ตอนที่ 761 งงงัน

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 761 งงงัน
“พระเจ้า หรือว่ามันเป็นลิงแปลงกายมาจริงๆ?”

เห็นเยี่ยเทียนปีนขึ้นต้นไม้อย่างคล่องแคล่วแบบนั้น ทั้งสามคนซึ่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์สูงจากพื้นดินเพียงยี่สิบเมตรถึงกับตกตะลึงตาค้าง

เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที เยี่ยเทียนที่เมื่อครู่ยังอยู่ใต้ต้นไม้ กลับปีนขึ้นไปยังด้านบนต้นไม้ใหญ่สูงกว่ายี่สิบเมตรได้ มิคาอิลถึงกับลืมเล็งปากกระบอกปืนไปทางเยี่ยเทียน

“มิคาอิล เร็วเข้า สอยมันให้ร่วง!”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จู่ๆ พลขับเฮลิคอปเตอร์ยาคอฟก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมา ตอนปฏิบัติการครั้งที่แล้วเขาเกือบชนต้นไม้ เคยมีลางสังหรณ์ไม่ดีแบบนี้ จึงเผลอตะคอกใส่คู่หู

“ยาคอฟ เบื้องบนสั่งการให้จับเป็นมันไม่ใช่เรอะ?” มิคาอิลยังไม่รู้สึกถึงอันตรายที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็หันปากกระบอกปืนเล็งไปทางคนที่อยู่บนต้นไม้โดยสัญชาตญาณ

“เลิกพูดเหลวไหลสักที ยิงมันเร็วเข้า!” ยาคอฟไม่มีเวลาอธิบาย เพราะคนที่สายตาไวอย่างเขา เห็นคนที่ยืนอยู่บนยอดต้นไม้ ถืออะไรบางอย่างอยู่ในมือ

“วางใจเถอะ ฉันจะทำให้มันรู้ว่าต่อให้เก่งแค่ไหน มันก็ยังเป็นแค่ลิง!”

ใบหน้าของมิคาอิลมีรอยยิ้มเหี้ยมโหด นิ้วมือขวาวางลงบนไกปืน ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะลั่นไก กิ่งไม้ขนาดเท่าลำแขนก็ถูกขว้างมาจากมือเยี่ยเทียน เสียง “ตึง” ดังขึ้น กระจกด้านหน้าของเฮลิคอปเตอร์ก็ถูกกระแทกแตกออก

หลังจากกระแทกกระจกเฮลิคอปเตอร์จนแตกแล้ว กิ่งไม้ท่อนนั้นยังไม่หยุดการเคลื่อนไหว แต่พุ่งใส่หน้าอกของยาคอฟราวกับลูกธนู ทะลุผ่านร่างกายของเขาให้ตรึงติดอยู่กับที่นั่ง

“ปังๆ…ปังๆๆ!”

ขณะที่กิ่งไม้กระแทกกระจกเฮลิคอปเตอร์แตก มิคาอิลเองก็ลั่นไกปืนกลหนัก ทว่าการตายอย่างกะทันหันของยาคอฟ ทำให้เฮลิคอปเตอร์หมุนคว้างในอากาศ แนวกระสุนจึงไม่รู้ว่ายิงออกไปทางไหน

เดิมทีระดับการบินของเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ต่ำมากจนแทบแตะยอดต้นไม้ ตอนนี้ยาคอฟเสียชีวิตลง เฮลิคอปเตอร์จึงร่วงลงสู่พื้นทันที ใบพัดกระทบถูกต้นไม้จนแตกหัก พุ่งชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่สูงกว่ายี่สิบเมตรต้นหนึ่ง

“บรึม!” เสียงระเบิดดังกึกก้อง พร้อมกับลูกไฟลุกโชนตรงทางขึ้นเขา เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นกลายเป็นลูกเพลิง น้ำมันที่รั่วออกมาจุดชนวนให้ทั้งป่าเกิดไฟลุกท่วมครั้งใหญ่ เหล่าทหารราบจากทุกทิศทุกทางที่กำลังเร่งรุดมาที่จุดนี้ ล้วนหยุดฝีเท้าลงด้วยสีหน้าตะลึงงัน

……

“มิน่าล่ะนักพรตพวกนั้นถึงได้หลบหนีไปอยู่ในภูเขาลึก ที่แท้นอกจากโลกภายนอกจะขาดแคลนพลังปราณแล้ว พลังทำลายล้างของอาวุธสงครามปัจจุบันยังไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกวิชาสามารถต้านทาน นับว่าเราประมาทไปจริงๆ!”

ภายในถ้ำเล็กซึ่งอยู่ห่างจากค่ายฝึกไปสี่สิบกิโลเมตรกว่า เยี่ยเทียนที่มีใบหน้าดำมะเมื่อม เสื้อผ้าขาดวิ่น ต้นแขนซ้ายเปรอะไปด้วยแผลเหวอะ ฉีกออกเป็นสองฝั่งราวกับปากปลา

ขนาดกระสุนปืนกลยังสำแดงพลังรุนแรงขนาดนี้ ถ้าหากเปลี่ยนเป็นปืนยิงจรวดที่มีกำลังทำลายล้างสูงขึ้น หรือจรวดนำวิถีล่ะก็ อย่าว่าแต่ฝึกฝนถึงระดับเซียนเทียนเลย เกรงว่าต่อให้เป็นเทพเซียนบรรลุจินตัน ก็ยังต้องยอมล่าถอย

แน่นอนว่า เยี่ยเทียนเพียงแต่คาดเดาเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่รู้ว่าหลังจากเข้าสู่ระดับจินตันแล้ว ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปในสภาพไหน แต่ตราบใดที่ยังคงมีเลือดเนื้อ ก็คงไม่กล้าถูกโจมตีด้วยอาวุธหนักอย่างแน่นอน

ยื่นมือไปหยิบขวดดินเผาใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้ แล้วเยี่ยเทียนก็กินยาเม็ดที่โก่วซินเจียปรุงให้สามเม็ดในครั้งเดียว ใช้พลังทั้งหมดที่หลงเหลืออยู่ในร่าง สั่นสะเทือนหินที่ปากทางเข้าถ้ำให้หล่นลงมา เพื่อกลบทางเข้าถ้ำซึ่งเดิมทีก็ไม่ใหญ่นักจนมิด

หลังจากทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ เยี่ยเทียนก็สูดหายใจเข้าลึก นำลมหายใจเข้าสู่ปราณภายในร่าง นั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำ

เวลานี้สภาพของเขาย่ำแย่อย่างหนัก ไม่เพียงแต่ปราณแท้ร่อยหรอจนเกือบหมด สติสัมปชัญญะเองก็ยิ่งอ่อนล้าสิ้นแรง กระทั่งปลดปล่อยจิตดั้งเดิมเพื่อตรวจตราสถานการณ์รอบด้านยังทำไม่ได้ ศึกหนักติดต่อกันหลายวันมานี้ ทำให้เขาแทบจะเป็นตะเกียงที่ไร้ซึ่งน้ำมัน

เยี่ยเทียนนั่งทำสมาธิขั้นล้ำลึกอยู่ภายในถ้ำ เนื้อตัวราวกับต้นไม้ยืนต้นตาย ไม่มีสัญญาณชีวิตใดๆ แต่ว่าพลังปราณอันอุดมสมบูรณ์ภายในภูเขา กลับไหลรวมเข้ามายังถ้ำนี้ โดยเล็ดลอดเข้ามาทางรอยแยกของเศษกรวดหิน แล้วค่อยๆ รินไหลเข้าสู่ผิวหนังเยี่ยเทียนทีละน้อย

จุดหยินหยางตันเถียนสองจุดภายในร่างกายของเยี่ยเทียนเองก็เริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว ปราณแท้ละเอียดค่อยๆ ชุ่มชื้นขึ้นทีละน้อยราวกับฝนในฤดูใบไม้ผลิหลังหน้าแล้ง หล่อเลี้ยงร่างกายของเยี่ยเทียนซึ่งแทบจะเหือดแห้งให้ชุ่มฉ่ำ

หลังจากปราณแท้ค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นมาทีละน้อย บาดแผลที่ต้นแขนซ้ายของเยี่ยเทียนก็สมานเข้าหากันอย่างรวดเร็วถึงขั้นเห็นได้ด้วยตาเปล่า

หากฝึกฝนถึงขั้นระดับเยี่ยเทียน จะไม่เพียงแต่เป็นการพัฒนาสมองฝึกฝนกำลังจิต แต่ทุกเซลล์ภายในร่างกายล้วนวิวัฒนาการเข้าสู่ความสมบูรณ์แบบ ถึงแม้พวกมันจะได้รับบาดเจ็บ แต่พลังในการฟื้นฟูก็ยังว่องไวกว่าคนทั่วไปหลายสิบหรือหลายร้อยเท่า

เยี่ยเทียนในเวลานี้ จิตท่องไปนอกโลก ใจไร้ความยินดียินร้าย ไร้โทสะไร้โกรธา รวมพลังที่จุดหนึ่ง เหลือเพียงปราณแท้หลั่งไหลอยู่ในร่างกาย ไร้ซึ่งสัญลักษณ์แห่งชีวิตแม้เพียงเศษเสี้ยว

