บทที่ 1308 กองทัพมังกรดำ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

 

บทที่ 1308 กองทัพมังกรดำ

 

ฟู่ ฟู่**!**

เมื่อเวินชิงเฉวียนโยนตัวเองเข้าไปในหม้อกลั่น หม้อกลั่นก็พวยพุ่งด้วยเพลิงลุกโชติช่วงเป็นไฟสีฟ้าที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน แต่ทุกคนรู้ว่านี่เป็นเพียงรูปลักษณ์เท่านั้น เพลิงที่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนใช้ในการกลั่นสามารถเปลี่ยนจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ในพริบตา

เวินจื่อหยู่และจอมยุทธ์ตระกูลเวินคนอื่นๆ มองไปที่หม้อกลั่นด้วยท่าทางเป็นกังวล แผ่นหลังของพวกเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น หากเวินชิงเฉวียนล้มเหลว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะยอมรับได้

นั่นเป็นเพราะเมื่อนางล้มเหลว ร่างก็จะเหลือเพียงกองเถ้าถ่านไว้ดูต่างหน้า

พวกต่งซันก็กำลังมองหม้อกลั่นขนาดใหญ่ ถ้าเวินชิงเฉวียนประสบความสำเร็จ พวกเขาก็จะใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อยึดมรดกนี้มาให้ได้

ดังนั้นการปะทะกันจึงสงบลงชั่วคราว ยกเว้นสมรภูมิของมู่เฉินแห่งเดียว

องครักษ์เงาไม่มีจิตใต้สำนึกหลงเหลือ พวกเขาคิดเพียงแต่สังหารอย่างไร ดังนั้นพวกเขาไม่ได้สนใจกับการรับมรดก สิ่งที่พวกเขาต้องการคือฆ่ามู่เฉินที่กีดขวางหน้าเส้นทางให้กลายเป็นกองเนื้อ

แต่ไม่ว่าจะโจมตีอย่างไร พวกเขาถูกสกัดอย่างแน่นหนาโดยมู่เฉิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์รักษ์ที่อยู่ในค่ายกลเพลิงทะยาน ตอนนี้มันอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชโดยที่แขนข้างหนึ่งถูกทำลาย

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินควบคุมสมรภูมิไว้ทั้งหมด เป็นเพียงเรื่องเวลาที่องครักษ์ทั้งสองจะพ่ายแพ้

ตู้ม!

ขณะที่มู่เฉินต้านองครักษ์เงาทั้งสองไว้ได้ ทันใดนั้นก็เกิดการเคลื่อนไหวในถ้ำ เสียงทุ้มต่ำดังก้องจากในหม้อกลั่นที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง

ฟู่ ฟู่!

อึดใจเพลิงสีฟ้าก็กวาดออกมาจากหม้อกลั่น เสาลุกขึ้นจากภายใน เงาร่างค่อยๆ ปรากฏขึ้น

เมื่อพวกเวินจื่อหยู่เห็นร่างที่คุ้นเคย ความสุขก็พัดไปทั่วใบหน้าของพวกเขา

นี่คือเวินชิงเฉวียน

ขณะนี้ดวงตาของนางปิดลงพร้อมกับเพลิงสีฟ้าเปล่งประกายบนร่างกาย เพลิงเหล่านี้ดูเหมือนมีจิตวิญญาณ ห่อหุ้มร่างกายของนาง ก่อตัวเป็นแก้วมรกตราวกับเกราะแสงที่ปกป้องนางไว้

แพขนตายาวสั่นไหวก่อนที่ดวงตาของนางจะเปิดขึ้นกะทันหัน เพลิงสีฟ้ากะพริบวูบไหวอยู่ภายใน ยามนี้นางช่างดูมีเสน่ห์มากกว่าปกติ
อ่านนิยาย
นางรู้สึกงุนงงไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเปลวไฟบนร่างกายก่อนที่ความสุขจะวูบไหวในดวงตา นั่นเป็นเพราะนางสามารถสัมผัสได้ถึงมรดกในห้วงแห่งจิตในตอนนี้

