ตอนที่ 760 เผชิญหน้า

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 760 เผชิญหน้า
“รายงานผู้การ ที่ละติจูดหกสิบองศาเหนือ กองทหารกองหนึ่งถูกศัตรูลอบทำร้าย เสียชีวิตแปดคนครับ!”

ขณะที่เหล่านายพลกำลังหารือถึงแผนการโอบล้อมและกดดันในกองบัญชาการอยู่นั้น ก็มีข่าวส่งเข้ามา นับตั้งแต่กองกำลังถูกโจมตีเมื่อวาน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับข่าวจากฝ่ายศัตรู

ผู้การกินเนสส์ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ขณะกำลังตรวจสอบบนแผนที่ ใบหน้าก็แสดงความยินดีออกมา กล่าวว่า “ศัตรูน่าจะยังอยู่ภายในวงล้อมของพวกเรา สั่งการให้แต่ละหน่วยเข้าร่วมประจัญบาน กระชับวงล้อม จะปล่อยให้หนีไปไม่ได้เด็ดขาด!”

เมื่อดูกล้องดาวเทียมแล้วผู้การกินเนสส์ก็รู้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่คนร้ายผู้สังหารลอฟสกี้จะมีเพียงคนเดียว ยิ่งเมื่อรวมกับการสังหารหมู่ทั้งสองครั้งหลังจากนั้น เหตุการณ์นี้ยิ่งใกล้เคียงกับตำนานจีนโบราณที่กล่าวถึงการชิงศีรษะแม่ทัพท่ามกลางทหารนับพันหมื่น เห็นได้ชัดว่าพลังการโจมตีของคนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย

ดังนั้นผู้การกินเนสส์จึงออกคำสั่งให้ทุกหน่วยร่วมประจัญบาน หนึ่งเพื่อลดการบาดเจ็บเสียชีวิตของทหาร สองเพื่อบีบบังคับให้ศัตรูถอยร่นไปทางแนวชายแดนซาฮา ซึ่งที่นั่นได้วางกับดักไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงศัตรูเข้าไปติดกับเท่านั้น

ขณะเดียวกันผู้การกินเนสส์ก็ออกคำสั่งอีกครั้ง ให้หน่วยคุ้มกันด่านบนถนนแต่ละเส้นเพิ่มความเร็วการเดินทัพ เร่งรีบมายังจุดรวมพล เมื่อศัตรูเปิดเผยร่องรอยออกมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสียกำลังพลอย่างไร้ประโยชน์อีก

แม้ว่ารัสเซียจะบอกกล่าวต่อนานาชาติว่าเป็นปฏิบัติการในการซ้อมรบ แต่การรวมพลทหารนับแสนนาย ไม่อาจหลุดพ้นจากสายตาของต่างชาติได้ ในเวลานั้น อังกฤษ อเมริกาและประเทศจีนต่างก็วิตกกังวลขึ้นมาพร้อมๆ กัน จนแอบเตรียมกำลังพลอย่างลับๆ เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน

……

“พ่อคะ มาได้ยังไงนี่?”

เช้าตรู่วันนั้น ซ่งเวยหลันเตรียมตัวกำลังจะออกไปซื้อกับข้าว กลับพบว่าเรือนสี่ประสานถูกผู้คุ้มกันที่พ่อพามาห้อมล้อมเอาไว้ ซ่งเฮ่าเทียนเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เห็นพ่อท่าทางอย่างนั้น ซ่งเวยหลันก็นึกประหลาดใจเล็กน้อย อีกทั้งถึงแม้ความบาดหมางระหว่างตระกูลเยี่ยและซ่งจะสะสางเรียบร้อยแล้ว แต่เวลาเยี่ยเทียนไม่อยู่บ้าน ก็ยังมีน้อยครั้งที่ซ่งเฮ่าเทียนจะมาเคาะประตู

ซ่งเฮ่าเทียนพยักหน้า กล่าวว่า “พ่อมาหาลูกเพราะมีเรื่องจะพูด หือ? ลูกกำลังจะออกไปข้างนอกหรือ?”

เห็นลูกสาวสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา ในมือถือตะกร้าใส่กับข้าว ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนั้น ซ่งเฮ่าเทียนก็อดรู้สึกละอายใจขึ้นมาไม่ได้ เดิมทีลูกสาวก็สามารถใช้ชีวิตอย่างนี้ได้แต่แรก แต่เพราะความดื้อรั้นของตนเอง จึงทำให้เธอต้องเป็นโสดถึงยี่สิบกว่าปี

“ค่ะ หนูกำลังจะไปซื้อกับข้าว พ่อ มาหาหนูมีเรื่องอะไรหรือ?” ซ่งเวยหลันพยักหน้า

“พ่อแก่แล้ว อยากจะมาคุยเล่นกับลูกบ้าง ถ้ายังไง…พ่อให้พวกเขาไปซื้อกับข้าวได้ไหม?”

