ตอนที่ 2190

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,190 : กาลครั้งหนึ่งความทรงจำ…ชั่วอายุคน

 

เป็นธรรมดาว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟ แค่บังเกิดความสงสัยเล็กๆในตัวต้วนหลิงเทียนเท่านั้น เพราะทุกอย่างมันเป็นเรื่องบังเอิญเกินไป

 

ยิ่งพอเห็นต้วนหลิงเทียนจากไปง่ายดาย ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังลังเลอะไร กระทั่งตัวถังซวนเองยังลอบคิดไปว่าใช่มันเข้าใจผิดไปเองหรือไม่…

 

“ข้าหวังว่าจะไม่ใช่เจ้า…หาไม่แล้ว…”

 

ประกายเยียบเย็นอันน่าสะพรึงกลัวหนึ่งทอประกายเรืองวูบขึ้นมาในลูกตาถังซวน

 

ประกายเยียบเย็นนี้ ยังให้ความรู้สึกเสียดคมราวมีดดาบประหนึ่งมันสามารถผ่าทำลายได้ทุกสิ่ง..!

 

หากตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเป็นแค่ศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟล่ะก็ มันจะบังคับให้ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เพื่อไขข้อข้องใจไปแล้ว!

 

ทว่าต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ไม่ใช่ลูกศิษย์ธรรมดาๆ แต่เป็นถึงผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ!

 

ในฐานะผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนนับว่ามีสำคัญต่อลัทธิบูชาไฟอย่างใหญ่หลวง

 

ก่อนที่มันจะมั่นใจเต็ม 10 ส่วน ต่อให้มันสงสัยต้วนหลิงเทียนมากมายเพียงใด และถึงพลังฝีมือมันจะเหนือกว่าต้วนหลิงเทียนมากแค่ไหนก็ตามที แต่มันไม่มีวันบีบคั้นหรือบังคับให้ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เด็ดขาด!

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตอนนี้กระทั่งตัวมันเองก็ไม่มั่นใจในข้อสงสัยของตัวเองว่า มันจริงหรือไม่

 

ถ้าถูกก็แล้วไป…

 

แต่ถ้าผิดขึ้นมา…เกรงว่าคงต้องผิดใจกับต้วนหลิงเทียน! กระทั่งไม่พ้นทำให้ต้วนหลิงเทียนมีใจคิดออกห่าง บังเกิดความชืดชากับลัทธิบูชาไฟและตัวมัน ถึงขั้นออกจากลัทธิบูชาไฟเอาได้ง่ายๆ…!

 

และการจากไปของต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่แค่มันเสียผู้พิทักษ์ไป 1 คน แต่นั่นหมายถึงสูญเสียตราผนึกมารไปด้วย!!

 

เผ่าพันธุ์ปีศาจจะบุกมาวันไหนก็ไม่รู้ ทว่าลัทธิบูชาไฟของมันกลับเสียไพ่ตายที่ร้ายกาจที่สุดในการต่อกรกับเผ่าพันธุ์ปีศาจไป? นี่มันเป็นความสูญเสียระดับใดกัน!? หากไม่จำเป็นมันไม่มีวันยอมให้เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้น!!

 

ด้วยเหตุนี้ถังซวนจึงไม่อาจบังคับขู่เข็ญให้ต้วนหลิงเทียนกลาวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เพื่อยันยันข้อสงสัยมันได้เลย ในโลกใบนี้…เรื่องราวบางประการมีบ้างที่ทำได้แค่คิด แต่ไม่อาจกระทำ!

 

“ยังมีเวลาอีกนาน…หากมันเป็น ‘บุรุษ’ ของธิดาเทพจริง ไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องเผยพิรุธอันใดออกมาแน่”

 

หลังกล่าวพึมพำอีกเล็กน้อย ร่างถังซวนก็วูบหายจากฟ้าหววนกลับไปสถานที่บ่มเพาะบนเกาะส่วนตัวทันที

 

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไมได้รู้เรื่องราวใดๆเลย

 

ตอนนี้หลังจากที่เขาจากมา เขาก็ได้แต่ครุ่นคิดว่าจะหาทางช่วยเหลือพวกเค่อเอ๋อแม่ลูกอย่างไร ใจเขาอยากช่วยพวกนางให้เร็วที่สุดนัก ด้วยเพราะกริ่งเกรงวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิง

(วิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิง = หากปล่อยให้เรื่องราวล่าช้ายืดเยื้อ เกรงว่าอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมาได้)

 

