ตอนที่ 2,189 : ต้วนหลิงเทียนถูกสงสัย…
“ขอให้ท่านจ้าวลัทธิออกหน้าคืนความเป็นธรรมให้หอคุมกฏของข้าด้วย!”
เหลิ่งอิงมองไปยังเคหาสน์บนเกาะสูงกลางฟ้า พร้อมกล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ
ฟังจากน้ำเสียงของมันแล้วเห็นชัดว่าเจือโทสะทั้งความคับแค้นไม่น้อย
แต่แน่นอนว่าเป้าโทสะความแค้นดังกล่าวไม่ใช่จ้าวลัทธิบูชาไฟ แต่เป็นต้วนหลิงเทียนที่กล้าสังหารต่งหยวนจิ้นรองจ้าวหอคุมกฏต่อหน้าต่อตามัน!!
เมื่อเหลิ่งอิงกล่าวจบคำ มันก็พลันสังเกตเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเหินร่างมาถึงพอดี จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองด้วยสายตารังเกียจ กล่าวเย้ยเยาะออกมา “หึ!ต้วนหลิงเทียน! มิใช่ว่าเมื่อครู่เจ้าท้าให้ข้ามาฟ้องท่านจ้าวเองหรือไร! อันใดเล่าตอนนี้เจ้ากลัวแล้วรึ?”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเหินร่างตามขึ้นมาแบบนี้ เหลิ่งอิงคิดว่าไม่พ้นต้วนหลิงเทียนต้องเป็นกังวลกลัวว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟจะเอาเรื่องแน่นอน
“จ้าวหอเหลิ่งอย่าได้ฟุ้งซ่านมากไป…”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเหลิ่งอิงด้วยสายตาเฉยเมยกกล่าวออกเสียงค่อย “ข้ามาหาจ้าวลัทธิเพราะเรื่องอื่น”
แทบจะทันทีที่ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน สีหน้าเหลิ่งอิงก็มืดคล้ำลงทันใด
วูบบ!
แว่วเสียงสายลมหนึ่งดังขึ้นแผ่วเบา ต่อมากลางอากาศว่างเปล่าพลันปรากฏร่างถังซวนขึ้นต่อหน้าต่อตาเหลิ่งอิงและต้วนหลิงเทียน ราวกับเจ้าของร่างไม่ใช่ผู้คนแต่เป็นภูตผี!
“คารวะท่านจ้าวลัทธิ”
เมื่อเห็นถังซวนปรากฏตัว เหลิ่งอิงก็ป้องมือประสานคารวะทักทายด้วยเคารพ
“จ้าวลัทธิ”
พอมองทางต้วนหลิงเทียน ก็แค่เพียงพยักหน้าทักทายด้วยรอยยิ้มเท่านั้น แลดูเป็นกันเองนัก!
เทียบกันแล้วในสายตาของถังซวน เรียกว่าเหลิ่งอิงเคารพนอบน้อม ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้นต้องเรียกว่าสบายๆไม่ถือพิธีการ
ตอนแรกพอเห็นต้วนหลิงเทียนวางตัวเป็นกันเองกับถังซวน เหลิ่งอิงก็ลอบยิ้มกริ่ม! ด้วยคิดว่าต้วนหลิงเทียนกล้าทำตัวเหลวไหลไม่เคารพแบบนี้ต่อหน้าถังซวน เดี๋ยวได้โดนดีเป็นแน่…!!
แต่ทว่าพอมันเห็นถังซวนพยักหน้าตอบกลับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มอย่างไม่มีทีท่าว่าจะถือสาอะไร รอยยิ้มกริ่มของมันก็จำต้องค้างเติ่ง ความย่ามใจบนใบหน้าพลันสาบสูญกลายเป็นความงุนงงไม่เข้าใจทันที
เท่าที่มันรู้…
จ้าวลัทธิบูชาไฟของพวกมัน ไม่ใช่คนพูดง่ายไม่ใช่หรือไร?
(คนพูดง่าย = คนง่ายๆอะไรก็ได้,ไม่ค่อยถือพิธีรีตรอง)
หรือว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟของมัน หลังทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว นิสัยใจคอกลับบังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปไม่ยึดติด?
