ตอนที่ 954: เยือนศาลาเทพเจ้าอสรพิษ (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 954: เยือนศาลาเทพเจ้าอสรพิษ (1)

“เจ้าพูดถูก ผู้อาวุโสทั้งสองร่วมมือกับคนนอกและพยายามกระทำการที่เป็นภัยต่อเผ่า พวกเขาก่ออาชญากรรมที่ยกโทษให้ไม่ได้ และควรจะถูกประหาร” ข้อตกลงดังออกมาจากทั่วทั้งโถงในขณะที่สมาชิกหลายคนของเผ่าเต่าพูดเพิ่มเติมออกมา

แม้ว่าผู้อาวุโสทั้งสองจะเป็นบุคลที่เป็นที่เคารพในเผ่า แต่การกระทำของพวกเขาก็ทำให้ทุกคนเดือดดาล

ใบหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาทันที พวกเขามองหน้ากันและกัน และรู้ว่าไม่มีอะไรที่พวกเขาจะทำได้แล้ว พวกเขากระโจนบินออกจากโถงไปทันที

เจี้ยนเฉินยืนขึ้นจากบัลลังก์ทันทีและยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา เขาฟันออกไป 2 ครั้งที่คนทั้งสองนั้น ปราณกระบี่พุ่งไปเป็นแสงและก้าวผ่านมิติและไล่ตามผู้อาวุโสสองคนทันทันที มันผ่านหัวของพวกเขาไปและทำลายวิญญาณ ฆ่าพวกเขาโดยทันที

“พวกเจ้าเห็นหรือไม่ ? นี่คือผลลัพธ์ของผู้ทรยศ” เจี้ยนเฉินเก็บกระบี่และพูดอย่างเย็นชาในขณะที่เขายืนตัวแข็ง สายตาที่แหลมคมของเขามองผ่านไปที่ทุกคนด้านล่าง ทุกคนที่สบตากับเขาก้มหน้าลงอย่างไม่รู้ตัว

“ไทโตว เมื่ออาการบาดเจ็บของเจ้าดีขึ้นแล้ว กลับไปทันทีและบอกออกไปด้วยว่าเผ่าไทฮงเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าเต่าแล้ว” เจี้ยนเฉินสั่ง

“ขอรับ ผู้คุมกฎ ! ” ไทโตวตอบกลับพร้อมป้องมือ

เซียนผู้คุมกฎของเผ่าเต่ายืนขึ้นและป้องมืออย่างเคารพไปที่เจี้ยนเฉิน “ผู้คุมกฎ เหมืองผลึกหลายที่ซึ่งเคยเป็นของพวกเราถูกองค์กรอื่นหลายองค์กรเอาไป พวกเราหวังว่าผู้คุมกฎจะพาพวกเราไปเอากลับคืนมาได้”

เจี้ยนเฉินพยักหน้าและมองไปที่ไทโตวจากนั้น “ไทโตว หลังจากที่เจ้าจัดการกับเรื่องเผ่าไทฮงแล้ว นำจอมยุทธของเผ่าเต่ากลับไปเอาเหมืองของพวกเราที่ถูกเอาไปทั้งหมดกลับมา ถ้าเจ้าเจอกับใครที่เจ้าเอาชนะไม่ได้ กลับมารายงานข้าทันที”

“ตามประสงค์” ไทโตวตอบกลับ เขาได้ทำพันธสัญญาโลหิตไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะยอมทำตามเผ่าเต่า ดังนั้นเขาจึงภักดีกับเจี้ยนเฉินในตอนนี้

เจี้ยนเฉินและนูบิสเข้าไปทำสมาธิหลังจากที่จัดการกับเรื่องของเผ่าเต่าแล้ว เขาให้อำนาจในการจัดการเผ่าทั้งหมดกับสมาชิกระดับสูงของเผ่า

หอคอยสีทองลอยอยู่ด้านในห้องที่รักษาการอย่างดีของเผ่าเต่า เจี้ยนเฉินและนูบิสกำลังค้นแหวนมิติที่พวกเขาเก็บมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์