กระทั่งเพลิงสีฟ้ายังไหลอวลอยู่ในร่างกายของนาง

ชัดว่าการตัดสินใจกระโจนตัวลงไปในหม้อกลั่น ไม่ได้ทำให้นางกลายเป็นเถ้าถ่าน แต่ได้รับมรดกของภูตผีเสื้อโอสถ

มีความเข้าใจต่อการเล่นแร่แปรธาตุและทักษะลับมากมาย นี่อาจไร้ประโยชน์กับคนอื่นๆ แต่ในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุนี่เป็นขุมสมบัติเลยทีเดียว

ก็เป็นเหมือนตอนมู่เฉินได้รับความเข้าใจต่อค่ายกลจากมารดา ทำให้เขาสามารถบรรลุการเป็นหลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนได้ มิหนำซ้ำยังให้ความช่วยเหลือยิ่งใหญ่ในการพัฒนาในอนาคตเพื่อเข้าสู่ขุมพลังเทียนจื้อจุน

ด้วยมรดกนี้ เวินชิงเฉวียนจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีชื่อเสียงในอนาคต แน่นอนว่านี่เป็นข่าวที่ดีสำหรับตระกูลเวิน

เพราะนักเล่นแร่แปรธาตุเป็นศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่ได้รับการต้อนรับมากในมหาพันภพ

“ข้อมูลที่ได้มาเป็นเรื่องจริง!”

เวินชิงเฉวียนชื่นชมยินดี แต่นางรู้ว่าต้องใช้ความกล้าหาญอย่างยิ่งในการรับมรดก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่กล้ากระโจนลงไปในหม้อกลั่น เนื่องจากอาจไม่เหลือแม้แต่ซากไว้ได้

ระหว่างชีวิตและมรดกผู้คนส่วนใหญ่เลือกชีวิต เพราะไม่มีชีวิตมรดกใดๆ ก็ไร้ประโยชน์

“บ้าเอ๊ย!”

เมื่อเห็นเวินชิงเฉวียนได้รับมรดกไปแล้ว ใบหน้าของต่งซันและพรรคพวกก็เปลี่ยนไปรุนแรง เนื่องจากการได้รับมรดกของภูตผีเสื้อโอสถของเวินชิงเฉวียน นี่ไม่เท่ากับว่าทุกสิ่งที่พวกเขาพยายามสลายกลายเป็นอากาศธาตุเรอะ?

“ฮ่าๆ เจ้าประสบความสำเร็จจริงๆ”

สายตาของหวู่ทงวูบไหว ขณะที่เริ่มหัวเราะร่วนอยู่ภายในคุกน้ำ นิ้วหนีบเข้าด้วยกันยันต์สีดำก็ปรากฏ บนยันต์ถูกวาดด้วยลวดลายลึกซึ้ง ทำให้เกิดความผันผวนที่แปลกประหลาด

หวู่ทงเงยหน้าขึ้นมองหลิงซีพลางยิ้มอ่อน ก่อนที่ยันต์ในมือจะกลายเป็นเปลวไฟ

หลิงซีจับจ้องอีกฝ่ายอยู่ตลอด ดังนั้นเมื่อยันต์ปรากฏในมือเขา นางก็สังเกตเห็นทันที นางรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ รีบเร้าค่ายกลทันที

ซ่า!

น้ำสีดำไร้ขอบเขตกดลงพร้อมกับแรงน่ากลัว มังกรดำนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาหวู่ทง ไม่ว่าเขาตั้งใจทำอะไร หลิงซีก็ต้องหยุดก่อน

“ปฏิกิริยาเร็วใช้ได้ แต่น่าเสียดายที่ไร้ประโยชน์”

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งกีดขวางของหลิงซี หวู่ทงก็ยิ้มบาง ยันต์ในมือเขากลายเป็นควันสีดำห่อหุ้มร่างเอาไว้

เมื่อควันดำล้อมรอบ ร่างเงาของหวู่ทงก็หายวับไปทันที

“ชิงเฉวียนระวัง!”

มู่เฉินที่กำลังเผชิญหน้ากับองครักษ์เงาสองคนตะโกนเตือน ขณะที่ดวงตาเปล่งประกาย

วาบ!

กลุ่มควันสีดำมาปรากฏที่เบื้องหน้าเวินชิงเฉวียนคว้าข้อมือบางเอาไว้ จากนั้นก็เหวี่ยงนางกระแทกเข้ากับหม้อกลั่นที่อยู่ด้านล่าง

เคร้ง!

