เพิ่งจะเรียกชื่อหนึ่งออกมา พยาบาลที่กำลังดูแลคนป่วยอยู่ในห้องผู้ป่วย หลังจากเห็นว่าเธอมาแล้ว เหมือนยกภูเขาออกจากอก รีบเอายาฉีดในมือให้เธอไปทั้งหมด
คราวนี้เส้นหมี่ไม่ได้ปฏิเสธ หลังจากรับมาจึงเดินไปที่เตียงผู้ป่วย
เทียบกับเมื่อวาน ชายหนุ่มผู้นี้ยิ่งดูซีดเผือด แถมดูอ่อนแอมาก เมื่อมองไปแวบหนึ่ง สองตาเขาปิดสนิทนอนนิ่ง หากไม่ใช่ยังรับรู้ได้ถึงเสียงหายใจของเขา
คงอดคิดไม่ได้ว่าเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว
ฆ่าตัวตาย?
เขาคนเดียวต่อสู้กับโรคร้ายมาอย่างยาวนาน ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นคนที่ยึดมั่นในการมองโลกในแง่ดีและท่าทีอันเรียบง่ายมาโดยตลอด คงย่อมต้องเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง
เส้นหมี่ยืนอยู่ตรงหน้าเตียงของเขา ความรู้สึกผิดในใจถาโถมเข้ามา ทำให้เธอถึงกับเกือบจะหายใจไม่ออก
“คุณไวท์….”
“หมอคิตตี้ คุณไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ ผมแค่จู่ๆรู้สึก….เหนื่อยหน่ายกับโลกใบนี้ ปลดปล่อยเสียแต่เนิ่นๆ น่าจะดี”
ราวกับรับรู้ได้ว่าเส้นหมี่จะพูดอะไร ปาเวซคนนี้ โดยไม่คาดคิดพูดตัดบทหล่อน และปลอบประโลมหล่อนก่อน
เส้นหมี่มองอย่างเหม่อลอย
จ้องมองผ่านไป ถึงพบว่าตาทั้งสองข้างที่ปิดอยู่ของชายหนุ่มได้เปิดแล้ว
เพียงแต่เวลานี้ เขามองเธออย่างเงียบๆ ดวงตาสีอำพันคู่นั้นไม่มีคลื่นใดๆ สงบเสียจนราวกับว่าไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นมาก่อน
เส้นหมี่ : “……”
ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ ใจเธอยิ่งหมดแรง
ราวกับว่า มีก้อนหินก้อนหนึ่งกดทับอย่างหนักหน่วงอยู่บนใจของเธอ เธอไม่มีทางที่จะยกโทษให้ตัวเองได้เลย
“คุณไวท์ คุณอย่าทำเรื่องโง่ๆอีกเลย ถ้าหากคุณไม่อยากให้ครอบครัวคุณดูแลคุณจริงๆละก็ ไม่เป็นไร ฉันสามารถยื่นเรื่องต่อโรงพยาบาล ไปเป็นหมอของครอบครัวคุณค่ะ”
ในที่สุดเธอก็พูดประโยคนี้ออกมา
ชายหนุ่มผู้นี้เมื่อได้ยิน รีบอาศัยความเร็วที่ตาเปล่ามองเห็น ฉายแววตามีประกายของเขาสักครู่
ในที่สุดเธอก็ตอบรับ
ณ ห้องผู้อำนวยการ
เมื่อไพบูลย์ได้ฟังเรื่องนี้ เขาตกใจมาก!
“คุณจะไปเป็นหมอของครอบครัวเขาเหรอ? แล้วคุณแสนรักทางนั้นจะทำยังไง? เขาเข้าไปเกือบจะหนึ่งเดือนแล้วนะ อีกสองเดือนก็จะออกมาแล้ว หากคุณไปตระกูลไวท์ แล้วจะไปเดอะวิวซีได้อย่างไร?”
