ตอนที่ 2015 กดดันเทพสวรรค์

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“แม้ว่าข้าจะไม่ทราบว่าเหรียญปรมาจารย์นั้นมันคือสิ่งใดแต่ดูแล้วท่านเย่หยวนจะต้องยิ่งใหญ่มากแน่”

“มันเหนือล้ำกว่าคำว่ายิ่งใหญ่เสียอีก! นั่นคือเทพสวรรค์เปียวหยู! เทพสวรรค์เปียวหยูท่านกลับพูดจาสนทนากับนายท่านของเราราวกับเป็นคนรุ่นเดียวกัน!”

“หึๆ ข้าว่าอีกไม่นานเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราจะต้องได้กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งที่แปดในแดนใต้แน่”

ภายในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ในเวลานี้มันมีจอมเทพโอสถสี่ดาวและห้าดาวอยู่มากมาย แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะเคยได้ยินนามของเทพสวรรค์เปียวหยู

เมื่อเทพสวรรค์เปียวหยูปรากฏกายออกมาพวกเขาทั้งหลายต่างก็สั่นสะท้านไปทั้งกายใจ

แต่ไม่นานนักสิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงมากกว่าเก่ามันก็ได้ปรากฏขึ้น

เพราะเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นกลับสนทนากับเย่หยวนราวกับเป็นคนรุ่นเดียวกัน อยากให้ทำอะไรก็ขอมิใช่สั่ง มันจะเป็นเกียรติยศขนาดไหน?

เพราะตัวตนของเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นแม้แต่เหล่าเทพสวรรค์ด้วยกันเองยังไม่อาจจะขอเข้าพบตัวเขาได้ง่ายๆ

เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ตอนนี้มันจึงราวกับภาพฝัน

เกียรติยศเช่นนี้มันจะฝังรากลึกลงไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจพวกเขาทั้งหลาย

เย่หยวนยกเหรียญปรมาจารย์นั้นขึ้นมาดูแต่สุดท้ายก็ได้ผายมือออกไปด้านข้าง “ผู้อาวุโสเปียวหยู ข้าก็อยากจะไปจริงๆ แต่ท่านดูเถอะ… ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ข้าคงไม่ไหนไม่ได้อีกนาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร”

นั่นทำให้สายตาทุกคู่จับจ้องมองไปยังชางหยวนในทันทีจนสีหน้าของเขาขาวซีดลง

ในเวลานั้นเจียนซู่เทาที่เงียบมาตลอดจึงได้ยกมือขึ้นมาโบกไล่ชางหยวน “มันมิใช่เรื่องของเจ้าแล้ว กลับไปได้แล้ว”

ชางหยวนที่ได้ยินก็ตอบกลับมาอย่างหนักแน่น “เทพสวรรค์ซู่เทา แม้ว่าท่านจะมีตำแหน่งฐานะสูงล้ำแต่ก็อย่าได้ลืมไปว่านี่คือดินแดนของท่านฉีโยว! ทำเช่นนี้มันจะเป็นการรังแกผู้คนจนเกินพอดีแล้ว!”

ในฐานะเทพสวรรค์ขั้นกลางตัวชางหยวนนั้นย่อมจะยืนอยู่เหนือล้ำผู้คนเสมอมา

แต่วันนี้เขากลับถูกเหยียดหยามอย่างไม่เหลือชิ้นดี

บนท้องฟ้าของเมืองจักรพรรดิน้อยๆ เมืองนี้!

ที่แห่งนี้มันคือดินแดนใต้การปกครองของจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยว แต่ตัวเขากลับต้องฟังคำสั่งของผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?