หลังออกจากพื้นที่ใกล้เคียงเกาะส่วนตัวของถังซวน ต้วนหลิงเทียนก็ย้อนกลับไปยังเกาะส่วนตัวของเขา บ้านหลังเดิมที่เขาเคยอาศัยอยู่ในฐานะศิษย์ที่แท้จริง…เมื่อมาถึงทุกสิ่งอย่างนั้นยังคงเหมือนในวันวานไม่มีใครแตะต้อง ภาพจำยังชัดเจนในใจนัก

 

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ หวนกลับมาบัดนี้ ความแข็งแกร่ง ทั้ง ฐานะ ของเขาได้ต่างออกไปแล้ว…ยังบังเกิดความเปลี่ยนแปลงถึงขั้นพลิกฟ้าคว่ำดิน!

 

ไม่กี่ปีที่แล้วกระทั่งเขาเองก็คงไม่คิดไม่ฝัน…

 

ว่าหลังจากผ่านไปไม่กี่ปี ความแข็งแกร่งของเขาจะบรรลุถึงขีดขั้นที่สามารถเป็นได้ถึงผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ…ทุกสิ่งอย่างในวันวาน คงเหลือเพียงคำอธิบายสั้นๆว่า…กาลครั้งหนึ่ง!

 

หลังจากผ่านไปไม่ทันถึงครึ่งวัน ก็บังเกิดเรื่องราวฮือฮาขึ้นในลัทธิบูชาไฟครั้งใหญ่! ทั้งหมดเป็นเพราะการกลับมาของต้วนหลิงเทียน การกระทำของเขาที่แท่นบูชาพยัคฆ์ขาว เรื่องราวอุกอาจที่บุกไปเข่นฆ่าทำร้ายผู้คนถึงเขตหวงห้ามหอคุมกฏ!

 

ต้วนหลิงเทียนลอบหลบออกจากลัทธิบูชาไฟไปแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น…

 

ทว่าการกลับมาครั้งนี้ ประหนึ่งพบเทพฆ่าเทพพบพระสงฆ์ฆ่าพระสงฆ์! จ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวผู้ประเดิมรายแรก ออกมาด้วยความตั้งใจขัดขวางต้วนหลิงเทียน อนิจจาเพียงหนึ่งฝ่ามืออันง่ายดายก็ทำให้มันคล้ายลูกไก่ในกำมือ! จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด จากนั้นก็เพียงหนึ่งตบก็ส่งร่างมันร่วงตกฟ้าจนมีสภาพเอนจอนาถไม่เหลือความน่าเกรงขาม….

 

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนที่ก่อการเขย่าขวัญก็ได้บุกไปสร้างเรื่องสยองขวัญที่เขตหวงห้ามของหอคุมกฏสืบต่อ! แรกสุดเลยก็สังหาร ผู้เฒ่าหยาง ข้ารับใช้ที่มีฝีมือร้ายกาจของต่งหยวนจิ้นในหมัดเดียว หลังจากนั้นก็ ต่งหลิน  สุดท้ายก็ระเบิดร่าง ต่งหยวนจิ้น เป็นละอองเลือด…และเรื่องนี้เอง ก็นำไปสู่การปะทะกับเหลิ่งอิงจ้าวหอคุมกฏ!

 

ที่สำคัญที่สุดคือการประมือกับเหลิ่งอิงคราวนี้ พลังฝึกปรือของเหลิ่งอิงยังได้ทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว…

 

เรียกว่าทันทีที่ข่าวเรื่องราวดังกล่าวแพร่ออกมา ทำให้ผู้คนทั้งลัทธิบูชาไฟรู้สึกว่ารสชาติในปากช่างยากรับประทานนัก

 

“เท่าที่ข้ารู้มา…จ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงนั้นเชี่ยวชาญเวทย์พลังระดับสูงอันน่ากลัวนัก ถึงขั้นที่ท่านผู้พิทักษ์หงอวิ๋นเคยบอกไว้ด้วยซ้ำ ว่าขอเพียงจ้าวหอเหลิ่งบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน นางจะมิใช่คู่มือจ้าวหอเหลิ่งทันที”

 

“ใช่! ข้าเองก็เคยได้ยินมา ท่านผู้พิทักษ์หงอวิ๋นกล่าวไว้เช่นนี้จริงๆ…”

 

“ว่ากันว่า…ต้วนหลิงเทียนสามารถสยบจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงได้ใน 3 กระบี่งั้นรึ!?”

 

“ว่าอะไรนะ!? เพียง 3 กระบี่เอาชนะจ้าวหอเหลิ่งได้งั้นเรอะ!?”