ซ่งเฮ่าเทียนหันหน้ากลับไปมองคนคุ้มกันที่อยู่ด้านหลัง แล้วก็ต้องส่ายหน้า เกรงว่าคนพวกนี้จนโตขนาดนี้ก็ยังไม่เคยเข้าไปในตลาด?

“พี่ซ่ง ฉันไปซื้อกับข้าวให้เอง!” คุณนายโจวที่เข้ามาซักผ้าในบ้านเห็นเหตุการณ์เข้าเลยเดินมาหา รับตะกร้าในมือซ่งเวยหลันไป

“พ่อคะ พ่อมีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ไหนปกติชอบพูดว่าตัวเองยังหนุ่มไม่ใช่เหรอ?”

หลังจากคุณนายโจวจากไปแล้ว ซ่งเวยหลันก็พาพ่อมายังห้องหนังสือของเยี่ยเทียนที่เรือนด้านหลัง พูดคุยล้อเล่นกับพ่อ เธอสัมผัสได้ว่า วันนี้อารมณ์ของพ่อดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“คนเราใครเล่าจะไม่แก่? ไม่มีเรื่องอะไรจริงๆ พ่อแค่อยากมาคุยเล่นกับลูก” ซ่งเฮ่าเทียนส่ายหน้า แต่มือกลับหยิบหนังสือ “คัมภีร์หวงถิง” ของเยี่ยเทียนที่วางอยู่บนโต๊ะ

“เจ้าหนูนี่ เป็นคนพิลึกจริงๆ!”

หลังจากพลิกดูไม่กี่หน้า ใจของซ่งเฮ่าเทียนก็อดนับถือหลานชายคนนี้ของตัวเองไม่ได้ เพราะว่าเยี่ยเทียนเขียนบันทึกหมายเหตุของตนเองลงบนทุกหน้า ข้อความของเขาคมคาย จนเกรงว่าผู้เชี่ยวชาญศึกษาวัฒนธรรมลัทธิเต๋าหลายสิบปี ยังไม่อาจเข้าใจอย่างถ่องแท้เทียบเท่าเยี่ยเทียน

ได้ยินคำพูดของพ่อแล้ว ซ่งเวยหลันกลับไม่พอใจ ยิ้มพลางแย้งขึ้นว่า “ลูกชายหนูเป็นอัจฉริยะ ไม่ใช่คนพิลึก!”

“ตกลงๆ อัจฉริยะก็อัจฉริยะ!”

ซ่งเฮ่าเทียนยิ้มเจื่อน เจ้าหนูเยี่ยเทียนนั่นก่อปัญหาวุ่นวายข้างนอกตลอดเวลา ไม่ต่างจากตัวหายนะ ซ่งเฮ่าเทียนเรียกเขาว่าคนพิลึก ยังนับว่าเป็นคำชมสำหรับเจ้าหนูนั่น

ที่ซ่งเฮ่าเทียนมายังบ้านตระกูลเยี่ยครั้งนี้ เป็นเพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านลูกสาว นั่นเพราะการกระทำครั้งนี้ของเยี่ยเทียน แตะจุดเดือดของทางวังเครมลินเข้าจริงๆ จนกระทั่งตัวเขายังจำเป็นต้องมาที่นี่ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันใครมาก่อกวนลูกสาวของเขา

แต่ว่าซ่งเวยหลันไม่รู้เรื่องที่ลูกชายไปทำอะไรในต่างประเทศเลย แถมยังนึกว่าพ่อคิดถึงตัวเองจริงๆ หลังจากรอคุณนายโจวซื้อกับข้าวกลับมาแล้ว ก็ลงมือทำอาหารมื้อใหญ่ แล้วนั่งคุยเป็นเพื่อนซ่งเฮ่าเทียนทั้งวัน

……

“บอสส์ครับ ผมออกมาได้แล้ว ตอนบ่ายจะไปทางอีร์คุตสค์ ทางนั้นได้เตรียมการเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว!”

ในป่าละเมาะไม่ไกลจากค่ายฝึกมวยใต้ดิน เยี่ยเทียนกำลังโทรศัพท์หามาลาไกย์

ซ่งเวยหลันรู้ว่าลูกชายมักจะทำเรื่องที่ไม่อาจพูดออกมาได้อยู่เสมอ ดังนั้นสัญญาณโทรศัพท์ที่ใช้เครื่องนี้จึงปลอดภัยอย่างมาก ต่อให้เป็นหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย ก็ยังไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนใช้โทรศัพท์เครื่องนี้

เยี่ยเทียนพยักหน้า ตอบว่า “ดี ขอเพียงส่งตัวพวกเขากลับเข้าภายในประเทศได้ จู้เหวยเฟิงจะจัดการได้เอง เหล่าหม่า ผมจะโอนรางวัลเข้าบัญชีคุณภายหลังนะ”

“บอสส์ครับ ผมรู้ว่าต้องทำอย่างไร คุณระมัดระวังตัวเองเถอะ ทางรัสเซียเพิ่มกำลังพลไปยังไซบีเรียหลายกองพลแล้ว!”