ปะทะกับหม้อหนักหน่วงเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น แต่อาจเป็นเพราะเวินชิงเฉวียนได้รับมรดก นางเลยไม่ได้กลายเป็นเถ้าถ่านจากเปลวไฟบนหม้อกลั่น

อ็อก
อ่านนิยาย
แต่กระนั้นผลกระทบนี้ก็ทำให้เวินชิงเฉวียนกระอักเลือดเต็มปาก หม้อกลั่นถึงกับปลิวออกไป

แต่หลังจากเหวี่ยงเวินชิงเฉวียนแล้ว หวู่ทงก็ไม่ได้ออกกระบวนท่าโจมตีใดๆ อย่างที่ทุกคนคาดไว้ ตรงกันข้ามเขาหยุดเคลื่อนไหว จ้องไปยังสถานที่ที่หม้อขนาดใหญ่เคยสถิตอยู่ก่อนหน้า ท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือชัดเจน

หม้อที่อยู่ก่อนหน้าที่ถูกกระแทกออกไปโดยเวินชิงเฉวียน ปรากฏค่ายกลขึ้นตรงจุดที่หม้อที่เคยอยู่เมื่อครู่

หวู่ทงมองไปที่ค่ายกลด้วยดวงตาเป็นประกาย ยันต์ยิงออกไปตกลงบนค่ายกล

ฮึ่ม ฮึ่ม

ทันใดแสงหลิงเข้มข้นก็ปะทุขึ้นจากค่ายกล มิติบิดเบือนก่อนเส้นทางจะเกิดขึ้น

การเปลี่ยนแปลงฉับพลันทำให้ทุกคนคาดไม่ถึง ไม่มีใครคิดว่าจะมีสิ่งพิเศษภายใต้หม้อกลั่นนี้

“เวินชิงเฉวียน เจ้าคิดว่าเป้าหมายของตระกูลหวู่เป็นแค่มรดกของภูตผีเสื้อโอสถรึ?” หวู่ทงหันกลับมามองที่เวินชิงเฉวียนด้วยดวงตาหรี่แคบลงจากรอยยิ้ม

“ข้อมูลที่ตระกูลเวินได้รวบรวมเกี่ยวข้องกับภูตผีเสื้อโอสถเท่านั้น แต่พวกเจ้าไม่รู้ว่ามีมรดกอีกอย่างซ่อนอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นของสามีของนาง—จักรพรรดิมังกรดำ!”

“จักรพรรดิมังกรดำ?!” เวินชิงเฉวียนตกใจ นี่คือสิ่งที่นางไม่รู้จริงๆ แต่นางทราบประวัติของจักรพรรดิมังกรดำ เขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่มีชื่อเสียงและเป็นสามีของภูตผีเสื้อโอสถ

นอกจากนี้สิ่งที่จักรพรรดิมังกรดำทรงพลังที่สุดไม่ใช่ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิง แต่เป็นศาสตร์จั้นเจิ้นซือ!

เขาได้สร้างกองทัพมังกรดำขึ้นมา ซึ่งนักรบทุกคนในกองทัพชโลมด้วยเลือดมังกรสร้างพวกเขาเป็นนักรบมังกร กองทัพมังกรดำตอนสถานะสุดยอด ทำให้จักรพรรดิมังกรดำกลายเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงในขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน

ทว่าผลจากการมหาสงครามครั้งยิ่งใหญ่ ทำให้จักรพรรดิมังกรดำต้องสละชีวิตไปพร้อมกับภูตผีเสื้อโอสถ จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ แม้แต่กองทัพมังกรดำก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“เป้าหมายของตระกูลหวู่คือกองทัพมังกรดำนั่นเองรึ?!” เวินชิงเฉวียนคิดได้ในทันที ตระกูลหวู่ต้องได้รับข่าวเกี่ยวกับกองทัพมังกรดำที่ไหนสักแห่ง นั่นคือเหตุผลที่พวกเขามุ่งหน้ามายังสถานที่แห่งนี้ด้วยทุกอย่างที่มี