“จ้าวหอเหลิ่ง ขอแสดงความยินดีด้วยที่ท่านทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้อย่างราบรื่น”
หลังพยักหน้าให้ต้วนหลิงเทียนอย่างเป็นมิตรแล้ว ถังซวนก็หันมามองกล่าวับเหลิ่งอิงด้วยรอยยิ้มยินดี “ตามกฏของลัทธิบูชาไฟเราที่มีมาแต่โบราณ ผู้ใดก็ตามในลัทธิบูชาไฟที่สามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้ จักกลายเป็นผู้พิทักษ์ทันที…”
“เช่นนั้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ท่านจ้าวหอคุมกฏ เหลิ่งอิง มิเพียงมีตำแหน่งจ้าวหอคุมกฏเท่านั้น แต่ท่านยังควบตำแหน่งผู้พิทักษ์คนที่ 5 ของลัทธิบูชาไฟเราอีกด้วย!”
ถังซวนกล่าวแต่งตั้งออกมาอย่างเป็นทางการ
แม้จะรู้อยู่แล้วแต่เหลิ่งอิงย่อมรู้สึกตื่นเต้นยินดีไม่น้อย เมื่อได้ยินคำแต่งตั้งของถังซวนกับหู
เพราะสุดท้ายแล้ว ที่มันพยายามอย่างหนักจนถึงทุกวันนี้ ก็เพื่อที่จะได้เป็นผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ!
ฐานะผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟนั้น เสมือนอยู่ใต้หนึ่งแต่อยู่เหนือนับหมื่น!
นี่เป็นเป้าหมาย ที่เหลิ่งอิงมุ่งมั่นแสวงหามาโดยตลอด!
ด้วยเหตุนี้ทันทีที่มันได้ยินวาจาแต่งตั้งจากถังซวนว่ามันได้กลายเป็นผู้พิทักษ์แล้ว เหลิ่งอิงจึงรู้สึกเสมือนประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต!
อย่างไรก็ตาม พอมันนึกถึงวาจาแต่งตั้งของถังซวนอีกครั้ง เหลิ่งอิงก็กลายเป็นตกตะลึงไปทันที
“ช้าก่อน…ผู้พิทักษ์คนที่ 5 หรือท่านจ้าวลัทธิ?”
เหลิ่งอิงมองถามถังซวนด้วยสีหน้าสับสนงุนงง
เท่าที่มันรู้ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าลัทธิบูชาไฟมีผู้พิทักษ์แค่ 3คนหรือไง?
ในเมื่อพลังฝึกปรือของมันทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนได้สำเร็จ แน่นอนว่ามันก็ต้องได้เป็นผู้พิทักษ์สมใจหมาย
ทว่ามันเป็นผู้พิทักษ์ได้จริง แต่ไม่ใช่ว่ามันสมควรเป็นผู้พิทักษ์คนที่ 4 หรือไร? แล้วไฉนมันถึงกลายเป็นผู้พิทักษ์คนที่ 5 ของลัทธิบูชาไฟได้?
เมื่อเห็นอาการประหลาดใจทั้งตกตะลึงของเหลิ่งอิง คล้ายถังซวนจะล่วงรู้ว่าเพราะอะไร จึงหันไปมองทางต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวแนะให้เหลิ่งอิงรู้เรื่องทันที
“ก่อนหน้าท่าน ลัทธิบูชาไฟของพวกเราได้คลอดผู้พิทักษ์คนที่ 4 ออกมาแล้ว…เป็นผู้พิทักษ์หลิงเทียน!”
“ข้ายังวางแผนว่าจะประกาศเรื่องราวให้ทั้งลัทธิบูชาไฟเราได้รู้กันในอีก 3 วันหลังจากนี้ ว่าลัทธิบูชาไฟของพวกเรามีผู้พิทักษ์คนที่ 4 แล้ว…แต่ดูเหมือนหลังจากนี้อีก 3 วัน ไม่เพียงแต่ลัทธิบูชาไฟเราจะมีผู้พิทักษ์คนที่ 4 แต่ยังมีผู้พิทักษ์คนที่ 5 อันควบตำแหน่งจ้าวหอคุมกฏอีกด้วย!”
“และเรื่องนี้ไม่เพียงแต่คนในลัทธิบูชาไฟเราจะได้รู้เท่านั้น เรื่องราวยังต้องป่าวประกาศให้ทั้งภูมิภาคตะวันตกรับทราบ…ว่าลัทธิบูชาไฟของพวกเราปรากฏผู้พิทักษ์อันเข้มแข็งขึ้นอีก 2 คนพร้อมๆกัน!!”
