ตอนที่ 759 แผนการตอบโต้

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 759 แผนการตอบโต้
ยามแสงแรกบนท้องฟ้าไซบีเรียส่องสว่าง รถหุ้มเกราะสองคันก็มาถึงเขตค่ายทหารที่นายพลวิคเตอร์ประจำอยู่ คนที่ลงจากรถเป็นคนแรกคือผู้การกินเนสส์ผู้เร่งรุดมาจากมอสโควนั่นเอง

เนื่องจากเมื่อวานไซบีเรียมีหิมะตกหนัก เครื่องบินลำที่ผู้การกินเนสส์นั่งมาจึงต้องลงจอดยังพื้นที่แห่งหนึ่งในไซบีเรีย แล้วขับรถติดต่อกันทั้งคืนเป็นระยะทางถึงสี่ร้อยกิโลเมตร จนสีหน้าของผู้การกินเนสส์เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

ส่วนที่ลงจากรถตามหลังผู้การกินเนสส์มา คือชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่จำนวนสิบสองคน กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ บนร่างแสดงถึงกำลังกายอันแข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาทั้งสองข้างทำเอาคนไม่กล้าหันไปสบตาตรงๆ

คนเหล่านี้ไม่ได้สวมเครื่องแบบทหารรัสเซีย อีกทั้งหากดูจากโครงหน้าแล้ว ก็ไม่คล้ายชาวรัสเซียสักเท่าไหร่ ถึงขั้นใบหน้าไปคลับคล้ายชาวเอเชียเสียมากกว่า แต่ว่าจุดที่เหมือนกันเพียงข้อเดียวก็คือ เรือนร่างของพวกเขามีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แผ่รังสีอันตรายออกมาจนถ้วนทั่ว

“ยินดีต้อนรับการมาของท่านครับผู้การ!”

ถึงแม้ในกองบัญชาการจะมีนายทหารมากมายยศสูงกว่าผู้การกินเนสส์ แต่ในฐานะทูตพิเศษที่ประธานาธิบดีส่งตัวมาและมีอำนาจทุกประการในการจัดการเรื่องนี้ ทางฝั่งนายพลวิคเตอร์จึงเข้ามาต้อนรับทุกคน และไม่นึกดูหมิ่นผู้การกินเนสส์จากยศทหารของเขา

“ผู้การครับ พวกเขาเป็นใครกัน?”

พอต่างทำความเคารพกันและกันตามระเบียบทหารแล้ว นายพลวิคเตอร์ก็มองไปยังด้านหลังของเขา อดหรี่สายตาลงไม่ได้

กองทัพพิเศษในเขตไซบีเรีย ถือว่ามีความแข็งแกร่งติดอันดับหนึ่งในสามของกองทัพรัสเซีย ตัวนายพลวิคเตอร์เองก็มีประสบการณ์ในสนามรบจริงอย่างโชกโชน แต่เมื่อได้เผชิญหน้ากับคนสิบกว่าคนนี้ นายพลวิคเตอร์ยังหนาวสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ

เขาสามารถสัมผัสได้ว่า คนสิบกว่าคนที่ไม่ได้สวมชุดพรางตัวอย่างทหารเหล่านี้ ฝ่ามือล้วนเปื้อนเลือดมาแล้วทุกคน อีกทั้งแววตาของคนเหล่านี้เปรียบได้ราวกับสัตว์ป่า นายพลวิคเตอร์เชื่อว่า ต่อให้เป็นทหารที่เก่งที่สุดในกองทัพใต้บังคับบัญชาของเขา ก็ไม่ใช่คู่มือของคนเหล่านี้

“นายพลวิคเตอร์ คุณอยู่ในเขตไซบีเรีย แต่ไม่รู้จักพวกเขางั้นเหรอ?”

ผู้การกินเนสส์หันหน้ากลับไปมองแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ทางค่ายมวยใต้ดินส่งพวกเขามา เป็นนักมวยที่เก่งกาจที่สุดสิบสองคนจากค่ายฝึกในปัจจุบัน จากคำพูดของพวกเขา เวลาคนพวกนี้ลงสนาม จะกลายเป็นราชาแห่งสนามมวยใต้ดินทันที!”

“ที่แท้ก็เป็นพวกเขานี่เอง? แล้วคุณพาพวกเขามาที่นี่ทำไมครับ?”