 

“ให้ตายเถอะ…ตอนนี้ดูเหมือนข่าวที่แพร่ออกมาจากนครแห่งบาปจะเป็นความจริง…จากพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยให้เห็น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเซี่ยคังฉวิน จ้าวราชสีห์ขนทองนั่นของลัทธิอารามทมิฬได้ใน 3 กระบี่…”

 

“ไม่ผิด พลังฝีมือของจ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬกล่าวไปยังอ่อนด้อยกว่าผู้พิทักษ์หงอวิ๋นของพวกเราเสียอีก! ในเมื่อต้วนหลิงเทียนเอาชนะจ้าวหอเหลิ่งที่ผู้พิทักษ์หงอวิ๋นกล่าวไว้ว่าเหนือกว่านางใน 3 กระบี่ เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนสมควรฆ่ามันได้ใน 3 กระบี่จริงๆ!!”

 

 

บทสนทนาทำนองดังกล่าวถูกยกมาพูดคุยกันไปทั่วหย่อมหญ้าของลัทธิบูชาไฟ ตอนนี้ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับพลังฝีมืออันร้ายกาจอย่างน่าเหลือเชื่อของต้วนหลิงเทียน

 

“ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าในบรรดาศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟของพวกเรา จะปรากฏสัตว์ประหลาดดั่งต้วนหลิงเทียนขึ้นมาได้…”

 

“นั่นสิ กระทั่งตลอดทั้งประวัติศาสตร์ของลัทธิบูชาไฟ ยังไม่เคยมีตัวตนเช่นนี้เลยใช่หรือไม่?”

 

“ไหนเลยยังมีได้! ศิษย์ที่แท้จริงนั้นจะเป็นได้ก็ต้องมีอายุอยู่ในข้อกำหนดด้วย ทว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนนั้น อายุยังไม่ได้เลยกำหนด แต่กลับมีพลังฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้ว…ต่อให้เป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ในดินแดนเทพยุทธ์ของผู้ฝึกตนอิสระอย่าง เผยซื่อไห่ อะไรนั่น มันก็พึ่งทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนก่อนอายุครบ 100 ปีไม่กี่วันเท่านั้น! ทว่าอย่างมันพอมาอยู่ต่อหน้าศิษย์พี่ต้วนยังคู่ควรให้กล่าวถึงรึ?”

 

“ฮึ่ม! ต้องศิษย์พี่ต้วนต่างหากถึงจะเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าตัวจริง!!”

 

 

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด แต่ตอนนี้ผู้คนเริ่มยกอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอย่างเผยซื่อไห่มาเปรียบเทียบกับต้วนหลิงเทียน…

 

แถมทั้งหมดยังเห็นพ้องต้องกัน…

 

ต่อให้เผยซื่อไห่จะเป็นอย่างที่ผู้ฝึกตนอิสระกล่าวไว้จริงๆว่าบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนก่อนอายุครบ 100 ปี ทว่าหากจะยกมาเทียบกับต้วนหลิงเทียนที่แข็งแกร่งเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนทั้งที่อายุไม่ถึง 50 ปี ก็ยังไม่คู่ควรใช่หรือไม่?

 

กระทั่งต้วนหลิงเทียนที่ยังอายุไม่ถึงครึ่งร้อยตอนนี้ ผู้คนยังเชื่อว่าพลังฝีมือเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยนแล้วด้วยซ้ำ!

 

เผยซื่อไห่จะเอาอะไรมาสู้!?

 

เทียบกันไม่ได้เลย!!

 

“ใช่แล้ว! ต้องศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนของพวกเรา ถึงจะคู่ควรกับอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!”

 

สุดท้ายทุกคนจึงกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน

 

….

 

“อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?”

 

ในแท่นบูชามังกรคราม ณ สถานที่พักอาศัยของจ้าวแท่นบูชามังกรคราม หลูเถี่ย ปู้หงแทบลมจับ! เมื่อได้รับทราบการกระทำของต้วนหลิงเทียนหลังอีกฝ่ายกลับมาถึงลัทธิบูชาไฟวันแรก…!!