ยิ่งกล่าวมากเท่าไหร่มุมปากของถังซวนยิ่งฉีกยิ้มกว้างขึ้นเท่านั้น เห็นชัดว่าตอนนี้มันอารมณ์ดีนัก!
“ผะ…ผู้พิทักษ์หลิงเทียน?!”
ได้ยินวาจาของถังซวน ลูกตาเหลิ่งอิงพลัดหดเล็กลงทันใด มันยังหันไปมองต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รู้ตัว แววตาฉายออกชัดถึงความประหลาดใจทั้งเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตาม มันเข้าใจเรื่องราวได้ไม่ยาก พอนึกขึ้นได้ว่าความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนยังสูงล้ำกว่ามันเสียอีก เช่นนั้นอีกฝ่ายก็สามารถเป็นผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟได้เช่นกัน
เหตุผลที่มันยังอื้ออึงและไม่ทันคิดเรื่องนี้ เพราะแต่ต้นจนจบมันยังมองว่าต้วนหลิงเทียนเป็นแค่ศิษย์ที่แท้จริงเท่านั้น
ถึงแม้ว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจะก้าวข้ามมันไปแล้ว แต่มันก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งจะยกระดับฐานะข้ามขั้นไปเป็นผู้พิทักษ์ได้ทันทีแบบนี้…
“ถูกแล้ว”
ถังซวนพยักหน้าเบาๆ ค่อยกล่าวออกมาว่า “จ้าวหอเหลิ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นที่เขตหวงห้ามของหอคุมกฏเมื่อครู่ ข้ารับทราบผ่านสำนึกเทวะหมดสิ้นแล้ว…สิ่งที่ผู้พิทักษ์หลิงเทียนกระทำนั้นกล่าวได้ว่าเป็นการสะสางความแค้นในอดีตจึงไม่นับเป็นความผิดอะไร เพราะอย่างไรก็เป็นพ่อลูกสกุลต่งที่คิดเอาชีวิตผู้พิทักษ์หลิงเทียนก่อน…”
“เช่นนั้นให้เรื่องราวมันจบลงแต่เพียงเท่านี้…จ้าวหอเหลิ่งเห็นว่าเป็นเช่นไรบ้าง”
ถังซวนมองถามเหลิ่งอิง
ทว่าได้ยินคำนี้ของถังซวน ด้านต้วนหลิงเทียนลอบสะท้านในใจทันใด
รับรู้ได้? เช่นนั้นไม่ใช่ว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟแผ่สำนึกเทวะครอบคลุมไปทั่วอาณาเขตของลัทธิบูชาไฟตลอดเวลารึไง?!
“ในเมื่อท่านจ้าวลัทธิกล่าวเช่นนี้ ข้าเหลิ่งอิงเคารพมิสู้เชื่อฟัง!”
เมื่อได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนก็มีฐานะเป็นผู้พิทักษ์คนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟ เหลิ่งอิงก็รู้ดีว่าคิดเอาผิดต้วนหลิงเทียนเรื่องบุกมาฆ่าคนในเขตหวงห้ามต่อไปคงไร้ประโยชน์…เพราะในฐานะผู้พิทักษ์แล้ว ต้วนหลิงเทียน มีอภิสิทธ์มากมาย!
อย่าว่าแต่ต้วนหลิงเทียนมีความแค้นกับพ่อลูกสกุลต่งมาก่อนแบบนี้เลย…
ต่อให้ต้วนหลิงเทียนกับพ่อลูกสกุลต่งจะไม่เคยมีเรื่องราวบาดหมางและความแค้นส่วนตัวกันมาก่อน อาศัยฐานะ ผู้พิทักษ์ ของต้วนหลิงเทียน คิดฆ่าพ่อลูกสกุลต่งทิ้งเพราะขวางหูขวางตาก็ไม่มีใครกล้าหืออือ…
สำหรับลัทธิบูชาไฟแล้ว…
ความสำคัญของ ผู้พิทักษ์ นั้น ไม่ใช่อะไรที่พ่อลูกสกุลต่งจะเทียบได้เลย!
