กู่หลานหัวเราะเสียงลั่นแล้วพูดว่า “เด็กน้อย ฝีมือคุยโม้ของเจ้านี่นับว่าเป็นที่หนึ่งของโลกเลยนะ ข้าอยู่จนโตป่านนี้ ยังไม่เคยได้ยินว่าการปรุงกลั่นยาไม่จำเป็นต้องใช้เตากลั่นยา!”

“ทุกคนว่ามั้ย พวกเราใครเคยได้ยินมามั่ง?” กู่หลานมองไปที่คนดูข้างล่าง ถามไปด้วยเสียงอันดัง

“ฮา ๆ พวกเราก็ไม่เคยได้ยินนะ สงสัยพวกเรามีวิสัยทัศน์คับแคบไปนะ นายน้อยกู่หลาน ไม่สู้ให้เขาลองแสดงให้พวกเราดูสักครั้ง ดูซิว่าไม่ต้องใช้เตากลั่นยา แล้วจะกลั่นยาวิเศษออกมาได้ยังไง!”

“ใช่ แสดงให้ดูหน่อยซิ!” ข้างล่าง คนส่วนใหญ่เริ่มฮือฮากันขึ้นมา ตะโกนเรียกให้เฉินโม่แสดงให้ดู

มู่เจิ้งเฟิงสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ถึงแม้เขาจะมีความมั่นใจในตัวเฉินโม่เต็มที่ แต่เรื่องที่กลั่นยาโดยไม่ใช้เตากลั่นยา——–ให้แม้แต่เขาเองก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!

เย่ซูซูเอามือปิดปากหัวเราะเสียงหวาน “อาจารย์อา ผู้ช่วยที่คุณอาเชิญมาคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ นะ กลั่นยาได้ถึงขนาดไม่ต้องใช้เตากลั่นยา ร้ายกาจจริง ๆ เลยอ่ะ!”

มู่เจิ้งเฟิงค้อนใส่หล่อนอย่างเหยียด ๆ ยิ้มเยือก ๆ พูดไปว่า “พวกกบใต้กะลาอย่างเธอนะ จะเคยได้เห็นฟ้ากว้างสักแค่ไหนกัน?ในโลกนี้ที่ยังไม่เคยเห็นอีกมากมายนั้นนะหรือ?มันไม่ได้แปลว่าไม่มีนะ ข้าเชื่อเขาว่าถ้าพูดออกมาได้ ก็จะต้องทำได้แน่นอน”

พวกคณะกรรมการก็แอบส่ายหน้ากัน เดิมยังคิดว่าเฉินโม่คงจะเป็นลูกศิษย์ของยอดฝีมือที่ปลีกตัวออกนอกสังคมโลก ตอนนี้คงจะได้เห็นกู่หลานได้ถูกสั่งสอนเสียบ้าง ไม่คิดว่ากลับมาคุยเรื่องการกลั่นยาไม่ต้องใช้เตากลั่นยาไปโน่น ช่างทำให้เหล่ากรรมการทั้งหลายผิดหวังกันสุดที่สุด

กู่เยว่เหอฉายรอยยิ้มออกมา สายตาที่มองเฉินโม่ฉายความเหยียดหยามออกมาในแววตา คิดอยู่ลึก ๆ ในใจ “ดูท่าเราจะประเมินค่าไอ้เด็กคนนี้ไว้สูงเกินไปแล้ว ความจริงมันไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เป็นพวกนอกวงการปรุงกลั่นยาชัด ๆ ไม่งั้นจะพูดออกมาได้ยังไงเรื่องไม่ต้องใช้เตากลั่นยานี่?”

กู่เยว่เหอ ทิ้งความระแวงในตัวเฉินโม่อย่างสิ้นเชิง

เจียงเยว่เจียวที่ยืนอยู่ในฝูงคน ขมวดคิ้วย่นมองไปที่เฉินโม่ ถามผู้เฒ่าที่ยืนข้าง ๆ ไปด้วยความข้องใจ “การปรุงกลั่นยาไม่จำเป็นต้องใช้เตากลั่นยาก็ได้จริง ๆ หรือ?”