มีของหลายอย่างมากในแหวนมิติและบางแหวนมิติยังมีแหวนมิติซ่อนอยู่ด้านในอีก ทำให้แหวนร้อยกว่าวงตอนแรกเพิ่มเป็นสี่ร้อยแล้วในตอนนี้

เจี้ยนเฉินและนูบิสใช้เวลาสิบวันก่อนที่จะจัดสิ่งของทุกอย่างที่อยู่ในแหวนเสร็จ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้ของเป็นจำนวนมาก แต่ทุกอย่างที่อยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ยังตกอยู่ในมือของพวกเขาอีกด้วย

พวกเขารวบรวมชิ้นส่วนแผ่นหินวิชาเซียนระดับเทียน เช่นเดียวกับความเข้าใจในการฝึกฝนของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด พร้อมด้วยบันทึกประจำวันของเขา พวกเขารวมวิธีการฝึกฝนเข้าด้วยกัน

เจี้ยนเฉินและนูบิสดูบันทึกประจำวันและความเข้าใจของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด แม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังได้รับประโยชน์อย่างมากและขยายความรู้ของพวกเขา

บันทึกประจำวันของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดได้อธิบายวิธีการฝึกฝนที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ และวิธีที่จะพัฒนาการ อย่างไรก็ตาม มันช่างน่าเสียดาย

“จักรพรรดิรวมพลังงานดั้งเดิมเพื่อใช้เป็นพลังในการฝึกฝน ในโลกปัจจุบันนี้ ไม่มีพลังงานดั้งเดิมเหลืออีกแล้ว ทางเดียวที่จะได้มาคือการดูดพลังงานธรรมชาติจำนวนมากมาแล้วเปลี่ยนมัน ขั้นตอนมันช้ามาก และมันเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงที่จะพัฒนาการได้ในอายุขัยของเซียนรับจักรพรรดิ สี่สุดยอดดจอมยุทธในครั้งโบราณกาลจะไม่สามารถมีได้แล้วอีกครั้ง”

เจี้ยนเฉินรู้ว่าไม่มีพลังงานดั้งเดิมอยู่ในโลกแล้ว และทั้งหมดเป็นเพราะหลุมดาราบนเกาะมังกร พลังงานดั้งเดิมทั้งหมดถูกดูดไปโดยศิลาเซียนหยินหยางจนไม่เหลือ นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจึงมีเซียนจักรพรรดิน้อยในตอนนี้

เจี้ยนเฉินได้แต่คาดเดาว่าเซียนจักรพรรดินั้นคงจะดูดซับพลังงานปริมาณมหาศาลเข้าไปเพื่อที่จะกลั่นเป็นพลังงานดั้งเดิมอย่างช้า ๆ และเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นจากสิ่งที่จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดได้เขียนเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนนี้มันช้ามาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงระดับสูงสุดได้ในช่วงอายุขัยหมื่นปีของเซียนจักรพรรดิ ทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพัฒนาการ

ท้ายที่สุด วิธีการฝึกฝนที่รวมมาได้นั้นเป็นวิธีการฝึกฝนของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินและนูบิสไม่สามารถใช้วิธีการฝึกฝนของเผ่าพันธุ์ทะเลได้ ดังนั้นทั้งหมดที่พวกเขาจะทำได้คือตามหาซี่หวังและให้เข้าใช้ประโยชน์จากมันไปเปล่า ๆ

ซี่หวังยินดีอย่างมากตอนที่เขาได้วิธีการฝึกฝนไป เขาเข้าไปฝึกฝนทันทีหลังจากที่เขาได้รับมัน แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นการยืนยันที่เขาจะได้เป็นเซียนราชา แต่มันก็มีทักษะลับบางอย่างของเผ่าพันธุ์ทะเล พลังการต่อสู้ของเขาคงจะเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอนเมื่อเขาเข้าใจมัน

เจี้ยนเฉินไม่ได้พยายามที่จะทำความเข้าใจในวิชาเซียนระดับเทียนที่อยู่บนแผ่นหิน เพราะว่ามันเหมาะสมกับเผ่าพันธุ์ทะเลเท่านั้น พวกเขาต้องเปลี่ยนเป็นร่างดั้งเดิมก่อนที่จะร่ายมันออกไป ดังนั้นมันจึงไม่เหมาะกับเจี้ยนเฉิน