คนอย่างพ่อลูกสกุลต่งให้มีสักสิบคู่ ก็ไม่นับว่ามีราคาค่างวดอันใด…
ทว่าสำหรับตัวตนชนชั้นผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟนั้น หากขาดไปเสียคน ย่อมเสมือนลัทธิบูชาไฟถูกเลาะกระดูกสันหลังออกไป!
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน ท่านกับจ้าวหอเหลิ่งก็ล้วนเป็นดั่ง เสาหลัก ของลัทธิบูชาไฟ…เช่นนั้นเรื่องราวในวันนี้ให้ข้าตัดสินเถอะ เอาเป็นว่าท่านกับผู้พิทักษ์เหลิ่งให้เลิกแล้วต่อกันเพียงเท่านี้…ท่านคิดว่าอย่างไร?”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่ถังซวนหันมามองจ้องต้วนหลิงเทยน ด้วยสายตาคมกล้าปานพญาอินทรีย์
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะฟังดูสงบราบเรียบ หากแต่ไม่เว้นช่องให้โต้แย้งแม้แต่นิดเดียว ทำให้ใจต้วนหลิงเทียนกับเหลิ่งอิงสะท้านไปทันใด
“ท่านจ้าวลัทธิคิดมากไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรข้ากับจ้าวหอเหลิ่งก็ไม่เคยมีเรื่องราวบาดหมางอะไรกัน…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
และในความเป็นจริงเขาก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับเหลิ่งอิงจริงๆ เหตุผลที่เหลิ่งอิงกับเขาประมือกัน ล้วนเป็นเพราะเรื่องราวความแค้นระหว่างเขากับพ่อลูกสกุลต่งทั้งสิ้น
ตอนนี้ในเมื่อพ่อลูกสกุลต่งตกตายไปแล้ว หลังจากนี้หากเหลิ่งอิงไม่คิดหาเรื่องอะไรเขาอีก เขาก็คร้านจะสนใจอะไรเหลิ่งอิง
“ขอท่านจ้าวลัทธิโปรดวางใจ เหลิ่งอิง รู้ดีว่าต้องทำอย่างไร!”
หลังต้วนหลิงเทียนตอบ ด้านเหลิ่งอิงก็รีบตอบคำเช่นกัน
เมื่อกล่าวจบคำ เหลิ่งอิงก็ประสานมือกล่าวอำลาถังซวนแล้วเหินร่างจากไปทันที โดยไม่แม้แต่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนสักครั้ง! จากท่าทางเผยให้เห็นชัด ว่าแม้มันจะไม่ถือว่ามีเรื่องราวกับต้วนหลิงเทียนแล้ว แต่มันก็ไม่คิดจะญาติดีกับต้วนหลิงเทียน!!
การกระทำดังกล่าวของมันคล้ายการประชดอย่างหนึ่ง…ดื้อเงียบ!
เห็นแบบนี้ถังซวนก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ แต่ก็ไม่ว่าอะไร
มันเองก็พอเข้าใจอารมณ์ของเหลิ่งอิงอยู่บ้าง บางทีตอนนี้เหลิ่งอิงสามารถอยู่กับต้วนหลิงเทียนได้อย่างสันติ แต่ถ้าจะให้เหลิ่งอิงปฏิบัติกับต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทีเป็นมิตร เกรงว่าคงต้องใช้เวลาอีกนาน
เรื่องบางเรื่องก็ไม่อาจรีบร้อนได้
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน เมื่อครู่ท่านพึ่งกล่าวบอกจ้าวหอเหลิ่งว่าท่านมีเรื่องคิดหาข้าหรือ?”
ถังซวนหันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ถามออก
“ไม่ผิด”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ค่อยพูดออกมาตรงๆ “จ้าวลัทธิ ข้ากับก่านหรูเยี่ยนศิษย์ส่วนตัวของผู้พิทักษ์ชิงหั่วนับว่ามีสัมพันธ์อันดีต่อกัน…ตอนนี้พอข้าได้ยินมาว่านางไม่ได้ถูกขังอยู่ในหอคุมกฏแต่อยู่ในสถานที่บ่มเพาะของท่าน ไม่ทราบจ้าวลัทธิจะปล่อยให้นางออกมาสนทนาเรื่องเก่าๆกับข้าตามประสาสหายได้หรือไม่?”