เพียงแค่ว่าตัวเจียนซู่เทาเองนั้นก็มิใช่คนอ่อนโยนมากนัก

เขาหัวเราะเย้ยขึ้นก่อนจะสะบัดแขนส่งคลื่นพลังหนักหน่วงราวขุนเขาเข้าปะทะร่างของชางหยวนทันที

ชางหยวนหน้าถอดสีและพยายามใช้พลังทั้งหมดออกมารับการโจมตีนี้ไว้

แต่เมื่อปะทะเข้ากับพลังนั้นตัวพลังโลกของชางหยวนหรือวิชาวรยุทธใดๆ ล้วนไม่อาจต้านทานได้

‘ปัง!’

ชางหยวนลอยลิ่วออกไปไกลพร้อมเลือดที่อาบร่าง

“หึ! เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครมาจากที่ไหน? กล้ามาพูดกับเทพสวรรค์ผู้นี้ด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น? อย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่พี่ฉีโยวเองก็ยังต้องไว้หน้าเทพสวรรค์ผู้นี้ หากวันนี้ไม่ได้อยู่บนแดนของพี่ฉีโยวแล้วล่ะก็เจ้าคิดว่าตัวเองจะยังรอดชีวิตอยู่หรือไม่?” เจียนซู่เทากล่าวขึ้น

หลู่เหยียน เติ้งหยุนไซ ไต้ชุนห่าวทั้งสามคนนั้นต่างหวาดกลัวจนแทบไม่กล้าหายใจ

พลังของเทพสวรรค์ขั้นปลายนั้นมันช่างแข็งแกร่ง!

ต่อให้เป็นชางหยวนก็ยังไม่อาจรับการสะบัดมือของเจียนซู่เทานี้ได้

หากพวกเขายื่นหน้าออกไปในเวลานี้ แม้แต่ซากร่างก็คงไม่เหลือ

ชางหยวนนั้นพยายามดันตัวขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดขาว ดูท่าคงเจ็บสาหัส

เจียนซู่เทาร้องบอก “เรื่องของพี่ฉีโยวนั้นเทพสวรรค์ผู้นี้และเปียวหยูได้ไปพบเขามาแล้ว จากวันนี้ไปเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้มันจะกลายเป็นดินแดนของเย่หยวนโดยสมบูรณ์ หากมีใครกล้ามาหาเรื่องอีกมันย่อมจะหมายความว่าคนผู้นั้นจะกลายเป็นศัตรูกับเทพสวรรค์ผู้นี้ จงจำใส่หัวไว้ให้ดี! ทีนี้จะไปได้หรือยัง?”

นั่นทำให้สีหน้าของพวกชางหยวนซีดขาวลงทันที ไม่นึกไม่ฝันว่าเจียนซู่เทาและเปียวหยูจะถึงขั้นไปพบกับจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยวเพื่อเย่หยวนผู้นี้!

เจ้าเด็กคนนี้มันมีค่าปานนั้น?

ในเวลานี้การอยู่ต่อไปมันรั้งแต่จะเป็นปัญหา

ชางหยวนจึงกัดฟันแน่นสั่งออกมา “ไปกัน!”

พูดจบร่างของชางหยวนก็จางหายไปทันที

แล้วมีหรือที่พวกหลู่เหยียนจะยังมีหน้ามาอยู่ต่อ? พวกเขาเองก็มุ่งหน้าเข้าช่องว่างมิติหนีหายไปเช่นกัน

เมื่อตัวปัญหาทั้งหลายนั้นจากไป ก็เกิดเสียงโห่ร้องดังลั่นขึ้นทั่วทั้งเมือง

การต่อสู้วันนี้มันจะสะใจจนเกินบรรยายไปแล้ว!

เหล่ายอดคนผู้ปกครองแผ่นดินจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิหรือแม้แต่วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ยังไม่อาจทำอันตรายใดๆ พวกเขาได้

ที่สำคัญในวันนี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ยังได้รับเสรีภาพอย่างแท้จริงไม่ต้องขึ้นกับใครอีกต่อไปทั้งในนามและในความเป็นจริง

ด้วยการนำของผู้นำที่เขารักอย่างเย่หยวนนั้นมีหรือที่คนทั้งหลายจะไม่โห่ร้องดีใจ?

