ตอนที่ 955: เยือนศาลาเทพเจ้าอสรพิษ (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 955: เยือนศาลาเทพเจ้าอสรพิษ (2)

เจี้ยนเฉินตามผู้อาวุโสฮงไปที่ส่วนลึกที่สุดของศาลาศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดเขาก็มาถึงที่โถงใหญ่ ก่อนที่จะผ่านประตูไป

โถงโอ่อ่ามากด้านใน แม้ว่ามันจะว่างเปล่าและไม่มีใครด้านในเลย เจี้ยนเฉินและผู้อาวุโสฮงมาถึงที่กึ่งกลางและผู้อาวุโสก็พูดกับเจี้ยนเฉินว่า “เจี้ยนเฉิน รอที่นี่”

“ขอรับ ผู้อาวุโสฮง” เจี้ยนเฉินตอบกลับ เขามองไปรอบรอบอย่างอยากรู้อยากเห็น

ผู้อาวุโสฮงถอยออกไปและประตูหนักก็ถูกปิดลงอีกครั้ง โถงตกอยู่ในความเงียบสงัดทันที

เจี้ยนเฉินยืนอยู่อย่างเงียบเงียบในขณะที่เขากำลังรอ เขาสงบและใจเย็น เขาไม่มีทีท่ากังวลเลย

สักพักต่อมา ตาของเจี้ยนเฉินก็หรี่เล็กลงทันที เขาหันกลับไปและเห็นหญิงสาวปรากฎมาตอนไหนก็ไม่รู้ที่บัลลังก์ที่ว่างเปล่าก่อนหน้านี้ นางปรากฏขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย และทำให้เจี้ยนเฉินสัมผัสถึงการมาถึงของนางไม่ได้

หญิงสาวผู้นี้ดูเหมือนจะอายุยี่สิบกว่าปี นางงดงามมากจนถึงจุดที่คำว่ามีเสน่ห์ยังไม่พอที่จะใช้อธิบายถึงนาง ความงดงามของนางนั้นบรรยายไม่ได้ น่ารักจนคนต้องลืมหายใจ น่ารักจนทำให้ชายทุกคนในโลกต้องคลั่งไคล้

นางเหมือนนางฟ้าที่อยู่ในสวรรค์ ศักดิ์สิทธิ์ สูงส่ง ขัดขืนไม่ได้ นางไม่ได้เป็นสิ่งที่คนบนโลกควรจะเป็น

หญิงสาวใส่ชุดสีฟ้าในขณะที่ผมสีเขียวหยกของนางมีสีฟ้าจางจาง มันยาวลงมาถึงไหล่และหลังของนางอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนน้ำตก ในตอนนี้ นางนั่งไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์ในขณะที่นางจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาทะลุทะลวง

แม้ว่าจิตใจของเจี้ยนเฉินจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็กดไม่ได้ที่จะงุนงง บางทีอาจจะมีเพียงหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เท่านั้นที่สามารถประชันความงามกับนางได้ในบรรดาหญิงที่เขาเคยพบมาทั้งหมด

“นี่คือรูปร่างหน้าตาของท่านเจ้าศาลาอย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินคิด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับสุดยอดสาวงามในระดับเซียนจักรพรรดิ

เจี้ยนเฉินกลับมาได้สติอย่างรวดเร็ว และป้องมืออย่างนอบน้อมไปที่นางทันที “เจี้ยนเฉินขอคารวะท่านเจ้าศาลา”

“เจี้ยนเฉินเจ้ามาหาข้าทำไม ? ” ท่านเจ้าศาลาถาม เสียงที่รื่นหูและอ่อนโยนของนางเต็มไปด้วยความเย็นชาและเหี้ยมโหดโดยไม่มีอารมณือื่นใดเลย สายตาของนางที่มองไปที่เจี้ยนเฉินก็ไร้อารมณ์เหมือนน้ำที่นิ่งอยู่เช่นกัน

“ท่านเจ้าศาลา ข้าต้องการที่จะไปที่ศาลาเทพเจ้าอสรพิษและศาลาวิญญาณสวรรค์เพื่อที่จะแก้แค้นและเอาของของข้ากลับมา” เจี้ยนเฉินพูด

เจ้าศาลาตอบกลับหลังจากสักพัก “เจ้าต้องการที่จะให้ข้าถ่วงเจ้าศาลาทั้งสองไว้ใช่หรือไม่ ? “