อย่างไรก็ตาม นูบิสเริ่มทำความเข้าใจในมันด้วยความสนใจอย่างมาก ในฐานะที่เขาเป็นสัตว์อสูร เขาเกือบมีทุกอย่างที่มันต้องการในการใช้มัน เขาไม่ต้องการที่จะเชี่ยวชาญในมัน แต่เขาต้องการที่จะเข้าใจและใช้มันในการอ้างอิงเพื่อปรับเปลี่ยนมัน

นอกเหนือจากสิ่งของเหล่านั้น มันเหรียญผลึกเป็นกอง อีกทั้งเหรียญผลึกศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก และแกนอสูรระดับ มันช่วยเติมของที่เจี้ยนเฉินจะใช้ในการพัฒนาไปเป็นร่างบรรพกาลขั้นที่สาม นี่ทำให้เจี้ยนเฉินอารมณ์ดีไปพักหนึ่ง ถ้าเขาสกัดพวกมันทั้งหมด มันจะเพียงพอที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของเม็ดพลังบรรพกาลของเขา แม้ว่ามันจะไม่เพียงพอที่จะให้เขาพัฒนาไปถึงขั้นที่ 4 ได้ก็ตาม

สัตว์อสูรระดับ 8 บางตัวที่ยังอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ได้ถูกเจี้ยนเฉินสังหาร เขาปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่ และวางแผนที่จะใช้มันเพื่อให้เป็นสัตว์อสูรพิทักษ์โถง เขาแบ่งสัดส่วนในโถงเอาไว้เพื่อให้พวกมันมีบริเวณที่จะอยู่อาศัยได้

เจี้ยนเฉินออกจากมิติของวัตถุเซียนหลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว นูบิสและซี่หวังยังอยู่ด้านใน คนหนึ่งกำลังทำความเข้าใจในวิชาเซียนระดับเทียน ในขณะที่อีกคนกำลังศึกษาวิธีการฝึกฝนของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดอยู่

ในตอนที่เจี้ยนเฉินกลับเข้าไปที่เผ่าเต่า เผ่าไทฮงก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าของพวกเขาอย่างเป็นทางการแล้ว ไทโตวได้รวมกลุ่มจอมยุทธจากทั้งสองเผ่า และเริ่มที่จะเอาเหมืองผลึกที่เคยเป็นของพวกเขากลับมา

เจี้ยนเฉินไม่ได้อยู่ที่เผ่านานนัก เขามอบหน้าที่บางอย่างก่อนที่จะจากไป ก่อนที่จะไปที่หลุมศพของผู้อาวุโสสูงสุด จากนั้นก็มุ่งหน้าที่ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล

ศาลาที่ตระหง่านและใหญ่โตลอยอยู่กลางอากาศที่กึ่งกลางของอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล มันเป็นที่ซึ่งพลังทั้งหมดของอาณาเขตถูกรวบรวมอยู่ เช่นเดียวกับจอมยุทธหลายคนที่รวมกันอยู่ที่นี่

เจี้ยนเฉินเข้าไปที่โถงอย่างไม่มีใครขัดขวางด้วยเหรียญตราแขกของเขา เขาพบกับผู้อาวุโสฮงและพูดคุยกัน ก่อนที่จะเข้าประเด็นหลัก “ผู้อาวุโสฮง ข้าต้องการที่จะพบกับท่านเจ้าศาลา ข้าหวังว่าท่านจะบอกต่อให้ได้”

ผู้อาวุโสฮงหยุดเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตกลงแล้วพูดออกมา “เอาล่ะ ข้าจะไปบอกท่านให้เอง” เขาไม่ได้ถามว่าทำไม เขาหลับตาลงช้า ๆ ในขณะที่เขาพูด

เจี้ยนเฉินนั่งอย่างสบายอยู่ตรงข้ามผู้อาวุโสฮง เขาไม่ดูตกใจแม้แต่น้อย

สักพักต่อไป ผู้อาวุโสฮงลืมตาขึ้นช้า ๆ แล้วพูดว่า “ท่านตกลง มากับข้า ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่น”