นายพลวิคเตอร์ผงะไปชั่วขณะ เขาพอจะรู้จักชื่อเสียงของคนเหล่านี้ แต่เนื่องจากพวกเขามีสถานะพิเศษในค่ายฝึกไซบีเรีย จึงไม่เคยพบปะพูดคุยกับคนพวกนี้

นายพลวิคเตอร์รู้ว่า ถึงแม้คนจากค่ายฝึกไซบีเรียกลุ่มนี้จะมีพลังโจมตีแข็งแกร่ง แต่กลับไม่รู้จักการทำงานเป็นทีม ยิ่งไปกว่านั้นยังด้อยด้านการเชื่อฟังคำสั่ง ด้วยเหตุนี้นายพลวิคเตอร์จึงไม่รู้สึกว่าพวกเขาจะมีประโยชน์อะไรในการปฎิบัติการของกองทัพ

“นายพลวิคเตอร์ คนที่พวกเราต้องรับมือ ไม่ใช่คนธรรมดา ทหารราบของพวกเรา อาจไม่สามารถจับตัวคนคนนั้นได้”

ผู้การกินเนสส์ส่ายหน้า ตอบว่า “การฝึกฝนที่พวกเขาได้รับ โหดเหี้ยมที่สุดในโลกนี้ อีกทั้งความสามารถในการเอาชีวิตรอดในป่าก็เหนือกว่าทหารของพวกเรามาก ผมคิดว่า…บางทีอาจมีแค่พวกเขาที่จะสามารถต้านทานกับคนคนนั้นได้”

น้ำเสียงของผู้การกินเนสส์ฟังดูไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก หลังย้อนดูภาพที่กล้องดาวเทียมถ่ายมาได้หลายต่อหลายครั้ง ภายในใจเขาก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังอย่างลึกล้ำต่อเงาร่างปีศาจนั่น เพราะว่าการปรากฎและหายตัวอย่างทันควันของเยี่ยเทียน เหนือชั้นเกินกว่าที่ขอบเขตมนุษย์จะเข้าใจได้

ดังนั้นก่อนที่ผู้การกินเนสส์จะขึ้นเครื่องบินมายังไซบีเรีย จึงได้ติดต่อกับเจ้าของเบื้องหลังค่ายฝึกมวยใต้ดิน ซึ่งเป็นเจ้าพ่อค้าน้ำมันดิบรัสเซียผู้ได้รับผลประโยชน์อันใหญ่หลวงที่สุดหลังจากโซเวียตแตก เพื่อขอให้ช่วยเหลือภารกิจครั้งนี้ของเขาให้เสร็จสิ้น ในนามของท่านประธานาธิบดี

เจ้าพ่อน้ำมันดิบคนนี้เป็นคนเข้าใจอะไรได้ดี ถึงแม้ตัวจะอยู่ต่างประเทศ แต่ก็ไม่รีรอจะตอบรับข้อเรียกร้องของผู้การกินเนสส์ อีกทั้งยังให้ผู้รับผิดชอบภายในสนามมวยใต้ดิน ส่งตัวนักมวยสิบสองคนนี้มายังตำแหน่งที่ผู้การกินเนสส์อยู่ภายในคืนวันเดียวกัน

“ทุกท่าน ท่านผู้นี้คือผู้การกินเนสส์จากหน่วยศูนย์กลางข่าวกรอง เป็นผู้ที่ท่านประธานาธิบดีส่งตัวมาเพื่อดูแลจัดการคดีที่นายพลลอฟสกี้ถูกสังหารในครั้งนี้…”

เข้าไปยังกระโจมที่กว้างขวางพอจะใช้เป็นห้องประชุมแล้ว นายพลวิคเตอร์ก็แนะนำตัวผู้การกินเนสส์ต่อนายพลทั้งหลายในที่นั้น พอได้ยินคำพูดของนายพลวิคเตอร์ เหล่านายพลที่สลึมสลืออดหลับอดนอนมาทั้งคืน พลันตาสว่างขึ้นมาในทันใด

หน่วยศูนย์กลางข่าวกรองที่นายพลวิคเตอร์พูดถึง มีคุณสมบัติไม่ต่างจาก “เคจีบี” ในสมัยก่อนโซเวียตแตก พวกเขาไม่เพียงรับภาระหน้าที่สืบค้นข่าวกรองจากต่างประเทศ แต่ในขณะเดียวกันยังคอยสอดส่องกิจการความปลอดภัยภายในประเทศด้วย

หากพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ข้าราชการระดับสูงของรัสเซียล้วนถูกบันทึกข้อมูลอยู่ในหน่วยข่าวกรองนี้ทั้งหมด แม้เป็นผู้บังคับการกองทัพก็ไม่ละเว้น ด้วยเหตุนี้หลังจากได้ยินชื่อหน่วยงานที่ผู้การกินเนสส์รับตำแหน่งแล้ว ทุกคนจึงเลิกห่วงยศทหารของตนเองโดยอัตโนมัติ คนที่ถูกส่งตัวมาจากประธานาธิบดีผู้มีประวัติเป็นเคจีบีโดยตรง ย่อมต้องเป็นหนึ่งในสายเลือดของเขาอย่างแน่นอน

“เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ผมได้ยินหมดแล้ว!”

ผู้การกินเนสส์เดินตรงมายังหน้าโต๊ะ ถอดหมวกออกแล้วกล่าวว่า “ขอให้พวกเราไว้อาลัยต่อเหล่าทหารหาญกันก่อนเป็นเวลาสามนาที…”

สามนาทีหลังจากนั้น ผู้การกินเนสส์ก็สวมหมวกกลับเข้าไป กล่าวว่า “พวกเขาล้วนเสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ ท่านประธานาธิบดีจึงขอมอบรางวัลเหรียญเกียรติยศต่อนายทหารที่สละชีพในภารกิจครั้งนี้”

คำพูดของผู้การกินเนสส์กระตุ้นขวัญกำลังใจทุกคน พลทหารกับนักการเมืองยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก ในยุคที่สังคมสงบสุข การรับมอบเหรียญกล้าหาญในหมู่ทหารไม่ได้เกิดขึ้นง่ายดายขนาดนั้น อีกทั้งยังมีความสำคัญสูงยิ่งต่อทหารผู้เชิดชูเกียรติยศเหล่านี้

“ผู้การกินเนสส์ คุณคงเข้าใจสถานการณ์มากกว่าพวกเราเป็นอย่างดี หากต้องการให้ทำสิ่งใด ขอให้สั่งการลงมาได้เลย!”

พลตรีแม็กซิมผู้มีอาวุโสสูงในไซบีเรีย ยังต้องใช้วาจาสุภาพขณะพูดคุยกับผู้การกินเนสส์ ไม่มีใครลืมเลือนการกวาดล้างครั้งใหญ่ของเคจีบีในคืนก่อนการรัฐประหารในปีนั้น เขาเองก็ไม่อยากให้ตนเองถูกชายหนุ่มคนนี้จดจำได้เช่นกัน

“ตกลง นายพลทุกท่าน ด้วยการไหว้วานจากประธานาธิบดี ภารกิจหลักที่ผมมาในครั้งนี้คือการไล่ล่าจับตัวคนร้ายที่สังหารนายพลลอฟสกี้”

หลังจากผู้การกินเนสส์กวาดสายตามองผู้คนโดยรอบแล้ว ก็พูดต่อว่า “จึงหวังว่าทุกหน่วยจะให้ความร่วมมือ ถ้าหากใครรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถทำภารกิจนี้ ขอให้กล่าวออกมาเสียทันที!”

หลังจากคำพูดนี้ของผู้การกินเนสส์กล่าวออกไป ภายในกระโจมก็เงียบสงบลง แม้ว่ายังคงมีคนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านออกมาในเวลานี้

การเคลื่อนพลในไซบีเรียคราวนี้ ยังเหนือกว่าการโอบล้อมกดดันด้วยกำลังทหารที่ศึกเชชเนียในอดีต คนที่สังเกตเห็นจะสามารถมองนัยบางอย่างออกว่า คราวนี้วังเครมลินโกรธเกรี้ยวขึ้นมาจริงๆ

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมจะออกคำสั่งละ!” ผู้การกินเนสส์พยักหน้าอย่างพอใจ ในฐานะเจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรอง เมื่อสามารถทำให้เหล่านายพลผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ในมือก้มหัวเชื่อฟัง จึงอดรู้สึกพออกพอใจขึ้นมาไม่ได้

ความจริงนี่ก็เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนในตระกูลของผู้การกินเนสส์เคยกระทำเมื่อในอดีต เมื่อสิบกว่าปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นวงการการเมืองหรือทหารในกองทัพ คุณสมบัติของเคจีบีก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง พวกเขามีอำนาจจับกุมใครก็ตามที่ถูกสงสัยว่าบ่อนทำลายต่อผลประโยชน์ของชาติ

แต่เพราะสาเหตุนี้ หลังจากที่โซเวียตแตก ชื่อเสียงของเคจีบีจึงระส่ำระสายตามไปด้วย ดังนั้นถึงแม้รัสเซียจะเข้ามาควบคุมหน่วยข่าวกรอง แต่มันก็ยังพังทลายจนต้องเปลี่ยนชื่อขึ้นมาใหม่

แต่ใครๆ ต่างก็ไม่เคยลืมสิ่งที่หน่วยงานนี้เคยทำไว้ จึงสอดคล้องกับสุภาษิตจีนโบราณหนึ่งที่ว่า ยั่วโมโหเจ้านรกยังไม่เท่ากระตุ้นผีสาง ด้วยไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะตกเป็นเบี้ยในกำมือของพวกเขาเมื่อไหร่

“ตำแหน่งล่าสุดที่คนร้ายปรากฎตัวคือพื้นที่ใกล้ค่ายฝึกไซบีเรีย ห่างจากที่นี่แปดสิบกิโลเมตร อีกทั้งเวลาที่นายพลลอฟสกี้และเหล่าทหารราบทั้งหลายเสียชีวิต ประมาณได้ไม่เกินสามชั่วโมงเท่านั้น นั่นจึงหมายความว่า ศัตรูมีความสามารถในการเคลื่อนที่ไกลมาก!”