เมื่อได้เห็นท่าทางของเหล่านักยุทธทั้งหลายในเมืองแม้แต่เจียนซู่เทาหรือเปียวหยูเองก็ยังมึนงงสะท้านไปทั้งกาย

พวกเขาไม่นึกไม่ฝันว่าเมืองจักรพรรดินี้จะเชิดชูเย่หยวนอย่างมากมายปานนี้

เสียงโห่ร้องของเหล่าผู้คนทั้งหลายนั้นมันดังขึ้นมาจากก้นบึ้งของจิตใจ ย่อมไม่อาจจะปลอมแปลงใดๆ ได้

พวกเขานั้นเชิดชูในตัวเย่หยวนอย่างแท้จริงมิใช่แค่แกล้งทำ

เรื่องราวเช่นนี้มันเห็นได้ยากมากในเมืองอื่นๆ

เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายพร้อมกล่าวขอบคุณ “เหล่าผู้อาวุโสล้วนเดินทางมาไกลเพื่อช่วยเหลือเย่ผู้นี้ เย่ผู้นี้ซาบซึ้งนัก ในวันหน้าหากท่านมีปัญหาเรื่องราวใดให้เย่ผู้นี้ช่วยเหลือโปรดบอกมาได้อย่าเกรงใจ เย่ผู้นี้จะไม่มีทางปฏิเสธ”

เทพสวรรค์เฉาหยวนหัวเราะขึ้นเมื่อได้ยิน “สหายหนุ่มเย่นั้นจะเกรงใจกันเกินไปแล้ว! เทพสวรรค์ผู้นี้เองก็แค่ได้ยินจากซงหยูมาว่าเจ้านั้นช่วยเหลือเขาไว้อย่างมากมายในสนามรบเทพโบราณ หากไม่ได้เจ้าแล้วตัวเขาคงตายตกไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยววิญญาณกลับมา ที่สำคัญเจ้าเด็กคนนั้นยังสามารถบรรลุขั้นรัศมีผ่าจักรพรรดิมาได้ แค่เรื่องนี้มันก็มากพอจะทำให้เทพสวรรค์ผู้นี้ออกหน้าแล้ว!”

“ใช่ไหมเล่า? เจ้ากั๋วจิงหยางนั้นข้าก็คิดไปว่าแค่ขึ้นถึงรัศมีจักรพรรดิขั้นสุดได้มันก็คงดีล้ำแล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่ามันเองก็จะบรรลุถึงรัศมีผ่าจักรพรรดิมาได้ ฮ่าๆ!” เทพสวรรค์หวู่เฟิงหัวเราะลั่น

แม้ว่าเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายจะกล่าวเช่นนั้นออกมาแต่ความจริงหัวใจของพวกเขาทั้งหลายก็กำลังมีความสุขอย่างมาก

เพราะการได้สร้างสายสัมพันธ์ดีๆ กับยอดนักหลอมโอสถระดับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ไว้มันย่อมจะคุ้มค่ากว่าสิ่งใดๆ

แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะเป็นเทพสวรรค์แต่พวกเขาเองก็อยู่ในสถานการณ์คล้ายจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลาย ตัวเขาไม่ต้องการโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหกแต่ลูกหลายของพวกเขานั้นต้องการ!

ที่สำคัญด้วยพรสวรรค์ที่เหนือล้ำของเย่หยวนที่ได้รับการยอมรับจากเทพสวรรค์เปียวหยูว่าเทียบเท่ากับตัวเขาแล้วมันย่อมแสดงได้อย่างดีว่าตัวเย่หยวนนั้นเก่งกาจมากความสามารถเท่าใด

ในวันหน้าหากเขาบรรลุขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์มาได้ตัวเขาจะไม่กลายเป็นสุดยอดมหาจอมเทพโอสถเจ็ดดาวไปหรือ?

