เฉินโม่โทรหามู่เจิ้งเฟิง เมื่อมู่เจิ้งเฟิงรับสาย เห็นได้ชัดว่าเขานั้นดีใจมาก

“เฉินไต้ซือ คุณออกจากวิเวกแล้วเหรอ!” มู่เจิ้งเฟิงถามอย่างเกรงใจ

เฉินโม่กล่าว “อืม ได้ยินว่าคุณมีธุระจะคุยกับผม มันเรื่องอะไร?”

มู่เจิ้งเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เรื่องมันยาว ผมขอคุยกับคุณด้วยตัวเองดีกว่า พอดีผมกำลังจะไปจงโจว จะแวะไปหา”

“ได้ คุณมาที่กลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรังโดยตรงเลยนะ!” เฉินโม่กล่าว

“อืม”

มู่เจิ้งเฟิงมาถึงที่กลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรัง เป็นเวลาของวันที่สองแล้ว

ในห้องรับแขก มู่เจิ้งเฟิงกำลังดื่มชา มองไปทางเฉินโม่ ด้วยสีหน้าที่เกรงกลัว

เฉินโม่สีหน้าเรียบเฉย กับมู่เจิ้งเฟิงนั้น เขามีความรู้สึกที่ดีด้วย

“คุณมู่ มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ ไม่ต้องอ้อมค้อม!” เฉินโม่กล่าว

มู่เจิ้งเฟิงพยักหน้า พร้อมกับลุกขึ้นในทันที และคุกเข่าคำนับเฉินโม่ “เฉินไต้ซือ ผมต้องการให้คุณช่วยเหลือสักครั้ง!”

เฉินจื่อซงที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย มู่เจิ้งเฟิงที่เป็นคนดูแลสำนักยาเซียน ได้รับความเคารพจากคนบนโลก แม้แต่นักบู๊ของโลกฝึกบู๊ยังต้องเกรงกลัวเขาเลย มีเรื่องอะไรที่ทำให้เขาต้องถึงกับคำนับขอร้องเฉินโม่?

เฉินโม่ยื่นมือใช้พลังพยุงมู่เจิ้งเฟิงลุกขึ้น มู่เจิ้งเฟิงรู้สึกเหมือนมีพลังที่เขาไม่สามารถต้านได้ดึงตัวเขาขึ้นมา เขาไม่กล้าต่อต้าน รีบลุกขึ้นตาม มองเฉินโม่ด้วยสายตาที่เกรงกลัว

สีหน้าของเฉินโม่ยังคงเรียบเฉย แล้วพูดขึ้น “คุณเจิ้งมีอะไรก็พูดมาได้เลย วันนี้คุณเป็นคนของสำนักโม่แล้ว เรื่องของคุณก็ถือเป็นเรื่องของผม!”

มู่เจิ้งเฟิงได้ยินเฉินโม่เห็นเขาเป็นคนกันเอง ใบหน้ามีความดีใจในทันที แล้วก็โค้งคำนับอีกครั้ง “เฉินไต้ซือ ฉันอยากให้คุณนำพาสำนักยาเซียนของเรา ไปร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยนเภสัชครั้งนี้ของจงโจว!”

การแลกเปลี่ยนด้านเภสัช?

เฉินโม่ไม่เคยได้ยินมาก่อน อย่างไรก็ตามเผ่าฝึกเซียนทั้งหมื่น ก็มีการแลกเปลี่ยนแบบนี้ ว่ากันว่าคือการแลกเปลี่ยน อันที่จริงก็คือการไปโชว์ความสามารถของตัวเอง เพื่อให้คนในสาขาเดียวกันยอมรับ กลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในสาขา

เฉินโม่คาดว่า การแลกเปลี่ยนด้านเภสัชในครั้งนี้ ก็คงจะเหมือนกับการแลกเปลี่ยนของเผ่าฝึกเซียนทั้งหมื่น

สำหรับการแลกเปลี่ยนแบบนี้ พูดตามตรงเฉินโม่ไม่ได้มีความสนใจเลย ด้วยความสามารถของเขาอยู่บนโลกใบนี้สามารถสั่งการพวกปรมาจารย์เภสัชทุกคน แต่ว่าสำหรับการขอร้องของมู่เจิ้งเฟิง เฉินโม่ไม่สะดวกในการปฏิเสธ โดยเฉพาะเมื่อกี้เขาได้รับปากมู่เจิ้งเฟิงไปแล้ว

มู่เจิ้งเฟิงเหมือนจะมองออกถึงความลังเลของเฉินม่ จึงรีบอธิบาย “เฉินไต้ซือ คุณอย่าเข้าใจผิด ที่ผมขอให้คุณเป็นตัวแทนร่วมแลกเปลี่ยนด้านเภสัชของสำนักยาเซียนในครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของตระกูลมู่ แต่ผมนั้นมีเรื่องที่ลำบากใจมากจริงๆ”

เฉินไต้ซือกับเฉินซงจื่อมองมู่เจิ้งเฟิงอย่างสงสัยเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตระกูลมู่กับงานประชุมแลกเปลี่ยนด้านเภสัชของจงโจวมีความแค้นอะไรกัน

ใบหน้าของมู่เจิ้งเฟงเผยให้เห็นถึงสีหน้าที่คิดถึงเรื่องราวในอดีต ถอนหายใจแล้วพูด “เฉินไต้ซือ เรื่องมันเป็นอย่างนี้……”

“ตอนนั้นตระกูลมู่ที่รับผิดชอบดูแลสำนักยาเซียน ได้รับความนับถือจากผู้คน แม้แต่คนของโลกบู๊โบราณยังเคารพตระกูลมู่ของผมอย่างมาก แต่ว่าในโลกบู๊โบราณ ก็มีตระกูลเภสัชที่เป็นคู่แข่งของตระกูลมู่มาหลายปี ซึ่งก็คือตระกูลกู่”

“สำนักตันจงของตระกูลกู่ที่อยู่ในโลกบู๊โบราณ ก็มีฐานะเหมือนกับสำนักยาเซียนของเรา เราสองตระกูลแก่งแย่งความเป็นหนึ่งมาหลายร้อยปี แต่ฝีมือนั้นสูสีกัน ทว่ากำลังความสามารถของสำนักยาเซียนเริ่มถดถอย เมื่อเวลาผ่านไปเราก็ไม่ใช่คู่แข่งของสำนักตันจงอีกต่อไป จนกระทั่งเมื่อห้าปีก่อน ทางสำนักยาเซียนของเราได้มีอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหนึ่งคน ถูกโลกเภสัชขนานนามว่าราชินีเย่ซูซู

เฉินโม่ได้พูดอะไรมาก เขารู้จักราชินีเย่ซูซูของสำนักยาเซียนคนนี้ เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องดีอะไร ไม่อย่างนั้นทำไมตอนที่เขากำลังจะทำลายล้างสำนักยาเซียน ทำไมถึงไม่เห็นตัวราชินีคนนี้ล่ะ?