“ถูกต้อง นั่นเป็นความตั้งใจของข้า ข้าหวังว่าท่านเจ้าศาลาจะช่วยข้าได้” เจี้ยนเฉินพูด เขาต้องการที่จะทำให้เซียนจักรพรรดิยุ่งเข้าไว้ก่อนที่เขาจะเข้าไปยังทั้งสองศาลา ไม่เช่นนั้น แม้แต่โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดและวัตถุเซียนก็ไม่สามารถปกป้องเขาได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะออกมาอย่างมีชีวิตอยู่

เซียนจักรพรรดิสามารถทำลายได้ทั้งวัตถุเซียนและโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด

เจ้าศาลาลังเลเล็กน้อย “คนจากศาลาไม่สามารถข้ามพรมแดนไปได้ตามอำเภอใจ แต่เจ้าเป็นเพียงแขกของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเท่านั้น เจ้าไม่ใช่สมาชิก ดังนั้นเจ้าสามารถไปยังอาณาเขตของอีกทั้งสองศาลาได้ตามปรารถนา เมื่อเจ้าไปที่นั่น ให้บอกว่าเจ้าไปเพื่อล้างเค้น มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าไม่ไปทำอะไรที่ไปกระทบเกียรติของทั้งสองศาลา แล้วผู้อาวุโสประจำศาลาจะได้ไม่เคลื่อนไหว ข้าจะช่วยเจ้าในการทำให้เจ้าศาลาทั้งสองวุ่นเอง เจ้าไปได้”

“ขอบคุณท่านมาก” เจี้ยนเฉินป้องมือออกไปอย่างรู้คุณในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความยินดี เมื่อมีเจ้าศาลาช่วยเพื่อทำให้เจ้าศาลาที่เหลืออีกทั้งสองวุ่นอยู่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร

ฉิงยี่หยวนนั่งอยู่ที่เตียงของนางที่โถงข้างภายในโถงศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่นางกำลังฝึกฝนอยู่ ในตอนนี้เอง ใบหน้าของนางก็บิดเบี้ยวและนางก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ นางคิดแล้วถอนม่านพลังรอบ ๆ โถงออกและพูดออกไป “เข้ามา”

ชายหนุ่มในชุดทูตเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาประสานมือไปที่ฉิงยี่หยวน “ผู้อาวุโสฉิงยี่หยวนที่เคารพ คนที่ท่านบอกให้ข้าจับตาดูได้ปรากฎตัวขึ้นมาแล้ว เขาเพิ่งเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์และกำลังไปที่ส่วนกลาง”

สายตาของนางเป็นประกายและหน้าของนางก็เย็นชาขึ้นมาทันที นางพูด “เอาล่ะ เจ้าไปได้”

“ขอรับ ผู้อาวุโส” ทูตตอบกลับอย่างนอบน้อมก่อนที่จะออกไปอย่างช้า ๆ

หลังจากที่ทูตจากไป ฉิงยี่หยวนก็ยืนขึ้นจากเตียงแล้วขบฟัน “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดได้ ชิ้นส่วนแผ่นที่อาจจะไม่อยู่แล้วในตอนนี้ แต่ข้าต้องส่งคืนความอับยศที่เจ้ามอบให้ข้าเมื่อหลายปีมาแล้วกลับไป ในตอนนี้เจ้าเต่าเฒ่าไม่ได้อยู่ข้าง ๆ เจ้าแล้ว ข้าอยากจะรู้ว่าใครจะปกป้องเจ้ากันในตอนนี้ เมื่อข้าจับเจ้าได้ ข้าจะทรมานเจ้าให้หนักและระบายความเกลียดชังของข้า” ฉิงยี่หยวนออกไปจากโถงของนางทันที

เจี้ยนเฉินออกจากโถงของเจ้าศาลาก่อนที่จะไปยังที่อยู่ของผู้อาวุโสฮง เขานั่งอยู่ที่นั่นสักพักก่อนที่จะจากไปอย่างเร่งรีบเพื่อที่จะไปที่อาณาเขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ

เจี้ยนเฉินบินต้านลมแรงและเดินทางไปหลายหมื่นกิโลเมตรจากโถงกลางไปอย่างรวดเร็ว เขามาถึงที่แนวภูเขาที่โดดเดี่ยว

เจี้ยนเฉินหยุดอยู่ที่นั่นและยืนนิ่งอยู่ที่ยอดที่สูงที่สุด มุมปากของเขาเหยียดไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย “ฉิงยี่หยวน ข้าอยากรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เจ้าจะเลิกตามข้า”