ผู้เฒ่าคนนั้นหัวร่อลั่นพูดว่า “พูดบ้าบอส่งเดช ถ้าไม่มีเตากลั่นยา แล้วเอาอะไรไปวางตัวสมุนไพรกับไฟที่จุด?ไอ้เด็กน้อยนี่มันพูดแบบชักแม่น้ำทั้งห้า!”

เจียงเยว่เจียวมองไปที่เฉินโม่ ทันทีนั้นก็เชิดปากน้อย ๆ นั้นขึ้นมา “ฮึ ที่แท้ก็ไอ้พวกบ้าบอที่เป็นแต่พูดโว เกือบไปแล้วที่เราจะไปหลงลม!”

เผชิญกับการเยาะเย้ยของทุกคนข้างล่างเวที เฉินโม่ไม่รู้สึกสะทกสะท้าน มองแต่สมุนไพรที่อยู่ตรงหน้า ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย

เฉินโม่ได้พบว่า ในพวกสมุนไพรเหล่านี้ ในนั้นมีสมุนไพรชนิดหนึ่งมีปริมาณน้อยไป ถึงจะสามารถปรุงกลั่นเป็นยาเม็ดหยุดเลือดได้ ระดับขั้นที่ได้ก็ไม่ได้สูง สรรพคุณก็ยิ่งไม่ต้องว่าจะดีได้

ดูแล้ว นี่ต้องเป็นการจงใจทำของคนเป็นแน่เลย!

คนพวกนี้มีความคิดละเอียดอ่อน พวกเขาไม่ได้ตั้งใจทำให้มีการลดสมุนไพรไปบางอย่าง เพราะถ้าเกิดเฉินโม่ขอให้มีการตรวจสอบ สมุนไพรขาดไปหนึ่งชนิดก็ต้องถูกตรวจพบได้อย่างแจ่มชัด

เพราะฉะนั้น พวกเขาก็ได้แต่จัดสมุนไพรบางตัวที่ให้เฉินโม่ ลดปริมาณลงไป แบบนี้ก็จะมีผลเป็นอย่างมากกับสรรพคุณของยาเม็ด ทั้งยังไม่สามารถตรวจสอบได้ นอกเสียแต่กับเฉินโม่ที่อยู่ในระดับบำเพ็ญเซียน ไม่งั้นแล้วต่อให้เปลี่ยนเป็นมู่เจิ้งเฟิงหรือกู่เยว่เหอในระดับนักปรุงกลั่นยานี้ ในฐานะที่ไม่รู้จริงก็ไม่มีทางจะตรวจรู้ได้เด็ดขาด

เฉินโม่ไม่ได้มีการเสนอทักท้วง ปริมาณสมุนไพรที่คนพวกนี้ให้มา ก็เพียงอ้างอิงจากสูตรส่วนผสมของนักปรุงกลั่นยาในโลกนี้จัดทำไว้ สำหรับการปรุงกลั่นยาเม็ดหยุดเลือดของเฉินโม่ ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ปริมาณขนาดนั้น เพียงแค่ปริมาณที่หนึ่งในสามก็เกินพอแล้ว

กู่หลานเห็นเฉินโม่ไม่ออกเสียงท้วง คิดว่าเฉินโม่เห็นรู้แล้วว่าเขาจงใจวางแผนจะกระตุ้นโทสะของตัวเขาเอง สะบัดเสียงฮึออกจมูกอย่างเหยียด ๆ แล้วก็ไม่พูดอะไร เริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการต้มกลั่นยา

กู่หลานไม่เสียทีที่เป็นเจ้าสำนักน้อย วิชาการปรุงกลั่นยาในตัวก็มีฝีมือในระดับหนึ่ง อีกทั้งยาเม็ดหยุดเลือดก็ยังเป็นยาเม็ดที่กู่หลานถนัดมากที่สุดอย่างหนึ่ง ฉะนั้นในการปรุงกลั่นให้ได้มาของกู่หลาน ต้องเรียกว่าจัดได้ตามสั่ง