“ดิฉันคงไม่ไปนานขนาดนั้นแน่นอนค่ะ ตอบรับเขาไปแบบนี้ ก็เพียงแค่จะให้เขาสงบชั่วคราว คุณก็ทราบดี ผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายแรงแบบนี้ มักจะคิดไม่ตกเอาง่ายๆ รอเขาอารมณ์ดีขึ้นหน่อยก็ได้แล้วค่ะ”
เส้นหมี่อธิบาย
ไพบูลย์ฟังจบ ถึงได้เข้าใจความคิดของเธอ
“หากเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ไม่ต้องกังวลแล้ว เมื่อถึงเวลาถึงแม้ว่าอารมณ์ของเขาจะยังไม่มั่นคง ผมก็ยังสามารถส่งคนไปรับช่วงต่อจากคุณ”
“ค่ะ ขอบคุณด็อกเตอร์ไพบูลย์ค่ะ”
เมื่อเส้นหมี่ได้ฟังการวางแผนที่รอบคอบเช่นนี้ ก็รู้สึกขอบคุณผู้อำนวยการคนนี้อย่างจริงใจอีกครั้ง
เส้นหมี่ได้รับการมอบหมายจากโรงพยาบาลให้ไปเป็นหมอประจำครอบครัวของปาเวซคนนี้ทันที ในวันที่สามหลังจากปาเวซกระทำการอัตวินิตบาทกรรม เธอและเขาก็ออกจากโรงพยาบาลด้วยกันไปยังที่พักอาศัยของเขา
“คุณสบายใจได้ ผมไม่พาคุณกลับบ้านหรอก ไม่ให้แม่ของผมกับคุณเกิดความขัดแย้งกันอีก”
เมื่อมาถึงที่พักของเขา เส้นหมี่เข็นเขาลงจากรถ เขามองไปที่สวนส่วนตัวที่อยู่เบื้องหน้า ยังอธิบายให้เส้นหมี่ฟังโดยเฉพาะ
เส้นหมี่หัวเราะเบาๆ
จริงๆก็ไม่เป็นไร เพราะเธอก็คงอยู่ไม่นาน
เมื่อเดินเข้ามาด้วยกัน กลับพบว่า สวนนี้แต่งแบบตะวันออกทั้งหมด จากเวลาก้าวเข้าประตูมาตึกประดับประดาอย่างหรูหรา จนถึงศาลาด้านใน ลานบ้านก็ตกแต่งแบบโบราณจนเธอต้องประหลาดใจ ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือสถานที่ที่คนวัยหนุ่มสาวอาศัยอยู่
“ที่นี่คุณตาของผมเก็บไว้ให้ผม หลายทศวรรษแล้ว ผมเห็นว่ามีของหลายชิ้นที่ท่านทำเองกับมือ จึงไม่อยากจะทิ้ง”
น่าจะเพราะเห็นเส้นหมี่ตกตะลึง
ชายหนุ่มผู้นี้นั่งอยู่บนวีลแชร์ อธิบายอย่างอดทน
ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง
สายตาของเส้นหมี่กวาดไปที่ผ้าม่านที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปที่แขวนอยู่ จึงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงเข็นเขาเข้าไปในห้องของเขา
ในเมื่อกลายเป็นหมอประจำครอบครัวของชายหนุ่มผู้นี้แล้ว แรกเริ่มเดิมที ปาเวซอยากให้เส้นหมี่พักอยู่ที่สวนส่วนตัวของเขาตรงนี้ แต่เส้นหมี่ปฏิเสธ
“ต้องขออภัยด้วยค่ะ คุณไวท์ ที่บ้านดิฉันยังมีเด็กหนึ่งคน พักอยู่ที่นี่ไม่ได้ค่ะ ดิฉันต้องดูแลเธอค่ะ”
“คุณรับเธอมาอยู่ที่นี่ด้วยได้นะครับ”
ปาเวซกลับไม่รังเกียจแม้แต่น้อย
แต่เส้นหมี่ยังคงปฏิเสธ
เธอไม่ชอบพักอยู่ที่บ้านของคนแปลกหน้า ยิ่งต้องพาเด็กมาอยู่ด้วยแล้ว นั่นจะทำให้เธอไม่อิสระเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่ปลอดภัยอีกด้วย
เส้นหมี่เริ่มที่จะไปกลับบ้านของชายหนุ่มผู้นี้ทุกวัน เพราะพิจารณาจากสองข้อข้างต้นแล้ว แถมยังมีเด็กอีกคนด้วย ไม่กี่วันที่เริ่มต้นนั้น เส้นหมี่ไม่มีเวลาส่งวีแชทไปหาคนในกองทัพคนนั้นอีก
หลังจากเธอกลับถึงบ้าน ดูแลเด็กอาบน้ำกินข้าวเสร็จ หัวถึงหมอนก็หลับ
หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ เมื่อเธอปรับตัวได้แล้ว มีเวลาคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จึงหยิบโทรศัพท์มือถือคิดจะติดต่อคนผู้นี้
กลับพบว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากวันสุดท้ายนั้นที่เธอส่งข้อความไป ในวีแชทนี้ ก็ไม่มีข้อความใหม่ใดๆทั้งสิ้น เขาไม่ได้อยากพบเธอ
ใจของเส้นหมี่หล่นไปแล้ว
เขาไม่ได้คิดถึงเธอเลยสักนิดหรือ?
นอกเสียจากเธอเริ่มต้นก่อน เขาไม่ได้คิดจะติดต่อเธอจริงหรือ?
เธอรู้สึกถูกเมินเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลาหนึ่ง แม้แต่ความสนใจที่จะติดต่อเขาไปก็หายไปไม่เหลือร่องรอย….