เสียงเห่าของสุนัขดังขึ้นจากนอกถ้ำที่เยี่ยเทียนซ่อนตัวอยู่ แต่ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสุนัข ก็ไม่สนใจจุดที่ถูกเศษหินกลบทับ ในสายตาของพวกเขา รอยแยกตรงนั้นมีเพียงแต่หนูที่สามารถมุดผ่าน ไม่มีทางที่มนุษย์จะหลบซ่อนตัวได้อย่างแน่นอน

แต่พวกเขาทุกคนไม่รู้ว่า ฝ่ายตรงข้ามที่ตนเองกำลังตามล่าอยู่ อยู่ห่างจากพวกเขาไปแค่คืบเท่านั้น

เวลาผ่านไป เพียงพริบตาเดียววันหนึ่งก็ผ่านไป การไล่ล่าของกองทัพมหาศาลนับแสน กลับไม่เจอผลลัพธ์ใดๆ คนที่จู่ๆ ก็ปรากฎตัว ราวกับสลายตัวไปจากโลกใบนี้ โดยปราศจากหนทางเสาะหาร่องรอย

ห่างจากค่ายฝึกมวยใต้ดินไปสามกิโลเมตร มีกองบัญชาการชั่วคราวของผู้การกินเนสส์ตั้งอยู่ แม้ว่าสภาพแวดล้อมของที่นี่จะย่ำแย่กว่าค่ายฝึกมาก แต่พวกผู้การกินเนสส์ก็ไม่อยากไปอยู่ที่นั่น เพียงแค่เห็นภาพจากรูปถ่ายเพียงอย่างเดียว ก็พอจะทำให้พวกเขาไม่อยากอาหารไปอีกหลายวัน

ที่ปรึกษาคนหนึ่งก้าวเข้ามาภายในกองบัญชาการอย่างรวดเร็ว กล่าวว่า “ผู้การครับ พบกล่องดำแล้ว ภายในมีภาพที่บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้นเอาไว้!”

“เร็วเข้า เอาออกมาดู!”

ผู้การกินเนสส์ได้ยินก็ตื่นตัวขึ้นมา ปฎิบัติการจากกองบัญชาการของเขาไม่มีความคืบหน้าใดๆ แถมยังสูญเสียเฮลิคอปเตอร์ไปอีกหนึ่งลำ ตอนที่ทางวังเครมลินโทรศัพท์มา ยังแสดงออกถึงความไม่พอใจผ่านทางสายโทรศัพท์

“คน…คนผู้นี้ทำได้ยังไงกัน?”

เมื่อได้เห็นภาพจากมุมส่วนหัวเครื่องทั้งสองด้านที่ถ่ายออกมาแล้ว เหล่านายพลทั้งหลายที่อยู่ภายในกองบัญชาการต่างตกตะลึงตาค้าง กิ่งไม้แห้งที่ถูกขว้างออกมานั่น เสียบเข้าไปภายในตัวนักบินราวกับลูกธนู จนทุกคนต่างรู้สึกหวาดเสียวอยู่ภายใน

“ชาวตะวันตกเหรอ?”

ผู้การกินเนสส์กลับพุ่งความสนใจไปยังใบหน้าของชายคนนั้น กล้องถ่ายภาพทางอากาศถ่ายภาพได้ชัดเจนอย่างที่สุด ฉายภาพใบหน้าสันจมูกโด่งตาสีฟ้าลงบนจออย่างชัดเจน แต่กลับไม่ใช่ใบหน้าที่ปรากฎในการสังหารหมู่ที่มอสโควครั้งนั้น

ความจริงเยี่ยเทียนก็อยากจะเปลี่ยนใบหน้ากลับไปเป็นรูดอล์ฟอีกครั้ง เพียงแต่ตอนนั้นปราณแท้ภายในร่างกายของเขาถูกใช้จนแทบจะหมดสิ้นแล้ว จึงไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้าอย่างประณีตนัก สามารถเปลี่ยนไปเป็นสภาพนี้ได้ก็กินแรงมากพอดู

หลังจากจ้องบนหน้าจอเป็นเวลาสิบนาทีกว่าๆ ผู้การกินเนสส์ก็พูดขึ้น “แสกนภาพคนผู้นี้ออกมา แล้วส่งไปทางสำนักงานใหญ่ทันที เปรียบเทียบกับข้อมูลของคนทั้งโลก จะต้องสืบค้นสถานภาพของคนผู้นี้ออกมาให้ได้!”