หลังจากมาลาไกย์วางสาย ใบหน้าก็มีรอยยิ้มเจื่อน จากช่องทางของตัวเอง เขายังสามารถรู้ว่าพื้นที่นี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ว่ากันตามตรงยังไม่เห็นหนทางที่เยี่ยเทียนจะหนีรอดออกมาได้

มาลาไกย์รู้ว่าเยี่ยเทียนไม่ใช่คนธรรมดา แต่ต่อให้เก่งกาจสักแค่ไหน ก็ไม่น่าต้านทานกองทหารกว่าแสนนายได้ ยิ่งเทือกเขาไซบีเรียไม่สูงและไม่ชันเท่าไหร่นัก อีกทั้งเวลานี้ต้นไม้บนเขาล้วนเลี่ยนเตียนโล่ง เกรงว่าเยี่ยเทียนจะไม่มีแม้กระทั่งที่ซ่อนตัว

“มากันตั้งหลายกองพล บ้าเอ๊ย ให้เกียรติกันขนาดนั้นเชียว?”

เก็บโทรศัพท์เครื่องนั้นใส่กระเป๋าเป้แล้ว ใบหน้าของเยี่ยเทียนก็มีรอยยิ้มเย็น แต่มุมปากกลับกระตุกเล็กน้อย ขมวดคิ้วเหลือบมองไปยังป่าด้านซ้าย แล้วนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น

ตั้งแต่เข้ามาในรัสเซีย เยี่ยเทียนยังไม่ได้หลับได้นอนถึงสองวันสองคืน อีกทั้งในช่วงเวลาสองวันนี้ เยี่ยเทียนยังกวาดล้างมาเฟียรัสเซีย จากนั้นยังเร่งรุดมาทำการสังหารหมู่ที่ไซบีเรียอีก ไม่ได้หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว

ถึงแม้เยี่ยเทียนจะเข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่อาจใช้กายเนื้อเข้าต้านทานลูกกระสุนได้ ดังนั้นเขาจึงทุ่มเทกำลังทั้งหมดในการสังหารทุกครั้ง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ร่างกายของเยี่ยเทียนไม่เพียงใช้ปราณแท้จนร่อยหรอแทบหมดสิ้น กระทั่งจิตดั้งเดิมยังอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง เนื่องจากเขาเพิ่งจะเข้าสู่ระดับเซียนเทียนได้ไม่นาน จึงยังสั่งสมปราณแท้ได้ไม่สมบูรณ์นัก

หากว่าจุดหยินหยางตันเถียนพิเศษของเยี่ยเทียน ไม่ผลิตปราณแท้ได้เหนือกว่าคนทั่วไปที่ฝึกในระดับเซียนเทียน เกรงว่าร่างกายคงจะรับไม่ไหวไปนานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เวลานี้เยี่ยเทียนก็มีใบหน้าอิดโรย จนอยากจะล้มตัวลงนอนหลับไปสักสามวันสามคืน

“หือ? มีสุนัขทหารด้วย? เป็นเรื่องล่ะ!”

ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังคิดฟื้นฟูกำลังภายในอยู่นั้นเอง หูพลันได้ยินเสียงของสุนัขดังมา จึงรีบลุกขึ้นยืน เขารู้ว่าตนเองเจอปัญหาใหญ่แล้ว ตอนจากมาลืมกลบกลิ่นตนเอง จึงถูกสุนัขสะกดรอยตามมาได้

พอเปิดเผยร่างออกมาแล้ว เยี่ยเทียนก็พุ่งตัวสลับไปมาในป่าอย่างรวดเร็ว อาศัยญาณอันแข็งแกร่งหลบหลีกกองกำลังค้นหา เข้าไปยังภูเขาลึกด้านหลังค่ายฝึก ขอเพียงได้พักผ่อนสักหนึ่งวัน เยี่ยเทียนก็มีพลังพอจะสามารถหลบหนีออกจากรัสเซียได้

“บัดซบเอ๊ย เฮลิคอปเตอร์เหรอ?!”