ตัวตนเช่นนั้น การสานสัมพันธ์ไว้มันย่อมจะเป็นสิ่งที่ทุกผู้คนใฝ่ฝัน

ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่จักรพรรดิเทพสวรรค์จะเห็นแก่หน้าเทพสวรรค์เปียวหยู?

เย่หยวนยิ้มตอบ “ผู้อาวุโสทั้งหลายท่านก็พูดเกินไป ในสนามรบเทพโบราณนั้นเราย่อมต้องร่วมมือช่วยเหลือกันเป็นธรรมดา หากท่านผู้อาวุโสทั้งหลายไม่รังเกียจเมืองอินทรีสวรรค์น้อยๆ นี้ทำไมไม่ลองมานั่งพักดื่มอะไรกันสักหน่อยในจวนเจ้าเมืองก่อนกลับเล่า?”

เทพสวรรค์เฉาหยวนยิ้มรับในทันที “แม้ว่าเมืองมันจะน้อย แต่มันก็สร้างยอดคนอย่างเจ้าขึ้นมาได้! พวกท่านทั้งหลาย ไปนั่งคุยกันสักหน่อยไหม?”

เทพสวรรค์เทียนเซียวจึงหัวเราะขึ้นตอบรับ “แน่นอนๆ! อาจารย์เย่นั้นคงมีสุราที่เหนือล้ำบ่มไว้อย่างแน่นอน มีหรือที่เทพสวรรค์ผู้นี้จะพลาดมันได้?”

เมื่อได้เห็นว่าเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นเริ่มเรียกกันเป็นพี่เป็นน้องเหล่านักยุทธทั้งหลายในเมืองต่างก็ยิ่งรู้สึกภาคภูมิ

เย่หยวนนั้นยิ้มและหันไปบอกไป๋ตง “พี่ไป๋ ข้าคงต้องขอรบกวนท่านพาเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายนี้ไปยังจวนเจ้าเมืองและนำสุราดั่งฝันมาให้พวกเขาได้ลิ้มลองหน่อย”

ไป๋ตงนั้นพยักหน้ารับและหันไปบอกคนทั้งสี่ “พวกท่านทั้งหลาย เชิญด้านนี้”

หลังจากคนทั้งหลายนั้นจากไปมันก็เหลือเพียงแค่เย่หยวน เจียนซู่เทาและเทพสวรรค์เปียวหยูด้านนอกเมือง

เจียนซู่เทามองดูเย่หยวนและกล่าวขึ้น “ครั้งนี้คงถือว่าหายกันแล้วใช่หรือไม่?”

การปรากฏตัวของเจียนซู่เทานี้เย่หยวนเองก็ตกตะลึงมาก

เพราะตัวเขานั้นคิดว่าเจียนซู่เทาไม่น่าจะชอบใจในตัวเขาอย่างมาก ไม่นึกไม่ฝันว่าคนผู้นี้จะกลับมาเป็นตัวกลางเจรจากับจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยวให้แก่เขา

ในวันหน้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้คงไม่มีปัญหาด้านการปกครองใดๆ อีก

“หึๆ ผู้อาวุโสท่านพูดอะไร? บุญคุณครั้งนี้เย่หยวนได้รับไว้แล้ว” เย่หยวนกล่าวพร้อมยกมือขึ้นคารวะ

ตัวเย่หยวนนั้นทำการใดๆ มีเส้นแบ่งกัน แยกความแค้นจากบุญคุณอย่างชัดเจน เรื่องราวในครั้งก่อนนั้นเป็นความผิดของเจียนซู่เทาที่ทำอะไรเกินเลยไปจริงๆ

แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังเป็นพ่อตาของเจียนหงเซียว สหายสนิทของเย่หยวน ตัวเย่หยวนย่อมไม่คิดจะถือโทษใดๆ ให้มากมาย

การออกมาในครั้งนี้ของเจียนซู่เทามันช่วยเขาได้มากเหลือจริงๆ

บุญคุณครั้งนี้เย่หยวนรับมันไว้อย่างเต็มอกแล้ว

…………………