รูปลักษณ์ของคนแปลกหน้าคนนี้ ทำให้ผู้การกินเนสส์ต้องพลิกข้อสันนิษฐานก่อนหน้าของตนเอง หากไม่ใช่คนตาบอด ใครๆ ต่างก็สามารถดูออกได้ว่า คนที่อยู่ในภาพถ่ายนี้ ต้องไม่ใช่ชาวจีนอย่างแน่นอน และนั่นยิ่งทำให้เรื่องราวทุกอย่างกลับกลายเป็นวกวนขึ้นไปอีก

“ผู้การครับ รึว่านี่จะเป็น ยุโรปหรืออเมริกา เจตนาตอบโต้การกระทำของพวกเรา?”

นายทหารส่วนใหญ่ภายในกระโจมล้วนเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูง และต่างเคยผ่านช่วงเวลาสงครามเย็นระหว่างโซเวียตกับอเมริกา พวกเขาคิดถึงจุดนี้ขึ้นมาพร้อมกันโดยบังเอิญ ถึงแม้โซเวียตในอดีตจะสูญสิ้นไปแล้ว แต่ความคิดที่สืบทอดต่อกันมากลับไม่ถูกปรับเปลี่ยนง่ายดายเช่นนั้น

“ผมจะไปรายงานท่านประธานาธิบดีเดี๋ยวนี้ พวกคุณเร่งผลักดันหน่วยทหาร ให้พลิกแผ่นดินทุกตารางนิ้ว ผมไม่เชื่อ หรอกว่าเขาจะหายตัวไปได้!”

ถ้าหากนายพลลอฟสกี้ตายด้วยน้ำมือของชาวตะวันตกจริง แสดงว่าเบื้องหลังจะต้องแอบซ่อนแผนการยิ่งใหญ่ไว้อย่างแน่นอน ไม่แน่อาจเป็นการเริ่มต้นแห่งสงครามโลกครั้งที่สามก็เป็นได้

ยิ่งคิดวิเคราะห์แล้วผู้การกินเนสส์ก็ยิ่งหวาดกลัว หุนหันออกจากกองบัญชาการ เพื่อไปรายงานสถานการณ์ต่อประธานาธิบดี เหตุเพราะในนาทีนี้จะหาตัวคนร้ายพบหรือไม่ ล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดอีกต่อไป

“เขาเป็นใคร ใครเป็นคนพามา?”

ใช้เวลากว่ายี่สิบนาที ผู้การกินเนสส์จึงรายงานข้อสันนิษฐานและบทวิเคราะห์ของตนเองให้ประธานาธิบดีฟังได้โดยละเอียด ตอนที่เขากลับเข้ามาในกองบัญชาการอีกครั้ง ก็พบว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในกระโจมขนาดมหึมาเพิ่มอีกหนึ่งคน

ร่างนั้นเล็กเตี้ย ใบหน้าเต็มไปด้วยตำหนิ ซีดขาวไร้สีเลือด สวมใส่ชุดทักซิโด ยืนอยู่ภายในกองบัญชาการที่เต็มไปด้วยเครื่องแบบทหาร ดูแปลกแยกอย่างเห็นได้ชัด

“ผู้การครับ เมื่อครู่ที่ท่านคุยโทรศัพท์อยู่ ผมจะแนะนำให้รู้จัก…”

นายพลวิคเตอร์ลุกขึ้นยืน กล่าวว่า “เขาชื่อว่าเคิร์ท เป็นท่านนายพลเซอร์เกเยฟส่งมา สามารถช่วยเหลือพวกเราค้นหาคนร้ายผู้ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น!”

“ชาวอังกฤษหรือ?” ผู้การกินเนสส์ได้ยินแล้วจึงขมวดคิ้วเข้าหากัน ปีนี้เขาอายุสี่สิบสามปี นับเป็นช่วงเวลาถึงยี่สิบสามปี ที่ทำสงครามชิงไหวชิงพริบกับอเมริกาและอังกฤษ จึงคุ้นเคยกับสถานการณ์เป็นอย่างดี แต่ไม่เคยได้ยินชื่อเคิร์ทมาก่อนเลย

“นายพลวิคเตอร์ เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของพวกเรา ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามายุ่งเกี่ยว!”

ผู้การกินเนสส์จ้องมองเขม็งมาทางนายพลวิคเตอร์ ข่าวการตายของนายพลลอฟสกี้ยังไม่เผยแพร่ออกไป แล้วจะอนุญาตให้ประเทศอื่นมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน

วิคเตอร์ส่ายหน้า ตอบว่า “นี่เป็นคำสั่งของท่านนายพลเซอร์เกเยฟ ผมรู้ว่าแค่ต้องทำตามเท่านั้น”

ในฐานะจอมทัพหนึ่งเดียวของสหพันธรัฐรัสเซีย เซอร์เกเยฟจึงมียศสูงลิ่วในกองทัพ เมื่อมีเขาเป็นเกราะกำบัง นายพลวิคเตอร์จึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าผู้การกินเนสส์