ขณะที่ร่างของเยี่ยเทียนปรากฎตรงทางเข้าขึ้นเขา เหนือศรีษะเขาก็มีเสียงกระหึ่มของเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้น เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป ก็พบกับเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธของรัสเซียบินวนอยู่เหนือหัว เยี่ยเทียนถึงขนาดรู้สึกถึงลมจากใบพัดที่โหมเข้ามาปะทะใบหน้า

“รายงาน เฮลิคอปเตอร์หมายเลขเจ็ดพบเป้าหมาย เขตแดนหมายเลขสามพบเป้าหมายต้องสงสัย!”

เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นที่อยู่เหนือหัวเยี่ยเทียนมีคนนั่งสามคน นอกจากคนขับแล้ว ยังมีสายตรวจและพลแม่นปืน ในระยะความสูงยี่สิบถึงสามสิบเมตร เยี่ยเทียนจึงหลบสายตาของสายตรวจได้อย่างยากลำบาก

“จับตาทิศทางมุ่งหน้าของเขา ให้กองกำลังภาคพื้นดินมุ่งไปทันที!”

เสียงกระตือรือร้นของผู้การกินเนสส์ดังมาจากในวิทยุสื่อสาร

“ใช้ปืนบังคับให้เขาอยู่ในเขตภูเขา แต่อย่าให้ถึงตายเด็ดขาด ขณะเดียวกันก็ระวังตัวด้วย อย่าเข้าใกล้เขาเกินไป!”

แม้ว่าจะกำหนดบริเวณคร่าวๆ ของเยี่ยเทียนได้แล้ว แต่ผู้การกินเนสส์ยังคงสงสัยว่านี่เป็นการกระทำซึ่งมีการวางแผนเตรียมไว้ล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นอาศัยคนเพียงคนเดียว คงยากที่จะกวาดล้างมาเฟียมอสโควและทำการสังหารหมู่ในไซบีเรียได้

“หมายเลขเจ็ดทราบแล้วเปลี่ยน หมายเลขเจ็ดทราบแล้วเปลี่ยน!”

พลขับส่งเสียงตอบรับ หันหน้าไปพูดว่า “ถึงตานายแล้วมิคาอิล เบื้องบนสั่งการมาว่า อย่ายิงเขาให้ถึงตาย แต่สามารถยิงขาทั้งสองข้างของเขาได้ คนผู้นั้นวิ่งได้รวดเร็วมาก อย่างกับลิงไม่มีผิด!”

พลขับไม่ค่อยเห็นด้วยกับคำพูดของผู้การกินเนสส์เท่าไหร่นัก ในสายตาของเขา คนที่อยู่บนพื้นนั่นไม่ต่างจากหมูขึ้นเขียง นับตั้งแต่ต้นศตวรรษก่อนที่มีการคิดค้นเครื่องบิน การรบทางอากาศก็มีอภิสิทธิ์เหนือกว่ามาตลอด ผู้ครอบครองผืนฟ้าจึงได้ครอบครองแผ่นดิน

“ยาคอฟ แกคงไม่กลัวบินชนต้นไม้หรอกใช่ไหม? ขับต่ำลงไปอีกหน่อย ขืนฉันยิงตอนนี้ ได้ทำเขาตัวขาดสองท่อนแน่!”

พอได้ยินคำพูดของพลขับแล้ว มิคาอิลก็เลียริมฝีปาก นำแผงกระสุนสีเหลืองส้มใส่เข้าไปในปืนกล นิ้วมือกดลงแผ่วเบา เกิดเป็นเสียงดังตามมา “ปังๆๆ” ฝุ่นดินด้านหลังเยี่ยเทียนพลันฟุ้งตลบอบอวลขึ้นมา

“มิคาอิล เบื้องบนมีคำสั่ง ว่าห้ามยิงเขาตาย!”

ยาคอฟบ่นพึมพำออกมาอย่างไม่พอใจ แล้วลดความสูงของเฮลิคอปเตอร์ต่ำลงอีก จนแทบจะแตะถูกยอดพุ่มไม้บนพื้นดิน ดีว่าช่วงนี้ต้นไม้ยังไม่งอกงาม จึงไม่ส่งผลต่อวิสัยทัศน์ของเขา

“เฮ้ย ไอ้หมอนั่นมันทำอะไรน่ะ มันเป็นลิงจริงๆ หรือไง?”

ขณะที่มิคาอิลขยับปลายกระบอกปืน เตรียมเล็งไปที่ขาของเยี่ยเทียนอยู่นั้น ทันใดนั้นเขาก็พบว่า คนที่กำลังวิ่งอยู่ จู่ๆ ก็ระเห็จขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ยืนอยู่บนยอดไม้ได้อย่างสบายๆ

ความสูงระดับนี้ เทียบเคียงได้ พอๆ กับเฮลิคอปเตอร์ นายทหารสามคนที่อยู่ข้างบน จึงสามารถเห็นใบหน้าของชาวตะวันตกได้อย่างชัดเจน