก นั่นเป็นเพราะเธอไปโรงเรียนพี่ชาย ต่อไปได้ไปโรงเรียนพร้อมกับพวกเขา
ตอนแรกเส้นหมี่ยังเป็นกังวลว่าลูกสาวไปโรงเรียนใหม่จะไม่เคยชิน เมื่อเห็นเธอดีใจขนาดนี้ เธอก็วางใจได้แล้ว
ดูแลลูกทานข้าวเสร็จอาบน้ำเสร็จ จากนั้นเส้นหมี่นอนลงบนเตียง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดวีแชทด้วยความเคยชิน แต่ว่าเธอก็เห็นโปรไฟล์นั้นที่ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ตอบข้อความของตัวเองอีกเลย
หัวใจผิดหวังในทันที!
อันที่จริงเธอรู้ดีว่าเวลานี้ไม่ควรจะหวังอะไรกับเขา ในเมื่อเขาจำไม่ได้ว่าเธอคือใคร
แต่ว่า ในใจของเธอก็ยังเสียใจมาก เหมือนกับก้อนหินก้อนใหญ่ กดทับจนเธอหายใจไม่ออก
ก้นบึ้งหัวใจของเขาไม่มีเธออยู่สักนิดเลยเหรอ?
ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็รู้จักกันนานขนาดนี้ ต่อให้จำไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร แต่ในฐานะที่เป็นคนที่อยู่ข้างกายเขานานขนาดนี้ เธออ้อนวอนเขาอย่างต่ำต้อยแบบนี้แล้ว
แบบนี้แล้ว เขาจะตอบเธอหน่อยไม่ได้เหรอ?
สุดท้ายเส้นหมี่ก็เกิดความไม่ยอมแพ้ขึ้นมาเล็กน้อย ดังนั้น เธออดไม่ได้ที่จะส่งข้อความไปอีก
[คิตตี้: คุณแสนรัก อยู่ไหมคะ?”]
[แสนรัก: ?]
คิดไม่ถึง ครั้งนี้ หลังจากที่ข้อความวีแชทนี้ส่งออกไป อีกฝ่ายตอบกลับอย่างรวดเร็ว!
เส้นหมี่ถลึงตาโตทันที ภายในหนึ่งวินาที เธอตื่นเต้นจนลุกขึ้นนั่งจากบนเตียงโดยตรง
แม่เจ้า คิดไม่ถึงว่าเขาจะตอบเธอแล้ว!!
เธอดีใจแทบแย่…
[คิดตี้: ขอโทษนะคะ คุณแสนรัก ไม่มีเรื่องอะไรค่ะ ก็แค่…ได้ยินว่าคุณกำลังฝึกซ้อม อยากจะถามคุณว่าเป็นยังไงบ้างคะ? ไม่เป็นไรใช่ไหม? ปรับตัวได้ไหม?]
เธอครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายทำได้เพียงถามแค่ประโยคนี้อย่างระมัดระวัง
[…]
เหมือนกับว่า ไม่ชอบที่จะตอบคำถามนี้ของเธอสักเท่าไหร่
อยู่ที่ช่องสนทนาของวีแชท เส้นหมี่รออยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้รับข้อความตอบกลับของเขา
เห็นแบบนี้ เส้นหมี่ก็ผิดหวังอีกครั้งในทันที รู้สึกแค่ว่าหัวใจดวงหนึ่งเพิ่งฟื้นขึ้นมา แล้วก็ถูกโยนลงไปที่ต่ำในทันที เธอรู้สึกผิดจนแทบอยากจะตบหน้าตัวเอง
ทำไมเธอต้องถามคำถามนี้?
การฝึกซ้อม ได้ยินม็อกโกพูดว่า นั่นเป็นเพราะถูกไชยันต์บังคับส่งไป เขาจะชอบได้ยังไงล่ะ?
เส้นหมี่โศกเศร้ามาก ทำได้เพียงโยนโทรศัพท์มือถือไปด้านข้าง
[แสนรัก: ได้ยิน? ได้ยินใครพูด?!]
จู่ๆ ในโทรศัพท์ ชายคนนี้ก็ตอบกลับมาอีก ตัวอักษรที่เย็นชาไม่กี่ตัว ผ่านหน้าจอก็ยังเหมือนกับว่าสามารถเห็นใบหน้าหล่อเหลาอึมครึมของเขาได้
เส้นหมี่จับโทรศัพท์ขึ้นมาทันที
[คิตตี้: ได้ยินคุณชายม็อกโกพูดค่ะ คุณอย่าโกรธนะคะ ฉันใช้ให้เขาบอกฉัน เขาถึงได้พูด]
เส้นหมี่อารมณ์ตื่นเต้นจนหน้าอกขยับขึ้นลง ชั่วครู่ หลังจากที่เห็นชายหนุ่มส่งข้อความไม่กี่ตัวอักษรนี้มา เธอยังไม่ทันเข้าใจความหมายข้างใน อ้าปากก็พูดถึงม็อกโกออกมา
แน่นอนว่า ในตอนที่พูดถึงคนคนนี้ เธอยังตั้งใจอธิบายประโยคหนึ่ง
กลัวว่าพวกเขาสองพี่น้องจะโกรธกัน