หวู่ทงยักไหล่ยิ้ม “แม้ว่าตามข้อมูลกองทัพมังกรดำได้รับความเสียหาย แต่เนื่องจากนักรบทุกคนได้รับการชโลมด้วยเลือดมังกร ในเวลาสุดท้ายจักรพรรดิมังกรดำจึงได้เปลี่ยนกองทัพมังกรดำกลายเป็นกองทัพอมตะ มิหนำซ้ำยังทำให้พวกเขาหลับใหล ดังนั้นกองทัพนี้จึงได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี หากกองทัพนี้อยู่ในมือตระกูลหวู่ละก็ ข้าจะสามารถควบคุมกองทัพมังกรดำทำลายล้างตระกูลเวินเพียงแค่พลิกฝ่ามือเท่านั้น!”

“ทว่ากองทัพมังกรดำได้รับการปกป้องจากหม้อกลั่นของภูตผีเสื้อโอสถและด้วยเพลิงประหลาดบนหม้อกลั่น แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ยังกลายเป็นเถ้าถ่านได้เมื่อสัมผัส เฉพาะผู้ที่ได้รับมรดกของภูตผีเสื้อโอสถเท่านั้นที่มีภูมิคุ้มกันต่อเพลิงเหล่านั้น”

ขณะที่พูดหวู่ทงก็มองไปที่เวินชิงเฉวียนด้วยสายตาเย้ยหยัน “ดังนั้นหากเจ้าไม่มีความกล้า ข้าอาจจะต้องปวดหัวหนักกับมรดกนี้ เพราะวิธีการแบบเสี่ยงชีวิตไม่เหมาะกับข้าหรอก”

ใบหน้าของเวินชิงเฉวียนซีดขาวลง แบบนี้นี่เองหวู่ทงรอให้นางได้รับมรดกเพื่อจะใช้นางเป็นกุญแจไขเข้าไปในมิติมังกรดำ!

แต่ถ้ากองทัพมังกรดำตกอยู่ในมือตระกูลหวู่จริงๆ ละก็ จะเป็นหายนะต่อตระกูลเวินอย่างยิ่ง

ดังนั้นต้องขัดขวางให้ได้

“คิดจะขัดขวางข้าเหรอ? ที่จริงพูดกับพวกเจ้ามากขนาดนี้ ก็แค่ไม่ต้องการให้พวกเจ้ารบกวนเสถียรภาพของมิติมังกรดำนี้”

เหมือนรู้เจตนาของอีกฝ่าย หวู่ทงก็ส่ายหัวมองมิติที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเบื้องหน้า ก่อนที่จะหันไปมองมู่เฉิน เวินชิงเฉวียน และคนอื่นๆ รอยยิ้มเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

“ตอนนี้พวกเจ้าก็เตรียมตัวรอข้าออกมาพร้อมกับกองทัพมังกรดำเถอะ หวังว่าพวกเจ้าจะยังเหลือความกล้าที่จะประจันหน้าข้านะ”

“นอกจากนี้ข้าก็ใจดีที่จะบอกซะหน่อยว่ามีเพียงจั้นเจิ้นซือเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่มิติมังกรดำได้ ดังนั้นพวกเจ้าหยุดเสียเวลาซะ”

“และบังเอิญเชียวแหละ เพราะข้าเป็นจั้นเจิ้นซือ”

มองดูศัตรูด้วยสายตาสงสาร หวู่ทงก็สูดหายใจลึกก้าวย่างเข้าไปโดยไม่ลังเล

แต่จังหวะนั้นเองเสียงหัวเราะที่แฝงความประหลาดใจเล็กน้อยก็ดังก้องไปทั่วถ้ำแห่งนี้

“จั้นเจิ้นซือรึ?

“บังเอิญจริง ข้าก็เป็นเหมือนกัน!”

ทุกคนหันขวับไปก็เห็นเงาของมู่เฉินที่ขวางองครักษ์เงาทะยานออกไป ร่างเขาราวกับสายฟ้าพุ่งเข้าไปในมิตินั้น

ในช่วงเวลานั้นความผันผวนแปลกประหลาดก็เพิ่มขึ้นในร่างกาย ซึ่งก็คือรัศมีจั้นยี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของจั้นเจิ้นซือ!