จิตสังหารที่รุนแรงปรากฏขึ้นมาทันที และเติมเต็มไปรอบ ๆ ทันทีที่เจี้ยนเฉินพูดจบ ดาบที่เปล่งประกายสีฟ้าครามปรากฎขึ้นที่ด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็ว และแทงไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความเร็วแสง

เจี้ยนเฉินพ่นลมออกมาเบา ๆ เขาไม่แม้แต่หันหลังกลับไปในขณะที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิปรากฎขึ้นที่มือของเขา เขาแทงไปด้านหลังทันที

ชิ้ง ! ดาบจากด้านหลังปะทะเข้ากับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิด้วยเสียงใส ยุทธภัณฑ์ได้กระแทกให้ดาบกระเด็นออกไป

“ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ ! นั่นมันยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ ! เป็นไปไม่ได้ ! มันเป็นไปได้ยังไงกัน ! ? เจ้ามียุทธภัณฑ์จักรพรรดิได้ยังไง ! ? ” เสียงตกใจดังขึ้นมาจากด้านหลัง ฉิงยี่หยวนปรากฏขึ้นมาจากที่ใดก็ไม่รู้ ในตอนนี้ ปากเล็กของนางอ้ากว้างในขณะที่นางจ้องไปที่อาวุธที่อยู่ในมือของเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินหันกลับไปช้า ๆ แล้วพูด “ผู้อาวุโสฉิงยี่หยวน ข้าไม่ใช่คนที่เจ้าจะรังแกได้ตามใจชอบแล้วในตอนนี้ ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก และข้ายังได้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิมาอีก เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีกต่อไปแล้ว”

ฉิงยี่หยวนเคร่งเครียด นางมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความอิจฉาตาร้อนในขณะที่นางขบฟัน “เจ้าหนู ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโชคดีได้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิมา เจ้าต้องได้มันมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดแน่”

เจี้ยนเฉินโบกยุทธภัณฑ์จักรพรรดิในมืออย่างปกติแล้วยิ้ม “ถูกต้อง ข้าได้มันมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด ข้าต้องขอบคุณผู้อาวุโสฉิงยี่หยวนสำหรับชิ้นส่วนแผนที่จริง ๆ ถ้าไม่มีมัน ข้าก็คงไม่สามารถเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ได้ และก็คงไม่ได้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดินี่ด้วย”

ตาของฉิงยี่หยวนเผาไหม้ไปด้วยโทสะในขณะที่นางคิดถึงฉากตอนที่ชิ้นส่วนแผนที่ถูกขโมยไป สายตาของนางเหมือนต้องการที่จะกินเลือดเนื้อของเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินคิดกลับไปถึงตอนที่เขาขโมยชิ้นส่วนแผนที่มาจากนางเมื่อเขาเห็นนางทำตัวแบบนี้ เขาทำหน้าแปลก ๆ และยิ้มออกมาเล็กน้อย “ผู้อาวุโส ข้าได้ทำให้เจ้าโกรธเรื่องก่อนหน้านี้ ข้าจะชดเชยให้แน่นอนในอนาคต แต่ข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการในวันนี้ ข้าจะมัวแต่โอ้เอ้อยู่ที่นี่ไม่ได้ ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะไม่ตามข้ามาอีก” เจี้ยนเฉินหันกลับไปและเดินทางต่อไปหลังจากพูดจบ

ฉิงยี่หยวนลอยอยู่กลางอากาศหน้าซีด หน้าอกของนางเจ็บปวดจากโทสะในขณะที่นางขบฟันไปมา ความเกลียดของนางที่มีต่อเจี้ยนเฉินพุ่งไปจนถึงขีดสุดในตอนนี้ แต่นางก็ไม่มีทางที่จะลบล้างมันออกไปได้ ซึ่งทำให้มันยิ่งแย่ไปกว่าเดิม

นางสามารถบอกได้จากการโจมตีก่อนหน้านี้เลยว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจี้ยนเฉินอีกต่อไปแล้ว เขาไม่ได้อ่อนแอพอที่จะถูกไล่ตามไปทุกที่เหมือนแต่ก่อนแล้ว

“อ้าก ! ” ฉิงยี่หยวนกรีดร้องออกมาดังไปบนท้องฟ้า เสียงของนางดังมากซึ่งสะท้อนไปรอบ ๆ เหมือนเสียงฟ้าร้องและทำให้ท้องฟ้าสั่นไหว ทั้งหมดที่นางสามารถทำได้คือกรีดร้องเพื่อระบายความขับข้องใจออกไป