 

มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ

 

ว่าศิษย์ที่แท้จริงที่เคยทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันในกาลก่อน จะกลายเป็นตัวตนอันทรงพลังน่าหวาดหวั่นถึงขั้นนี้ยามหวนกลับมาอีกครั้ง…

 

“หงเอ๋อ…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าขอให้เจ้าลืมเลือนเรื่องราวบาดหมางระหว่างมันกับเจ้าเสีย…หาไม่แล้วเจ้าก็มีแต่รังจะสร้างปัญหาให้ตัวเองเท่านั้น”

หลูเถี่ยกล่าวเตือนศิษย์ด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว เพราะแม้จะเป็นตัวมันเอง จ้าวแท่นบูชามังกรคราม บัดนี้หากเจอต้วนหลิงเทียนก็ยังต้องก้มหัวลง…!

 

ล้อกันเล่นหรือไร!

 

ต้วนหลิงเทียนอาศัยเพียงพลิกฝ่ามืออย่างไร้เรื่องราวก็จัดการจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวจนไร้หนทางสู้!แล้วมันที่มีพลังฝีมือทัดเทียมกับจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวจะเอาอะไรไปสู้!?

 

ด้วยพรสวรรค์อันน่ากลัวของต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ยังร้ายกาจกว่ามันขนาดนี้ แล้วต่อไปในภายภาคหน้าจะยิ่งร้ายกาจกว่ามันขนาดไหน!?

 

นอกจากนี้การกระทำของต้วนหลิงเทียนที่เขตหวงห้ามของหอคุมกฏยังบอกเรื่องราวประการหนึ่งต่อทุกคนชัดเจน…ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนใจอ่อน! หากมันกับปู้หงยังตอแยหาเรื่องต้วนหลิงเทียนไม่เลิก 9ใน 10 ไม่พ้นพวกมันต้องพบชะตากรรมอนาถเหมือนพ่อลูกสกุลต่งแน่!!

 

“ข้าทราบดีท่านอาจารย์…”

 

ปู้หงก้มหน้ารับคำ แต่หากสังเกตให้ชัด จะพบว่า…

 

ในแววตาของมันคล้ายยังเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจถึงขีดสุด ยังเต็มไปด้วยความคับแค้นนัก มันไหนเลยจะยินยอมให้ทุกสิ่งอย่างกลายเป็นเพียงความทรงจำ…ที่จำต้องลบเลือน

 

และแล้ววันเวลาก็ผ่านเลยไปจนครบ 3 วัน…

 

หลังจากผ่านมาครบ 3 วัน บริเวณจัตุรัสกลางของเกาะศักดิสิทธิ์ ปรากฏร่าง ถังซวน จ้าวลัทธิบูชาไฟขึ้น! เรื่องนี้ย่อมทำให้ทั้งเกาะศักดิ์สิทธิ์สะเทือนแทบแตกเป็นธรรมดา! เหล่าศิษย์ทั้งชนชั้นอาวุโสทั้งหลายเร่งรุดมารวมตัวกันที่จัตุรัสกลางกันอุ่นหนาฝาคั่ง ไม่มีใครที่ทราบเรื่องราวแล้วจะไม่รีบมา!!

 

เพราะสุดท้ายแล้วนี่ก็คือการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะชนครั้งแรกของจ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน หลังจากที่มันทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยน! เปลี่ยนสู่เซียนอมตะ!!

 

“ท่านจ้าวลัทธิ!!”

 

“ท่านจ้าวลัทธิ!!”

 

 

เหล่าศิษย์ที่มารวมตัวกันในจัตุรัสกลางของเกาะศักด์สิทธิ์ตื่นเต้นยินดีนัก ที่มีโอกาสได้พบเจอจ้าวลัทธิบูชาไฟ

 

ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนสังเกตเห็นว่า ด้านหลังของถังซวนยามนี้ มีร่าง คน 2 คนยืนอยู่

 

คนที่มากอาวุโสหน่อยก็จดจำได้ทันทีว่าหนึ่งในนั้นที่เป็นผู้ชราก็คือ เหลิ่งอิง จ้าวหอคุมกฏ!

 

ส่วนอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังถังซวนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้ที่กกำลังเป็นประเด็นการสนทนาอย่างร้อนแรงในช่วงนี้ ต้วนหลิงเทียน!

 

“เงียบ!”

 

ทันทีที่ถังซวนกล่าวออกมา ทั้งจัตุรัสกลางก็ตกอยู่ในความเงียบทันที

 

และเมื่อทั้งจัตุรัสเงียบไปจนไร้แม้กระทั่งเสียงลมหายใจ ถังซวน ก็เปิดประตูเห็นภูผาประกาศเรื่องราวสำคัญทันที

 

“วันนี้ข้า ถังซวน จ้าวลัทธิบูชาไฟขอประกาศอย่างเป็นทางการ…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปลัทธิบูชาไฟของพวกเราจักมี ผู้พิทักษ์ เพิ่มขึ้นอีก 2 คน นั่นคือ ผู้พิทักษ์หลิงเทียน และ ผู้พิทักษ์เหลิ่งอิง ที่ยืนอยู่ด้านหลังข้า!”