ผู้การกินเนสส์หมุนตัว ใช้ปากกาคาร์บอนในมือวาดลูกศรหนึ่งลงบนแผนที่ พูดต่อว่า “วิธีที่นายพลวิคเตอร์จัดการเมื่อวานนั้นปลอดภัยอย่างที่สุด ทางฝั่งตะวันออกมีทหารสามกองเป็นกำลังพลจำนวนหลายแสนนาย ถึงแม้ว่าศัตรูจะเก่งกล้าสามารถ ก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะฝ่าวงล้อมออกมาจากจุดนั้น…

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ศัตรูจึงสามารถไปยังทิศทางนี้และอาศัยเพียงชายแดนสาธารณรัฐซาฮาหลบหนี และทันทีที่ศัตรูหนีพ้นจากชายแดนประเทศไปได้ การตามล่าของพวกเราก็จะไม่มีประโยชน์ใดๆ อีกต่อไป!”

“ผู้การกินเนสส์ครับ เส้นแบ่งชายแดนซาฮายาวมาก ด้วยกำลังของทหารเราตอนนี้ คงดำเนินการตามล่าได้ยากลำบาก…”

หลังจากได้ยินคำพูดของผู้การกินเนสส์แล้ว สีหน้าของนายพลวิคเตอร์ก็ยิ้มเจื่อน พื้นที่ไซบีเรียกว้างขวาง เมื่อรวบรวมกำลังพลได้หลายแสนนาย ก็ทำได้เพียงคุ้มกันเส้นทางการจราจรหลักจำนวนหนึ่งเท่านั้น หากจะใช้ค้นหาจนทั่วพื้นที่ คงเป็นไปไม่ได้

โดยเฉพาะการกระทำของศัตรูเมื่อวานนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามมีความสามารถพอจะทำลายล้างกองทัพรัสเซีย จนทำให้นายพลวิคเตอร์เกิดความกังวลตอนจัดกองทัพ และไม่กล้าใช้หน่วยกองร้อยอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเป็นระดับกองพันถืออาวุธหนักออกปฏิบัติการตามล่าแทน

แต่หากทำเช่นนี้ จะทำให้คนของฝั่งรัสเซียเกิดความวิตกกังวล เหมือนกับการใช้ตะแกรงร่อนทราย หากช่องว่างของตะแกรงมีขนาดใหญ่ ศัตรูก็จะสามารถหลบหนีไปได้อย่างง่ายดาย

“นายพลวิคเตอร์ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เขตทหารสหพันธ์คอเคซัสเหนือมีทหารสามกองพลกำลังจะเข้ามายังเขตทหารไซบีเรีย”

ผู้การกินเนสส์โบกมือไปมา พูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “อีกอย่างทางเขตทหารซาไบคาลสค์ก็ส่งกองทัพมาอีกสองกองพล เสริมด้วยเวรยามตามแนวชายแดนสาธารณรัฐซาฮา และผมยังตัดสินใจจะให้ทหารราบที่ตรึงกำลังอยู่บนถนนเส้นหลักกลับมารวมพล เพื่อเข้าร่วมการไล่ล่าครั้งนี้ด้วย”

จากการพัฒนาพื้นที่หลายปีที่ผ่านมาในไซบีเรีย ไฟจราจรกับสิ่งก่อสร้างพื้นฐานค่อยๆ ขยายวงกว้างขึ้น ทหารที่ประจำอยู่ตามถนนเส้นหลักเหล่านั้น ยังมีเป็นจำนวนหมื่นกว่านาย ในเวลานี้ที่กองกำลังไม่เพียงพอ ผู้การกินเนสส์จึงเตรียมการนำหน่วยกองทัพเหล่านั้นเข้ามาร่วมด้วย

เพราะเป็นผู้การกินเนสส์ที่มาพร้อมกับกระบี่อาญาสิทธิ์ คนทั้งหลายจึงไม่กล้าออกความเห็นคัดค้าน อีกทั้งหลังจากฟ้าสว่างร่องรอยทั้งหลายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เยี่ยเทียนจะต้องหลบหนีไปยังทิศทางที่ผู้การกินเนสส์กำหนดไว้อย่างแน่นอน

จากคำสั่งการต่อหน่วยกองทัพทั้งหลาย ทหารราบที่ประจำการอยู่บนถนนเส้นหลักเองจึงค่อยๆ เคลื่อนตัวแยกย้าย เพื่อเข้ารวมกับกองกำลังไล่ล่า