…………

หวงหลวนกำลังนั่งอย่างไม่สบายใจอยู่ที่กึ่งกลางของห้องลับใต้ตระกูลหวงกู่ในขณะที่นางมองสอดส่ายไปรอบ ๆ เรื่อย ๆ

“ข้าสัมผัสได้ถึงปัญหาเกี่ยวกับวิธีการฝึกฝนของอาจารย์มานานแล้ว ข้าได้ส่งข้อความไปหาท่านหัวหน้าตระกูลเมื่อหลายวันก่อน ทำไมเขาถึงยังไม่มารับข้าอีกกันนะ ? ” หวงหลวนคิด ใบหน้าของนางมีแววแห่งความกังวลและวุ่นวายใจ

ในตอนนี้เอง ประตูห้องก็เปิดขึ้นทันใด บรรพชนตระกูลหวงกู่ได้เดินเข้ามา

“ข้าขอคารวะท่านอาจารย์” หวงหลวนยืนขึ้นและคารวะเขา

ตาของหัวหน้าตระกูลเป็นประกายในขณะที่เขาเพ่งมองหวงหลวนใกล้ใกล้ เขายิ้มแล้วพูดออกมา “ลูกศิษย์ที่รักของข้า ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเจ้าฝึกถึงขั้นใดแล้วในวิธีการฝึกฝนที่ข้าได้ให้เจ้าไป ? มันไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว ? “

“อาจารย์ ข้าไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วและข้าคิดถึงครอบครัวของข้ามาตลอดในสองสามวันที่ผ่านมานี้ ข้าไม่สามารถที่จะสงบใจฝึกฝนได้ ข้าขอร้องให้ท่านอาจารย์อนุญาตให้ข้ากลับไปไปบ้านเพื่อไปพบกับท่านพ่อท่านแม่ของข้าด้วย”

สายตาของบรรพชนตระกูลเย็นชาทันทีหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น แต่เขาก็ซ่อนมันเอาไว้อย่างรวดเร็ว “ในตอนนี้มันเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เจ้าต้องอยู่ที่นี่และฝึกต่อ อย่าไปคิดถึงเรื่องอื่น ไม่เช่นนั้นมันจะมีผลกระทบกับความสำเร็จในอนาคตของเจ้า เจ้าควรจะฝึกต่อที่นี่โดยไม่ต้องห่วงอะไร เมื่อเจ้าถึงขั้นสูงกว่านี้ในการฝึกฝนแล้ว ข้าจะให้เจ้ากลับบ้าน”

ใจของหวงหลวนอ่อนลงเล็กน้อย หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย นางก็ฝืนพูดออกมา “อาจารย์ ถ้าข้าไม่ได้กลับบ้าน ข้าจะหยุดฝึก”

“เจ้ากล้าดียังไงที่ไม่เชื่อฟังอาจารย์ของเจ้า ! ” ใบหน้าของบรรพชนตระกูลหม่นลงในขณะที่เขาคำรามออกมาอย่างรวดเร็ว แม้แต่สายตาของเขายังจ้องเขม็ง

หวงหลวนกัดริมฝีปากและไม่ได้พูดอะไร นางเป็นเพียงเซียนสวรรค์ในตอนนี้ ในขณะที่บรรพชนตระกูลเป็นเซียนผู้คุมกฎ นางไม่มีกำลังพอที่จะต่อต้านได้

บรรพชนตระกูลจ้องมองหวงหลวนเงียบ ๆ ด้วยใบหน้าที่มืดมนของเขาในขณะที่สายตาของเขาเป็นประกาย เขาคิด “ดูเหมือนเด็กนี่จะรู้อะไรบางอย่างแล้ว”

บรรพชนตระกูลออกจากห้องลับไป ก่อนที่จะกลับมาอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น ในครั้งนี้ เขาแบกคนหนึ่งไว้ในมือด้วย คนนั้นคือชายชราหน้าซีดที่กำลังถูกล่ามโซ่ไพล่หลังอยู่ในตอนนี้

เมื่อหวงหลวนเห็นชายชราที่ถูกล่ามอยู่ นางก็หน้าซีดไปด้วยความกลัวและร้องออกมา “ท่านบรรพชน ! “

ชายชราคนนี้เป็นบรรพชนตระกูลหวง หวงเทียนป้า