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน ที่แท้เป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้…”
ถังซวนกล่าวตอบออกมาแบบนี้ ทำให้สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันที
“อย่างไรก็ตาม เกรงว่าวันนี้ผู้พิทักษ์หลิงเทียนต้องผิดหวังแล้ว…นังหนูหรูเยี่ยนนั่นพึ่งจะปิดด่านบ่มเพาะหมายทะลวงด่านพลังให้ได้พอดี เช่นนั้นข้าเกรงว่านางคงไม่ออกจากการปิดด่านเร็วๆนี้…คงอีกพักใหญ่ผู้พิทักษ์หลิงเทียนถึงจะได้พบนาง…”
ถังซวนกล่าวสืบต่อออกมา และคำพูดของมันก็ทำให้ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดลงทันที รอยยิ้มบนใบหน้าที่พึ่งจะเริ่มคลี่กางก็ค้างเติ่งไปทั้งยังงั้น…
เขาไม่คิดเลยว่าวาจาประโยคหลังของถังซวนจะเป็นแบบนี้
ปิดด่าน?
เขาย่อมไม่เชื่อเป็นธรรมดา!
ใตหล้ามีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้ด้วย?
อย่างไรก็ตามถึงแม้เขาจะไม่เชื่อแล้วยังไง เขายังจะทำอะไรได้อีก?
ตอนนี้หากเขาวู่วามทำอะไรดื้อรั้นขึ้นมา เกรงว่าไม่พ้นถูกอีกฝ่ายต่อต้านอย่างแน่นอน…
“อ้อ นางปิดด่านเพื่อทะลวงพลังหรือ เช่นนั้นข้าจะรอให้นางออกจากการปิดด่านค่อยมาสนทนาเรื่องเก่าๆแล้วกัน”
ต้วนหลิงเทียนที่สงบสติอารมณ์กล่าวออกมาอีกครั้ง
เนื่องจากไม่อาจพบก่านหรูเยี่ยนได้ ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเค่อเอ๋อกับลูกสาวอยู่ในสถานที่บ่มเพาะของถังซวน ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกอับจนหนทางนัก ‘ตอนนี้ข้าได้แต่หาวิธีอื่น…’
เพื่อป้องกันไม่ให้ถังซวนบังเกิดความสงสัยอะไร หลังจากกกล่าวคำอำลากับถังซวนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างจากมาโดยไม่หันหลังกลับไปมอง…
“หรือจะเป็นข้าคิดมากไปเองแล้วจริงๆ…”
ถังซวนที่ไม่อาจพบ พิรุธ ใดๆจากต้วนหลิงเทียนได้เลย อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเบาๆ “ดูเหมือนว่าข้าสมควรคิดไปเองมากกว่า…แต่ช่วยไม่ได้ เหตุผลที่ทำให้ข้าคิดมากนั้น…เพราะต้วนหลิงเทียนไม่เพียงมาจากภูมิภาคเบื้องล่าง แต่ยังรู้จักกันกับนังหนูหรูเยี่ยน…”
ก่อนหน้านี้ มันที่ใช้สำนึกเทวะแผ่ปกคลุมไปทั่วลัทธิบูชาไฟ ย่อมรับทราบได้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนไปหอคุมกฏเพราะคิดพบก่านหรูเยี่ยน ทว่าอยู่ๆไม่รู้อะไรดลใจให้มันนึกถึงลูกสาวของธิดาเทพกกับบุรุษในภูมิภาคเบื้องล่างขึ้นมา
เพราะวันที่มันเห็นต้วนหลิงเทียนครั้งแรก มันพบว่าหว่างคิ้วทั้งดวงตาต้วนหลิงเทียน กลับให้ความรู้สึกละม้ายคล้ายกับ ลูกสาว ของธิดาเทพอย่างประหลาด…
ตอนแรกมันก็ยังไม่ได้คิดมากกอะไร
แต่ตั้งแต่วินาทีที่สำนึกเทวะของมันพบว่า ต้วนหลิงเทียนไปหอคุมกฏเพื่อพบเจอก่านหรูเยี่ยน มันก็บังเกิดความระแวงสงสัยขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“บุรุษที่ธิดาเทพมีความสัมพันธ์ด้วยในภูมิภาคเบื้องล่าง…คงไม่บังเอิญเป็นต้วนหลิงเทียนที่มาจากภูมิภาคเบื้องล่างหรอกนะ?”