หลายนาทีผ่านไป กู่หลานก็ได้ทำเสร็จในขั้นตอนที่หนึ่ง จัดการให้สมุนไพรทั้งหมดต้มเคี่ยวจนแปรสภาพเป็นของเหลว
กู่หลานก็ได้เก็บยาของเหลวเหล่านั้นใส่ในกระปุกหยกหลายใบ หลังจากนั้นก็เริ่มทำการสกัดมวลบริสุทธิ์ ก็ใช้เวลาไปอีกหลายนาที งานสกัดมวลบริสุทธิ์เสร็จแล้ว ตอนนี้ก็คงเหลือขั้นตอนสุดท้าย หลอมรวมให้เป็นลูกกลอน
กู่หลานใช้จังหวะว่างมองไปที่เฉินโม่ เห็นเฉินโม่กลับคอยมองเขาอยู่ข้าง ๆ ของที่วางอยู่บนโต๊ะยังไม่มีการถูกแตะต้องเลย อีกทั้งมาจนป่านนี้ก็ไม่เห็นเฉินโม่เอาเตากลั่นยาของตัวเองออกมา
“ฮะฮ้า ไอ้หนูน้อย ที่แท้ปรุงกลั่นยาไม่เป็นเอาเลยนี่!” กู่หลานนึกดีใจอย่างมากขึ้นมาในใจ เร่งความเร็วตัวเอง เริ่มลงมือในขั้นตอนสุดท้าย หลอมรวมให้เป็นลูกกลอน
บริเวณข้างล่าง คนดูทั้งหลายเริ่มออกเสียงหัวเราะเยาะ ทั้งยังเป็นการหัวเราะเยาะแบบเย้ยกันซึ่ง ๆ หน้า
“เจ้าเด็กนั่นยังไม่เอาเตากลั่นยาออกมาเลยหรือ?หรือว่ามันเตรียมจะโชว์ฝีมือปรุงกลั่นยาด้วยมือเปล่าจริง ๆ?ฮ่า ๆ!”
“ล้อเล่นหน่า ข้าเคยได้ยินแต่เรื่องเล่าจับเสือมือเปล่า ยังไม่เคยได้ยินว่ามีการปรุงกลั่นยามือเปล่าอ่ะ ดูท่าไอ้เด็กนี่ปรุงกลั่นยาไม่เป็นซะมากกว่า ที่ฝ่าสามด่านมาได้ เป็นเรื่องฟลุ๊กล้วน ๆ!”
“นายน้อยกู่ก็ได้เริ่มหลอมรวมทำลูกกลอนแล้ว เขากลับยังไม่ขยับทำอะไรเลย การท้าดวลครั้งนี้เห็นได้แล้วว่าใครแพ้ใครชนะ!”
คนดูทั้งหมดที่อยู่ข้างล่างล้วนเล็งที่เฉินโม่ ต่างแน่ใจว่าเฉินโม่แพ้เป็นแน่แล้ว
ที่อยู่บนเวทีทั้งกู่เยว่เหอและกรรมการหลายท่านนั้น ยิ่งใช้สายตามองเฉินโม่อย่างเหยียดหยาม โดยเฉพาะกรรมการหลายท่านนั้น มีความรู้สึกถูกล้อเล่นยังไงอย่างนั้น
“ไอ้เด็กน้อยนี่ น่าเกลียดชังจริง ๆ ตอนแรกเริ่มยังมองว่าเป็นเด็กมีพรสวรรค์ ด้วยความคิดอยากรับมาเป็นศิษย์ เลยเกือบจะมีเรื่องต่อยตีกับพี่หลินเสียแล้ว ไม่คิดว่าที่แท้มันก็ไอ้พวกหลอกหากิน!”
“นั่นสิ ยังไงพี่กู่เรายังฉลาดหลักแหลม พวกเราทะเลาะกันจะเอาเป็นเอาตาย เขากลับวางเฉยไม่พูดอะไร ที่แท้ก็มองออกอยู่ว่าไอ้เด็กนี่ไม่ได้เรื่อง!”