 

ถังซวนกวาดตามองเหล่าศิษย์ทั้งอาวุโส พลางกล่าวประกาศออกมาชัดถ้อยชัดคำ

 

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลัทธิบูชาจะไม่ได้มีผู้พิทักษ์อีก 3 คนต่อไป แต่เป็น 5 คน!

 

เมื่อเสียงประกาศของถังซวนดังจบคำ มันก็ส่งมอบป้ายประจำตำแหน่งให้ต้วนหลิงเทียนกับเหลิ่งอิง ดั่งการแต่งตั้งอวยยศสวมมงกุฏให้ต้วนหลิงเทียนและเหลิ่งอิงรับตำแหน่งผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟอย่างเป็นทางการ!

 

ฉากเรื่องราวนับว่าสะท้านสะเทือนจิตใจผู้คนนัก!

 

ถึงแม้ว่าหลายๆคนที่มาวันนี้จะเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว!

 

แต่พอได้เห็นเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่นานๆจะเกิดขึ้นในลัทธิบูชาไฟอุบัติขึ้นตรงหน้า พวกมันก็รู้สึกปลื้มปิติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์! กระทั่งสำหรับบางคนแล้วเรื่องราวนี้เสมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวตลอดชั่วอายุของพวกมัน!!

 

หลังจากนั้นไม่นาน ต้วนหลิงเทียนกับเหลิ่งอิงก็ก้าวออกมาแสดงตัวต่อทุกคน เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายในลัทธิบูชาไฟก็ก้าวออกมาจากฝูงชนอย่างมีระเบียบ ต่างประสานมือคารวะแสดงความยินดีต่อต้วนหลิงเทียน

 

“ข้าน้อยคารวะผู้พิทักษ์หลิงเทียน ทั้งขอแสดงความยินดีกับผู้พิทักษ์หลิงเทียนด้วย!!”

 

“คารวะผู้พิทักษ์หลิงเทียน! ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย!!”

 

 

ในบรรดาผู้ที่ออกมากล่าวคำแสดงความยินดีกับต้วนหลิงเทียน ก็มีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเขาเช่นกัน

 

ตัวอย่างเช่นอาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬ กัวฉง และ เถิงชาน ไม่เว้นผู้อาวุโสที่ดูแลวิหารเป็นตายอย่างอาวุโสเนี่ยสุ้ย ยังมีผู้อาวุโสเพลิงทองแดงบางคนทั้งอาวุโสคุมกฏที่เคยรู้จักกับเขาที่ประสานมือคารวะอยู่ด้านหลัง

 

สาเหตุที่คนเหล่านี้อยู่ด้านหลังก็เพราะฐานะต่ำต้อยเกินไป ไม่อาจเบียดขึ้นมาอยู่เบื้องหน้ากับเหล่าอาวุโสเพลิงเงินเพลิงทองได้

 

ตัวตนระดับสูงของลัทธิบูชาไฟมารวมตัวกันในจัตุรัสกลางทั้งนั้น เช่นนั้นแล้วแถวหน้าย่อมเป็นของอาวุโสเพลิงทอง…

 

ในบรรดาอาวุโสเพลิงทองที่มายังมีจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว หลูชิ่ง ที่ถูกต้วนหลิงเทียนตบร่วงฟ้าไปเมื่อ 3 วันก่อน กระทั่งจ้าวแท่นบูชามังกรครามอย่าง หลูเถี่ย ก็มา

 

“ขอบคุณทุกท่าน”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับการคารวะทักทายและการแสดงความยินดีด้วยใบหน้าสงบเฉยเมย เสมือนอยู่พ้นโลกกีย์วิสัย ไม่นำพาชื่อเสียงลาภยศแต่อย่างไร

 

คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้ กล่าวไปแล้วในอดีตล้วนเป็นตัวตนที่เขาเคยต้องแหงนมองพวกมันทั้งสิ้น…

 

ทว่าตอนนี้พวกมันที่อยู่เบื้องหน้าเขา ไม่ใช่อะไรที่เขาต้องแหงนมองอีกต่อไป…เป็นทั้งหมดจำต้องคารวะทักทายเขาด้วยความเคารพอย่างสุภาพ…