แต่ทว่า มองไปที่ยาเม็ดใสแวววาวที่อยู่ข้างหน้าเฉินโม่ ด้วยประสบการณ์ของกู่เยว่เหอเอง แน่นอนที่รู้อยู่แก่ใจว่าแท้อย่างไม่มีอะไรจะแท้แล้ว

ความอึมครึมบนหน้าของกู่เยว่เหออึมครึมเสียยิ่งกว่าหมอกควันที่คลุมเมืองยานจิง นานอย่างไม่มีทีท่าจะหาย มันว่าเรียกสั่งให้มาได้เลย นี่มันใช้วิธีการอะไรของมันนะ!

มู่เจิ้งเฟิงได้เห็นเหตุการณ์ในฉากนี้ ตื่นเต้นจนมือไม้สั่น ปล่อยหัวเราะออกมาอย่างสะใจว่า “ฮ่า ๆ ๆ ปรากฏการณ์มหัศจรรย์ เป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์จริง ๆ!ข้าอยู่มาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว ไม่คิดว่าจะได้ประจักษ์กับการเกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์แบบนี้กับตาตัวเองได้ครั้งหนึ่ง!”

“ไม่ต้องใช้เตากลั่นยา สั่งไปก็ได้มา!ยอด ยอด ยอดจริง ๆ!มองทะลุมิติจากโบราณมาปัจจุบัน วงการปรุงกลั่นยามีหนึ่งเดียวคือคนนี้!”

เย่ซูซูขวัญสะท้านจนปากน้อย ๆ เผยออ้า มองไปที่เฉินโม่ด้วยแววตาที่สับสน หล่อนไม่คิดเลยว่าเฉินโม่จะทำได้จริง ๆ

เย่ซูซูเคยเป็นยอดพธูของสำนักยาเซียน กับเรื่องฝีมือในสำนักยาเซียนนั้นรู้อยู่จะแจ้ง สำนักยาเซียนไม่มีเด็ดขาดกับวิชาขั้นเทพแบบนี้ หรือมีการเก็บงำวิชาไว้ตอนที่สอนวิชาให้หล่อน?

เป็นไปได้อย่างมาก มิฉะนั้นทำไมวิชาการปรุงกลั่นยาอย่างมหัศจรรย์แบบนี้หล่อนทำไมไม่เคยเห็นมาก่อน?

เย่ซูซูมองหน้ามู่เจิ้งเฟิง พูดยิ้มเยือก ว่าสำนักยาเซียนยังมีวิชาปรุงกลั่นยาวิธีมหัศจรรย์แบบนี้อยู่อีก!”

มู่เจิ้งเฟิงรู้ว่าเย่ซูซูเข้าใจผิดคิดว่าวิธีการปรุงกลั่นยาของเฉินโม่ได้รับการถ่ายทอดมาจากสำนักยาเซียน แต่เขาก็ไม่คิดจะชี้แจง ในปีนั้นสำนักยาเซียนทุ่มเทกำลังทั้งหมดของสำนักมาบ่มเพาะสร้างหล่อน แต่คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะสนองกลับด้วยการเนรคุณ ขโมยเอาของวิเศษประจำสำนักมาสวามิภักดิ์กับสำนักตันจงศัตรูรายใหญ่ของสำนักยาเซียน

ตอนนี้ก็ปล่อยให้หล่อนเข้าใจผิดไป ปล่อยให้นึกเสียใจไปเถอะ!

บนใบหน้ามู่เจิ้งเฟิงแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มเหยียด ๆ ไม่พูดไม่ตอบ ปล่อยให้เย่ซูซูคิดเดาไปเอง

ที่ด้านหลังของฝูงคน เจียงเยว่เจียวเผยอปากน้อย ๆ มองดูจุ๋มจิ๋มน่ารัก

ผ่านไปสักพัก เจียงเยว่เจียวตั้งสติกลับมาได้ มองไปที่ผู้เฒ่าที่อยู่ข้าง ๆ ถามว่า “ไหนท่านบอกว่าไม่มีทางทำได้ไง?ตอนนี้จะว่ายังไง?”

ผู้เฒ่าท่านนั้นทำสีหน้าเก้อ หัวเราะเหอ ๆ แล้วพูดว่า “นี่มันน่าจะเป็นเหตุบังเอิญมั้ง เหตุบังเอิญอ่ะเฮอะ ๆ!”

กู่หลานยังคงกำลังดำเนินการในกรรมวิธีขั้นสุดท้ายอยู่ การหลอมรวมเป็นลูกกลอน แต่เกิดมีความรู้สึกบรรยากาศโดยรอบมีอะไรแปลก ๆ ที่เขาคิดในเรื่องแรกก็คือมองไปที่เฉินโม่

พอเขาเห็นเฉินโม่ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน บนโต๊ะก็ไม่เห็นมีเตากลั่นยา กู่หลานยิ้มเหยียด ๆ ออกมาในอาการเย้ยหยัน

“ไอ้หนู แกแพ้แน่……”

แต่พอสายตากู่หลานมองไปที่ข้างหน้าเฉินโม่ ปรากฏให้เห็นยาเม็ดใสแวววาวเม็ดหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ

คำพูดที่พูดยังไม่จบ ต้องถูกหักดิบยัดกลับไปเฉย มองไปที่ยาเม็ดนั้นด้วยความรู้สึกยากที่จะเชื่อ พูดเสียงตื่นไปว่า “นี่เป็นไปได้ยังไง!”

พอกู่หลานแยกจิตรู้สึกออกมา พวกสมุนไพรเหลวที่อยู่ในเปลวไฟเหล่านั้นก็ถูกเผาไหม้เป็นจุณไปในทันที กู่หลาน การปรุงกลั่นยาล้มเหลว!

การแพ้ชนะเห็นแล้ว ผลสรุปชัดเจน

พวกกรรมการตัดสินพวกนั้นมองกู่เยว่เหอที่มีสีหน้าอึมครึม ถึงแม้ใจจะไม่อยากทำ แต่ภายใต้สายตาของคนเป็นจำนวนมาก พวกเขาก็จำเป็นต้องประกาศผล

“กู่หลานปรุงกลั่นยาล้มเหลว!”

“อีกด้านหนึ่งคือนักปรุงกลั่นยาจากสำนักยาเซียนทำสำเร็จ ตอนนี้กรรมการสี่ท่านจะทำการตรวจวิเคราะห์สรรพคุณยา”

กู่เยว่เหอก็ได้ออกเสียงมาในทันทีนั้น “ช้าก่อน ข้าก็จะขอร่วมตรวจสอบด้วย!”

“อ้า…….” กรรมการหลายคนนั้นมองไปที่กู่เยว่เหอ เรื่องนี้ดูจะไม่ค่อยเหมาะตามกฎกติกา แต่ถึงยังไงกู่เยว่เหอก็เป็นประธานผู้จัดงานแลกเปลี่ยนทักษะในครั้งนี้ การร้องขอนี้พวกเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้

มู่เจิ้งเฟิงพูดเสียงหัวเราะเหยียดไปว่า “ทำไมล่ะ?เมื่อกี้นี้บอกว่าจะเลี่ยงข้อครหา ตอนนี้กลับเปลี่ยนใจละ?คุณไม่เชื่อถือกรรมการหลายท่านนี้ หรือคิดจะถือโอกาสเข้าไปทำตุกติก?”