กู่เยว่เหอถูกคนยกยอเข้าให้ ในใจก็เคลิ้มไปกับความปลื้ม ถึงแม้ตอนนั้นเขาก็คิดลึก ๆ อยู่ว่าจะเอาเฉินโม่มาอยู่ในอาณัติ แต่ยังดีที่ไม่ได้พูดออกไป
กู่เยว่เหอพูดด้วยสีหน้ายิ้มเรียบ ๆ “ในโลกนี้มีพรสวรรค์อะไรกัน พรสวรรค์นั้นยังไงก็ต้องใช้ความขยันแสวงหาด้วยตัวเอง ยังดีที่พวกเราจับได้เร็ว ยังไม่มีใครโดนไอ้เด็กนี่มันหลอกเอา”
ให้แม้แต่มู่เจิ้งเฟิงก็ร้อนใจอยู่ลึก ๆ กำหมัดแน่นด้วยความเครียด นึกในใจอยู่ว่า “เฉินไต้ซือเราเป็นอะไรไปนะ?รีบเร่งปรุงกลั่นยาได้แล้ว!”
เย่ซูซูเห็นสีหน้ามู่เจิ้งเฟิงเต็มไปด้วยความร้อนรน หัวเราะออกมาด้วยเสียงประหลาด ๆ “อาจารย์อา ใช่มั้ยว่าอาจารย์ไปหาเอาพวกนักต้มตุ๋นมานี่?มองดูไม่เห็นจะได้เรื่องอะไรแล้ว!”
มู่เจิ้งเฟิงไม่ไปใส่ใจหล่อน เอาแต่จ้องไปที่เฉินโม่ ไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินโม่ป่านนี้ยังไม่เริ่มปรุงกลั่นยา หรือไม่มีเตากลั่นยา?
คนทั้งหมดล้วนมองเฉินโม่อย่างไม่มีดี ต่างเชื่อว่าเฉินโม่แพ้แน่แล้ว
และแล้วในขณะนั้นเอง เฉินโม่ก็ละสายตาจากตัวกู่หลาน “นักปรุงกลั่นยาบนโลกนี้ ไม่ได้อ่อนด้อยเลยจริง ๆ ”
เฉินโม่โยกตัวโคลงเคลง ภายใต้สายตาฉงนสนเท่ห์ของทุกผู้คน สะบัดมือออกไปในทันใด ตัวยาสมุนไพรทั้งหมดปลิวขึ้นไปกลางอากาศ
และแล้วก็โบกมืออีกครั้ง สมุนไพรทั้งหมดก็หายไป ยาเม็ดหยุดเลือดใสแวววาวเม็ดหนึ่งส่องประกายแสงราวหยกปรากฏอยู่กลางอากาศ
“ก็แค่ยาเม็ดชั้นต่ำแบบนี้ เพียงถ้าข้าอยากได้ แค่สั่งก็มาแล้ว!”
ทั่วทั้งบริเวณเงียบเป็นตาย!
ทุกคนตะลึงกันตาค้าง มองไปที่เฉินโม่ด้วยสีหน้าส่อท่าทีแบบไม่กล้าที่จะเชื่อ
“โอ้พระเจ้า อะไรกันนั่นอ่ะ?”
“เขาทำได้จริงหรือนี่!”
“ใช่ เขาทำได้จริง ๆ เลย ไม่ต้องใช้เตากลั่นยา ปรุงกลั่นยาวิเศษด้วยมือเปล่า!”
“อีกทั้งยังแค่สั่งก็ได้มา นี่ใช่เป็นการปรุงกลั่นยาหรือ?นี่มันมายากลชัด ๆ เลย!”
“เขาทำมาได้ยังไงนั่น!”
คนดูที่อยู่ข้างล่างปากอ้าตาค้าง กรรมการหลายคนบนเวทีรวมทั้งกู่เยว่เหอก็มีอาการแตกตื่นเต็มหน้า
“เขา ทำได้จริง ๆ!”
“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นการพลิกกฎเกณฑ์ธรรมชาติของวิถีปรุงกลั่นยาเลยนะ!”
“แต่ เขาก็ดันทำได้จริง ๆ ”
กู่เยว่เหอสีหน้าอึมครึม วิธีการแบบนี้ฟังยังไม่เคยได้ฟังมาเลย แต่นี่กลับมีเด็กหนุ่มวัยยังไม่ถึงยี่สิบทำได้
“ไม่ นี่ไม่น่าจะใช่เรื่องจริง ยาเม็ดของเขาต้องเป็นของปลอมแน่!” กู่เยว่เหอแอบปลอบใจตัวเอง