เฉินซงจื่อกลับไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น ได้ถามอย่างสงสัย “สำนักยาเซียนมีอัจฉริยะที่เลื่องลือแบบนี้ มันก็เป็นเรื่องที่ดีมากเลย ไม่นานคงสามารถชนะสำนักตันจงของโลกบู๊โบราณได้อย่างแน่นอน!”

มู่เจิ้งเฟิงพยักหน้า ถอนหายใจพูด “ใช่ ตอนแรกศิษย์พี่ใหญ่ของฉันก็คิดเช่นนี้ แต่สิ่งต่างๆกลับตาลปัตร! เมื่อชื่อเสียงของราชินีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สำนักตันจงย่อมไม่ยอมให้อัจฉริยะที่น่าตกตะลึงเช่นนี้เติบโตได้อย่างราบรื่น แต่ในเวลานั้นข้อตกลงของโลกบู๊โบราณและโลกมนุษย์ยังไม่ถูกทำลาย ดังนั้นสำนักตันจงจึงไม่กล้าทำอะไรสำนักยาเซียนอย่างโจ่งแจ้ง”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ มู่เจิ้งเฟิงก็นิ่งไปทันที จากนั้นใบหน้าของเขาก็ปรากฏขึ้นด้วยความโกรธ

มู่เจิ้งเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดต่อด้วยเสียงสูง “สำนักตันจงไม่กล้าโจมตีสำนักยาเซียนอย่างเปิดเผย แต่พวกเขาได้วางหลุมพรางไว้ในประชุมแลกเปลี่ยนความรู้เภสัชเมื่อสามปีก่อน!”

“ในปีนั้นในงานแลกเปลี่ยนความรู้เภสัช สำนักตันจงใช้คำพูดยั่วยุเราครั้งแล้วครั้งเล่า จนเราทนไม่ได้ สุดท้ายทำได้เพียงยอมรับการท้าทายของสำนักตันจง ปรากฏว่าได้พ่ายแพ้ให้กับสำนักตันจงอย่างย่อยยับ และเสียหน้าอย่างมากในโลกเภสัช”“จากนั้น สำนักตันจงก็ส่งคนมาแอบล่อลวงราชินียาของเรา เดิมคิดว่าราชินีจะซาบซึ้งในบุญคุณอันใหญ่หลวงของสำนักยาเซียน คงจะอยู่กับเราตลอดไป ไม่มีทางที่จะหักหลังสำนักยาเซียน แต่แล้ว ราชินียาไม่เพียงแต่หักหลังเรา ยังได้ขโมยยาที่ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างคัมภีร์เซียนยาไป เพื่อนำไปมอบเป็นของขวัญพบหน้าที่เธอไปพึ่งพาอาศัยสำนักตันจง!”

“ในตอนนั้นศิษย์พี่ใหญ่ของผมโกรธจนเกือบจะกระอักเลือด แต่ว่าก็ไม่มีความสามารถที่จะไปแย่งชิงยากลับมา ทำได้เพียงกล้ำกลืนอดทนเอาไว้ และให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นความอัปยศอดสูต่อสำนักยาเซียน แม้กระทั่งตั้งเป็นกฎเกณฑ์ของบรรพบุรุษ กำชับคนรุ่นหลัง ต้องแย่งชิงคัมภีร์เซียนยากลับมาให้ได้ ”

“เมื่อเห็นว่าการประชุมการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเภสัชที่จะมีขึ้นในทุกสามปีกำลังจะเริ่มขึ้น และเผ่ามังกรก็ได้มีผู้เก่งกาจอย่างเฉินไต้ซือปรากฏตัวขึ้น ผมกลัวว่าจะพลาดโอกาสในครั้งนี้ ชั่วชีวิตนี้จะไม่สามารถแย่งคัมภีร์เซียนยากลับคืนมาได้อีก ผมขอบังอาจขอร้องให้เฉินไต้ซือช่วยออกหน้าด้วย ช่วยร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเภสัชในครั้งนี้ด้วย แย่งชิงคัมภีร์เซียนยากลับมาจากสำนักตันจง!”

ได้ฟังคำพูดของมู่เจิ้งเฟิงแล้ว เฉินโม่รู้สึกว่าแม้สำนักตันจงจะทำเกินไป แต่ว่าราชินียาคนนั้นชั่วช้ากว่า

“ได้ ฉันรับปากคุณ จะช่วยคุณแย่งคัมภีร์เซียนยากลับคืนมา เพียงแต่ว่าคุณสามารถรับประกันได้หรือไม่ว่าสำนักตันจงจะเข้าร่วมประชุมการแลกเปลี่ยนครั้งนี้?” เฉินโม่กล่าว

มู่เจิ้งเฟิงดีใจมาก ตื่นเต้นจนใบหน้าที่แก่เหี่ยวกำลังสั่น เฉินไต้ซือสบายใจได้เลย “สำนักตันจงมีความสามารถอันดับหนึ่งในโลกเภสัช และการประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเภสัชสามปีต่อครั้งล้วนเป็นคนที่มีพลังอำนาจแข็งแกร่งที่สุดของโลกยาเป็นประธาน ดังนั้นสำนักตันจงต้องไปอย่างแน่นอน และต้องรับการท้าทายของคนอื่นด้วย” มู่เจิ้งเฟิงพูดอย่างมั่นใจ

เฉินโม่พยักหน้า “งั้นก็ดี แล้วงานประชุมแลกเปลี่ยนด้านเภสัชจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ เราออกเดินทางตอนนี้เลย!”

“อีกสามวันก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ผมยังคิดอยู่เลยถ้าคุณยังปลีกวิเวกอยู่ การประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเภสัชในครั้งนี้ สำนักยาเซียนก็ไม่มีความหวังแล้ว ถ้าคิดอยากจะแย่งชิงคัมภีร์เซียนยาเกรงว่าต้องรออีกสามปี ยังดีที่คุณออกวิเวกได้ทันเวลา บางทีนี่อาจจะเป็นลิขิตสวรรค์ สวรรค์ยังช่วยเราแย่งคัมภีร์เซียนยากลับคืนมาเลย”

“ในเมื่อยังเหลืออีกสามวัน งั้นให้คุณเป็นคนจัดเวลา จะออกเดินทางเมื่อไหร่ก็แจ้งผมด้วย” เฉินโม่กล่าว

“ครับ!” มู่เจิ้งเฟิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื้นตัน ขอบคุณโดยการโค้งคำนับ

ทั้งสองคนออกเดินทางในวันที่สอง จงโจวกับฮ่านหยางเชื่อมต่อกัน และไม่ไกล

เพียงแต่ว่า สถานที่จัดงานแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเภสัช กลับกันดารมาก

จุดนี้เป็นสิ่งที่เฉินโม่คาดคิดไว้นานแล้ว ถ้าหากงานประชมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเภสัชถูกจัดขึ้นใจกลางเมือง เกรงว่าคนก็คนรู้กันทั่วแล้ว

เมื่อมู่เจิ้งเฟิงพาเฉินโม่มาถึงที่จงโจวแล้ว ทั้งสองก็ได้เรียกรถไปยังวิลล่าตันเฟิงซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเภสัช